เซี่ยอวิ๋นจิ่นใจเต้นแรง เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว
คิดถึงว่าลู่เจียวลงมือรักษาขาเขา ก็เท่ากับให้ชีวิตที่สองแก่เขา
เขารู้สึกว่าชีวิตนี้แม้แหลกสลายสิ้นก็ไม่อาจตอบแทนบุญคุณลู่เจียวที่มีต่อเขาได้
แต่คิดถึงว่าลู่เจียวเป็นคนผ่าตัดช่วยเขาไว้แท้ๆ แต่กลับไม่บอกเขาสักคำ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้สึกว่าในใจเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก
ใบหน้าหล่อเหลาราวหยกสลักของเขาพลันเปลี่ยนสีบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวขาว หูซ่านไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป ก็เลยไม่กล้าพูดอะไรต่อ
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็สงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้ามองหูซ่านด้วยสีหน้าเย็นชา กล่าวว่า “หากเจ้าคิดถึงที่ภรรยาข้าช่วยภรรยาเจ้ากับลูกจริง วันหน้าก็อยู่ห่างๆ พวกเราหน่อย”
หลักการต่างกันไม่อาจร่วมเสวนา คนที่หูซ่านคบหาย่อมไม่ใช่คนดี แต่ตัวเขาเองกลับไม่รู้เรื่องและไร้ความกลัว เช่นนี้จะทำร้ายพวกเขาได้ง่าย
ครั้งนี้หูซ่านหน้าเขียวไปหมด สุดท้ายเขาก็กัดฟันกรอดหันหลังเดินออกไป “เจ้าคิดว่าข้าอยากอยู่ใกล้เจ้านักหรือไง”
หูซ่านเดินออกไปไม่นาน ประตูก็ถูกคนผลักออก หันถงเดินเข้ามา
พอเขาเข้ามาก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวขาว รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
“อวิ๋นจิ่น เจ้าเป็นอะไรไป คงไม่ได้ป่วยกระมัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันคว้ามือหันถงไว้ “หันถง เจ้ารู้ไหมว่าขาข้าใครเป็นคนผ่าตัดรักษาจนหาย”
หันถงเลิกคิ้ว “ไม่ใช่หมอฉีหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า “ไม่ใช่ เป็นลู่เจียว นางผ่าตัดรักษาขาข้าหาย”
“หา” หันถงตกใจอ้าปากค้าง ลู่เจียวผ่าตัดรักษาขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นหาย
แต่เขารู้ว่าขาอวิ๋นจิ่นนี้ผ่าตัดได้ร้ายกาจเพียงใด ก่อนหน้านี้ท่านหมอซือชมไม่ขาดปาก แพทย์ทหารก็ไม่ได้มีวิชาการแพทย์ร้ายกาจระดับนี้
ตอนนี้อวิ๋นจิ่นถึงกับบอกเขาว่านี่เป็นภรรยาเขาผ่าตัดรักษาจนหาย
หันถงแอบมึนงง มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลางถามอย่างสงสัย “คงไม่ได้รู้มาผิดกระมัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้า เมื่อก่อนเขาไม่ได้คิดให้ดี ตอนนี้มาคิดให้ดี ก็รู้ว่าวิชาการแพทย์ลู่เจียวร้ายกาจจริง ไม่กล่าวว่าถึงระดับสุดยอด แต่ก็ร้ายกาจอย่างมาก ไม่อย่างนั้นทำไมหอยาเป่าเหอจึงดึงนางเอาไว้เช่นนี้ ไม่เพียงแต่ให้ส่วนแบ่ง ยังเห็นชอบให้นางออกกฎประหลาดพวกนั้น รักษาคนทีห้าพันตำลึงบ้าง ห้าร้อยตำลึงบ้าง
ล้วนเป็นเพราะวิชาการแพทย์นางร้ายกาจ หอยาเป่าเหอดึงนางไว้ก็ย่อมทำตามกฎที่นางตั้งไว้
“เป็นนาง วิชาการแพทย์นางร้ายกาจมาก เจ้าลืมเรื่องคืนดึกดื่นที่นางไปดึงธนูหัวแฉกที่แล้วหรือ ยังมีภรรยาหูซ่านที่คลอดยากก็เป็นนางผ่าตัดช่วยไว้ ชีวิตนางกับลูกจึงปลอดภัย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งพูดก็ยิ่งมั่นใจ ลู่เจียวเป็นคนผ่าขาเขา
“เจ้ารู้ไหม นางเคยช่วยคนกระโดดแม่น้ำตายแล้วฟื้น รักษาหนอนในท้องให้เด็กๆ ในหมู่บ้าน ในท้องเด็กพวกนั้นถึงกับมีหนอนจริงๆ ก่อนหน้านี้อาจารย์ก็เกือบตาย แต่นางช่วยชีวิตเอาไว้ได้”
ทุกครั้งเซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่าเรื่องทีละเรื่อง ใจหันถงก็กระตุกอย่างแรงทีหนึ่ง
นี่มันแปลกพิสดารเกินไปแล้ว วิชาการแพทย์พี่สะใภ้ถึงกับร้ายกาจเช่นนี้
“หมอเทวดา อวิ๋นจิ่น วิชาการแพทย์พี่สะใภ้ร้ายกาจเช่นนี้ วันหน้าพวกเราหากสุขภาพไม่ดี ก็สะดวกแล้ว พี่ควรดีใจถึงจะถูก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังหันถงก็หันไปมองเขากล่าวว่า “แต่ทำไมนางไม่บอกข้าว่านางผ่าตัดให้ข้าล่ะ”
หันถงพอได้ฟังก็รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังสับสนกับอะไร
“บางทีนางกลัวพี่ไม่เชื่อเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้บอกพี่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันกระจ่างใจขึ้นมาหลายส่วน ตอนนั้นหากลู่เจียวบอกกับเขาว่าจะผ่าตัดให้เขา เขาย่อมไม่เห็นด้วย
ดังนั้นนางกลัวเขาไม่เห็นด้วย จึงได้อาศัยหมอฉีมาผ่าตัดให้เขา และไม่ว่านางคิดเช่นไรกับเรื่องนี้ เขาก็รู้เพียงเรื่องเดียว คือนางช่วยเขารักษาขาเขาจนหาย
ในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่นผุดลุกขึ้นยืน คิดเดินออกไป หันถงรีบถามว่า “พี่จะไปไหน”
“ข้าจะไปหานาง”
ตอนนี้เขาอยากพบนางสักหน่อย
หันถงไม่ได้รั้งไว้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นพาหลินตงออกจากบ้านเช่า ตรงไปยังหอยาเป่าเหอที่ตั้งอยู่ห่างไปสองถนน
หอยาเป่าเหอ รวมลู่เจียวแล้วก็มีหมอทั้งหมดสี่คน
จ้าวหลิงเฟิงแนะนำลู่เจียวให้รู้จักกับหมออีกสองคน กล่าวว่า “วันหน้าคุณชายลู่ก็คือหมออันดับหนึ่งของหอยาเป่าเหอข้า”
พอจ้าวหลิงเฟิง นอกจากฉีเหล่ย หมออีกสองคนล้วนไม่พอใจ เจ้าหนุ่มไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ถึงกับเป็นหมออันดับหนึ่งของหอยาเป่าเหอ ถือสิทธิ์อะไร
ฉีเหล่ยกลับดีใจส่งเสียงดังขึ้น “นั่นก็สมควรแล้ว อาจารย์ข้าเป็นหมอที่หนึ่งได้อย่างสมศักดิ์ศรี”
หมอสองคนข้างๆ สีหน้าตกใจ มองฉีเหล่ย เจ้าหนุ่มไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ถึงกับเป็นอาจารย์หมอฉี จริงหรือเท็จกัน ไม่ได้เข้าใจผิดกระมัง
“หมอฉี นี่คืออาจารย์เจ้า?”
ฉีเหล่ยพยักหน้าเต็มแรง “แน่นอน อาจารย์ข้าวิชาการแพทย์ร้ายกาจมาก วันนี้ก็จะให้พวกเจ้าได้เห็นอะไรคือเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนเหนือคน”
ลู่เจียวมองฉีเหล่ยอย่างไร้วาจาจะกล่าว จ้าวหลิงเฟิงกล่าวว่า “เอาละ ทุกคนเตรียมตัวกันพร้อมแล้วหรือยัง หอยาเป่าเหอเราจะเริ่มเปิดทำการแล้ว”
หอยาเป่าเหอตอนนี้ใหญ่ยิ่งกว่าหอยาเป่าเหอที่หมู่บ้านชีหลี่ เป็นร้านใหญ่สี่ห้อง ด้านหลังยังมีเรือนข้างอีกสองแถวซ้ายขวา ยังมีหอหลังเล็กด้านหลังอีก เทียบกับหอยาเป่าเหอเดิมแล้วก็ใหญ่กว่ามาก
นี่เป็นโรงหมอที่สืบทอดต่อมา แต่เพราะอนุชนรุ่นหลังวิชาการแพทย์ไม่เอาไหน โรงหมอเกือบปิดกิจการไปแล้ว จ้าวหลิงเฟิงจ่ายเงินก้อนโตซื้อโรงหมอนี้มาปรับปรุงเป็นหอยาเป่าเหอ
ในร้านนอกจากผู้จัดการหลี่ ก็ยังมีหมอสี่คนและคนงานห้าคน ยามนี้ทุกคนพอได้ยินเจ้าของร้านถาม ก็ตอบรับพร้อมเพรียงว่า “เตรียมพร้อมแล้ว”
วันนี้หอยาเป่าเหอเปิดทำการ จ้าวหลิงเฟิงกระจายข่าวออกไปก่อนว่า วันแรกรักษาฟรี ตรวจรักษาไม่คิดเงินพร้อมจัดยา ดังนั้นแม้ว่ายังไม่ทันเปิดประตูร้าน ด้านนอกก็มีคนมาต่อคิวยาวรอรักษาแล้ว
ในหอยาเป่าเหอ ทุกคนได้ยินจ้าวหลิงเฟิงถามก็รีบรับคำพร้อมเพรียง
จ้าวหลิงเฟิงรีบให้คนงานเปิดประตูจุดประทัด
หน้าประตูหอยาเป่าเหอมีเสียงประทัดดังขึ้นทันที ผู้จัดการหลี่ไปดูแลความเรียบร้อยหน้าประตู หมอและคนงานก็เข้าประจำตำแหน่ง
ลู่เจียวเป็นหมออันดับหนึ่งของหอยาเป่าเหอ ไม่จำเป็นต้องให้นางรักษาโรคธรรมดา ดังนั้นนางอยู่ในร้านจึงเป็นคนที่ค่อนข้างว่างคนหนึ่ง
จนกระทั่งมีเจ้าอ้วนเดินมาคนหนึ่ง คนผู้นี้พอเดินเข้ามาในร้านก็มีส่งกลิ่นเหม็นโชยมา ลู่เจียวมองไปทันที พบว่ากลิ่นเหม็นโชยมาจากเท้าของเจ้าอ้วนนี่
คนในร้านไม่น้อยซุบซิบกันว่า “นี่ไม่ใช่คหบดีหลิวหรือ เขามารักษาเท้าเขาอีกแล้วหรือ ได้ยินว่ารักษาไปหลายที่ก็ไม่หาย ครั้งนี้ถึงกับแล่นมารักษาที่หอยาเป่าเหอ”
“หอยาเป่าเหอต้องระวังหน่อย ได้ยินว่าคหบดีหลิวผู้นี้ พังร้านมาไม่น้อย”
“ข้าได้ยินว่าหอยาเป่าเหอมีหมอร้ายกาจมากมานั่งประจำ ว่ากันว่าวิชาการแพทย์ร้ายกาจมาก”
“จริงหรือเท็จกันนี่”
“พวกเรารอดูสถานการณ์กัน”
ผู้จัดการหลี่ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ท่านนี้คือพ่อค้าคหบดีชื่อหลิวฟู่ นำเขาเดินตรงหน้าลู่เจียว
คหบดีหลิวเดินมาจ้องมองลู่เจียวก่อนสองสามที จากนั้นก็มองผู้จัดการหลี่อย่างไม่อยากจะเชื่อ กล่าวว่า “นี่ก็คือหมอที่ร้ายกาจของหอยาเป่าเหอพวกเจ้า?”
ผู้จัดการหลี่พยักหน้า “ใช่แล้ว วิชาการแพทย์คุณชายท่านนี้ร้ายกาจมาก รับรองรักษาอาการป่วยท่านหายแน่”
ผู้จัดการหลี่กล่าวจบมองไปยังลู่เจียว ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย ผู้จัดการหลี่จึงได้วางใจ
ความจริงคหบดีหลิวไม่เชื่อว่าลู่เจียวจะรักษาเขาหายได้ แต่วันนี้เขามาก็เพื่อให้เกียรติจ้าวหลิงเฟิง คนผู้นี้คือคุณชายจวนหย่งหนิงโหว เมื่อก่อนเขาติดค้างบุญคุณเขาครั้งหนึ่ง ดังนั้นวันนี้จึงมาเป็นเกียรติให้แก่เขาสักหน่อย
“ได้ ให้เจ้าช่วยตรวจให้ข้าหน่อย”
ความจริงลู่เจียวไม่ต้องตรวจ ก็รู้ว่าคนผู้นี้เป็นโรคฮ่องกงฟุต ใช่แล้ว ยุคสมัยนี้เรียกว่าโรคเท้าเปื่อย
แต่นางไม่แน่ใจว่าคหบดีหลิวป่วยด้วยโรคฮ่องกงฟุตแบบไหน
โรคฮ่องกงฟุตมีหลายแบบ แบบมีตุ่มพองน้ำ แบบเปื่อย และแบบแตกแห้ง