ลู่เจียวกล่าวกับคนที่เดินตามหลังนางอย่างนุ่มนวลว่า “ปรับปรุงบ้านใหม่”
จ้าวเหอฮวามองลู่เจียวด้วยสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ กล่าวว่า “สวนดอกไม้ดีๆ ปรับปรุงทำไม”
กล่าวจบนางคิดถึงว่านี่คือบ้านตระกูลหัน ก็อดถามไม่ได้ว่า “คุณชายหันเห็นชอบให้พวกเจ้าปรับปรุงใหญ่เช่นนี้หรือ”
ลู่เจียวกล่าวต่ออย่างไม่ได้สนใจนักว่า “บ้านนี้พวกเราซื้อแล้ว คิดปรับปรุงก็ปรับปรุง”
จ้าวเหอฮวาพอได้ฟังก็เบิกตาโต แม้แต่บ้านขนาดนี้ตระกูลเซี่ยก็ซื้อได้ คิดว่าต้องมีเงินมากแน่นอน
หากนางได้แต่งกับคุณชายเซี่ย ไม่ใช่ว่าจะได้กลายเป็นนายหญิงเจ้าของบ้านใหญ่นี้หรือ
พอคิดถึงบ้านพวกนาง ตอนนี้ยังเช่าอยู่ คนเราหากเปรียบเทียบกัน ทำเอาต้องโมโหตาย
จ้าวเหอฮวาครุ่นคิดหันไปมองลู่เจียวข้างๆ แอบพึมพำ หญิงผู้นี้แม้ว่าหน้าตาไม่เลว แต่อ้วนไปหน่อย หญิงอ้วนเช่นนี้คิดว่าคุณชายเซี่ยย่อมไม่ชอบ แต่คงเพราะเห็นแก่นางที่คลอดลูกถึงสี่คน จึงให้นางอยู่ต่อ
จ้าวเหอฮวาครุ่นคิด หันไปมองสวนดอกไม้กับพวกหลินต้าและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่กำลังถอนดอกไม้ต้นไม้
“โอ๊ย เจ้าหนูน้อยทั้งสี่บ้านพวกเจ้าหน้าตาดีจริง ชื่ออะไรกันบ้าง”
“ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่า”
ลู่เจียวหรี่ตามองจ้าวเหอฮวาข้างๆ หากว่าก่อนหน้านี้จ้าวเหอฮวามา นางไม่ได้คิดมาก แต่ตอนนี้หญิงผู้นี้พูดนี่นั่นมากมาย นางก็คิดมากแล้ว หญิงผู้นี้หมายใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้วหรือ
ลู่เจียวรู้สึกขำมาก หันไปประเมินมองจ้าวเหอฮวา นางมองไม่ออกจริงๆ ว่าหญิงผู้นี้ทำไมกล้าคิดเช่นนี้
แม้ว่านางหน้าตาไม่เลว แต่ก็ไม่ได้สวยจนผู้ชายต้องสะดุดตา และก็ไม่นับว่าฉลาดมีปัญญา แท้จริงนางถือสิทธิ์อะไรคิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะถูกตาต้องใจนาง
ลู่เจียวไม่อยากสนใจจ้าวเหอฮวา เดินถึงไปคุยกับช่างไปว่าจะปรับสร้างอย่างไร หลักๆ ก็คือสร้างไม้ลื่นถ้ำไม้และอื่นๆ
จ้าวเหอฮวาเห็นลู่เจียวไม่สนใจ นางก็คิดจะตามไปคุยกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ จะแต่งเข้าตระกูลเซี่ย ย่อมต้องสานสัมพันธ์กับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ให้ดี
เพียงแต่จ้าวเหอฮวาไม่ทันได้เดินตามมา ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลัง ตาเฒ่าเหวินคนเฝ้าประตูเดินมากล่าวกับลู่เจียว
“เหนียงจื่อ ที่หน้าประตูมีสาวใช้คนหนึ่งมาตามแม่นางจ้าว บอกว่าที่บ้านนางมีแขกแซ่สวี่มา”
จ้าวเหอฮวาย่อมได้ยินคำพูดตาเฒ่าเหวิน รีบยิ้มให้ลู่เจียวกล่าวว่า “ต้องเป็นคุณหนูชิงอินจากครอบครัวสวี่เซี่ยนเว่ย[1] นางเป็นสหายสนิทข้า”
กล่าวจบก็หันเดินออกไปอย่างภูมิใจ ลู่เจียวด้านหลังมองนางอย่างไร้วาจาจะเอ่ย
เฝิงจือด้านหลังนางเดินมาข้างกายนาง กระซิบเบาๆ ว่า “เหนียงจื่อ หญิงตระกูลจ้าวผู้นี้จุดมุ่งหมายใหญ่ไปสักหน่อย ท่านต้องระวัง”
ลู่เจียวพยักหน้า “ข้ารู้ เจ้าคอยมองนางไว้หน่อย”
ขอเพียงหญิงผู้นี้ไม่ทำอะไรที่เกินเลย นางก็ขี้เกียจจะสนใจ แต่หากนางกล้าทำเรื่องไม่ดี นางจะต้องไปเอาเรื่องกับมือปราบจ้าวสักหน่อยว่าอบรมบุตรสาวเช่นไร
ได้ยินว่ามือปราบอำเภอชิงเหอผู้นี้เป็นคนตรงไปตรงมา เกลียดคนเลวและความชั่วอย่างมาก
ลู่เจียวสั่งการเฝิงจือเสร็จก็ไม่สนใจอีก หันไปคุยเรื่องการปรับปรุงสถานที่กับพวกช่างต่อ
จ้าวเหอฮวาเดินออกจากบ้านเซี่ย ก็เห็นหน้าประตูมีสาวใช้มายืนอยู่ เป็นสาวใช้ของสวี่ชิงอิน ชื่อว่าเสี่ยวจวี๋
เสี่ยวจวี๋เห็นจ้าวเหอฮวาก็รีบเข้าไปกล่าวว่า “แม่นางจ้าว คุณหนูข้าให้เชิญแม่นางไปสักหน่อย”
จ้าวเหอฮวามองไปก็เห็นรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ในตรอก รถม้านั่นเป็นรถม้าตระกูลสวี่จริง
จ้าวเหอฮวาเดินตามเสี่ยวจวี๋ไป ทั้งสองคนเพิ่งไปถึงข้างรถม้า ก็เห็นม่านรถม้าเลิกขึ้น สวี่ชิงอินมีน้ำเสียงโมโหถลึงตาใส่จ้าวเหอฮวา
“เช้าอย่างนี้วิ่งไปนี่มานั่นทำไมกัน”
จ้าวเหอฮวายิ้มเอาใจกล่าวกับสวี่ชิงอินว่า “เพื่อนบ้านข้าเพิ่งย้ายมาใหม่ ข้าไปเยี่ยมเยือนสักหน่อย”
พอสวี่ชิงอินได้ฟังว่าเพื่อนบ้านใหม่ ก็คิดถึงคุณชายหนุ่มที่เห็นก่อนหน้านี้ ก็อดมีสีหน้าหวั่นไหวไม่ได้
นางมองจ้าวเหอฮวา สั่งเสียงเฉียบขาดว่า “ขึ้นมา ข้ามีเรื่องถามเจ้า”
จ้าวเหอฮวาชินกับสวี่ชิงอินนานแล้ว สวี่ชิงอินเป็นบุตรสาวเซี่ยนเว่ย เซี่ยนเว่ยเป็นขุนนางระดับเจ็ด ไม่เหมือนท่านพ่อนาง แม้ว่าเป็นมือปราบประจำที่ว่าการอำเภอ แต่ก็เป็นแค่พนักงานที่ทางการจ้างเท่านั้น ครอบครัวนางกับครอบครัวสวี่ไม่มีทางเทียบกันได้ ดังนั้นจ้าวเหอฮวาก็ต้องคอยเอาใจสวี่ชิงอิน
ตอนนี้พอได้ยินสวี่ชิงอินกล่าวเช่นนี้ก็ไม่โกรธ รีบปีนขึ้นรถม้าทันที
พอขึ้นบนรถม้า นางก็เห็นเสิ่นซิ่วในรถม้า หญิงผู้นี้ทำท่าทางอ่อนแอบอบบาง จ้าวเหอฮวาไม่ชอบหญิงเช่นนี้
นางเองรูปร่างสูงใหญ่ แม้ว่าหน้าตาไม่เลว แต่ก็รู้ว่าผู้ชายชอบแบบผู้หญิงในรถคนนี้ที่สุด อ่อนแอบอบบางน่าทะนุถนอม ดังนั้นจ้าวเหอฮวาจึงไม่ชอบผู้หญิงอย่างนี้ที่สุด
“ชิงอิน นางคือใคร”
สวี่ชิงอินมองเสิ่นซิ่วแล้วก็กล่าวอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “อนุภรรยาคนใหม่คนที่เก้าของท่านพ่อข้า เสิ่นเสี่ยวเหนียงจื่อ[2]”
ที่นางพาเสิ่นซิ่วมาด้วยก็เพราะหญิงผู้นี้คอยเอาใจนางทุกเรื่อง ทำให้นางสบายใจ ดังนั้นนางไปไหนมาไหนก็จะพานางไปด้วย
จ้าวเหอฮวาได้ฟังคำพูดสวี่ชิงอิน ก็ส่งเสียงเยาะยิ้มเสิ่นซิ่วทันที “เหอๆ ที่แท้ก็อนุคนที่เก้าของท่านพ่อเจ้า หน้าตาก็ไม่เท่าไรนี่”
สวี่ชิงอินไม่สนเรื่องของท่านพ่อนาง ตอนนี้นางคิดแต่อยากรู้ว่าคุณชายหนุ่มที่เห็นก่อนหน้านี้คือใคร
“เหอฮวา ก่อนหน้านี้ตอนพวกเรามาได้เห็นคุณชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง เจ้ารู้ไหมว่าคุณชายผู้นั้นคือใคร”
จ้าวเหอฮวาพอได้ฟังสวี่ชิงอิน ก็แอบตกใจใหญ่ สวี่ชิงอินคงไม่ได้ต้องตาต้องใจคุณชายเซี่ยกระมัง
นางรู้ว่าเพราะสวี่ชิงอินเลือกมาก ช่างเลือกมาตลอด ตอนนี้ยังไม่ได้หมั้นหมาย
จ้าวเหอฮวาย่อมไม่อยากบอกเรื่องเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับสวี่ชิงอิน กลัวสวี่ชิงอินแย่งคนในดวงใจนางไป
“ข้า ข้าไม่รู้”
จ้าวเหอฮวากล่าวจบ สวี่ชิงอินก็ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก เสิ่นซิ่วในรถม้าเอ่ยว่า “แม่นางจ้าวสีหน้าเหมือนไม่ค่อยดี คงไม่ได้มีเรื่องปิดบังคุณหนูพวกเรากระมัง”
เสิ่นซิ่วแค่นยิ้ม อย่าคิดว่านางไม่รู้ว่าแววตาหญิงผู้นี้ก่อนหน้านี้หมายความว่าอย่างไร ดูแคลนนางหรือ งั้นนางก็จะจัดการอีกฝ่ายซะ
พอสวี่ชิงอินได้ฟังคำพูดเสิ่นซิ่วก็จ้องมองจ้าวเหอฮวา จ้าวเหอฮวาถูกนางจ้องจนรู้สึกเครียดแล้ว
สวี่ชิงอินเองก็มองความผิดปกติออก ยื่นมือไปจิกผมจ้าวเหอฮวา “ว่ามา เจ้าปิดบังข้าใช่หรือไม่ หากให้ข้ารู้ว่าเจ้ารู้แล้วไม่บอกข้า เชื่อไหมว่าข้าจะลงมือกับเจ้า”
ผมจ้าวเหอฮวาถูกจิก ไม่กล้าต่อต้าน นางขอร้องอย่างรู้สึกกล้ำกลืนฝืนทน
“ชิงอิน ข้าหวังดีกับเจ้าจึงไม่พูด คุณชายผู้นั้นแต่งภรรยานานแล้ว ยังมีบุตรชายสี่คน ข้าไม่บอกเจ้าก็เพราะหวังดีกับเจ้า”
สวี่ชิงอินอึ้งตกใจ ปล่อยมือทันที
จ้าวเหอฮวารีบผละออกมาให้ห่างจากนางอีกหน่อย
เสิ่นซิ่วในรถม้าเอ่ยอย่างไม่รีบไม่ร้อน “คุณหนู ในเมื่อคนเขามีภรรยาแล้ว งั้นพวกเราก็แล้วไปเถอะ คุณหนูรูปโฉมงดงามเพียงนี้ คนไหนก็ไม่คู่ควร ไหนเลยจะคู่ควรกับคนที่มีภรรยาแล้ว ภรรยาชายผู้นั้นจะสู้คุณหนูได้หรือ เกรงว่าเทียบไม่ได้แม้แต่นิด หากคุณชายผู้นั้นได้เห็นคุณหนู ไม่แน่อาจหย่าภรรยาก็ได้”
[1] เทียบเท่าตำแหน่งผู้บัญชาการกรมตำรวจ มีหน้าที่จับกุมโจรผู้ร้าย รักษาความสงบของอำเภอ
[2] เสี่ยวเหนียงจื่อ คำเรียกขานภรรยาน้อยบิดา