ลู่เจียวเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แค่มองก็มองความคิดของซื่อเป่าออก ยื่นมือไปขยี้จมูกซื่อเป่า เงยหน้ามองไปยังเฝิงจือที่เดินเข้าประตูมา
“เกิดอะไรขึ้น ด้านหน้าเกิดเรื่องอะไรกัน”
เฝิงจือส่ายหน้า “บ่าวยังไม่รู้ รู้แต่มีคนมาเอะอะที่หน้าประตู บ่าวไปดูด้านหน้าก่อน”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อยไม่ขยับตัวลงจากเตียง เมื่อวานเหนื่อยมาทั้งวัน ดึกดื่นเที่ยงคือยังถูกปลุกไปหอยาเป่าเหอ ตอนนี้ไม่ค่อยอยากลุก
เฝิงจือรับคำเดินออกไป ลู่เจียวกวักมือเรียกเจ้าหนูที่เหลืออีกสามคนขึ้นมาบนเตียง
ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่าปีนขึ้นเตียงอย่างดีใจ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลิ้งไปมาบนเตียง เตียงท่านแม่ใหญ่มาก ใหญ่กว่าบ้านเดิมมากๆ
เตียงใหญ่ขนาดนี้ พวกเขานอนด้วยกันได้
เด็กๆ พากันลอบมองลู่เจียวด้วยสีหน้าระแวดระวัง จากนั้นซื่อเป่าก็ออดอ้อนอีก
“ท่านแม่คืนนี้พวกเรานอนกับท่านแม่ได้ไหม”
ลู่เจียวเงยหน้ามองไปพบว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่สีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง
ลู่เจียวคิดถึงว่าเดิมพวกลูกๆ ผลัดกันมานอนกับนาง อยู่ๆ ให้นอนกันเอง ยากที่จะไม่คิดอยากนอนกับนาง ดังนั้นนางก็เห็นด้วย
“ได้ คืนนี้นอนกับแม่ แต่พรุ่งนี้ต้องไปนอนกันเอง พวกเจ้าโตแล้ว ไม่ควรเอาแต่คิดจะนอนกับแม่”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยิ้มดีใจพยักหน้าเต็มแรง “ท่านแม่ พวกเราทราบแล้ว”
เอ้อร์เป่ายิ้มกว้างกล่าวว่า “พวกเราก็เพียงนอนกับท่านแม่บ้าง แต่จะเอาแต่นอนกับท่านแม่ไม่ได้”
ขณะแม่ลูกคุยกันสนุกอยู่นั้น เฝิงจือก็รีบเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ รายงานว่า “หญิงเลวข้างบ้านผู้นั้นมาเคาะประตูแต่เช้า ว่าบ้านเราดึกดื่นเที่ยงคืนเสียงดังทำให้ครอบครัวนางตื่น นางไม่ยอมลดราท่าที จะให้พวกเราชี้แจงให้ได้”
“คุณชายพาหลินตงออกไปพูดกับหญิงเลวนั่นแล้ว เพื่อนบ้านพวกเราไม่ใช่นาง ดังนั้นหากจะเอาเรื่องก็ไม่ใช่หญิงเลวผู้นั้นมาเอาเรื่อง”
ลู่เจียวพยักหน้า เพื่อนบ้านพวกนางก็คือสวีเหนียงจื่อ นางคือตัวอะไรกัน เอาแต่หน้าด้านอยู่บ้านคนอื่นเขา ยังแล่นมาเอาเรื่องถึงที่นี่
พูดไปพูดมา ก็คงมีจุดมุ่งหมายอื่น
สีหน้าลู่เจียวไม่ดีนัก รู้สึกรังเกียจน้องสะใภ้สวีเหนียงจื่อข้างบ้านมาก
“ท่านพี่กล่าวเช่นนี้ไม่ผิด ทำไมด้านหน้ามีเรื่องทะเลาะกันรุนแรงขนาดนั้น หญิงผู้นั้นไม่ยอมไป ยังทะเลาะกันอยู่?”
หากเป็นเช่นนี้ นางก็คงต้องออกไปขอคำชี้แจงจากสวีเหนียงจื่อสักหน่อยแล้ว จะส่งผลกระทบต่อความเป็นเพื่อนบ้านในวันหน้าของพวกนางไหมนะ
เฝิงจือสีหน้ายากจะเอ่ยวาจา รีบปิดประตูกล่าวว่า “เดิมเรื่องนี้ก็จะจบลงแล้ว ผู้ใดจะรู้ว่าจ้าวเหอฮวาทางตะวันออกออกมาปกป้องคุณชาย บอกว่าระหว่างเพื่อนบ้านคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร ปรากฏว่านางทำเอาหญิงเลวข้างบ้านผู้นั้นด่าจ้าวเหอฮวาสาดเสียเทเสีย ว่าจ้าวเหอฮวาหน้าไม่อาย คิดเป็นอนุจนเสียสติไปแล้ว เป็นสาวเป็นนางถึงกับแล่นออกมาปกป้องผู้ชาย นี่คงแทบอยากจะปรี่ขึ้นเตียงผู้ชายล่ะสิ”
สีหน้าลู่เจียวไม่ดีนัก หญิงสองคนแล่นมามีเรื่องกันหน้าประตูบ้านนาง ให้เพื่อนบ้านมามุงดูกัน นี่มันใช้ได้ที่ไหนกัน
ลู่เจียวรีบลุกขึ้นทันที จัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว เตรียมจะออกไปจัดการเรื่องด้านหน้า
เรื่องผู้หญิงอย่างไรก็ไม่ควรให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นมาร่วมวง ป้องกันปัญหาเรื่องพัวพันมาถึงตัว
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รู้ความไม่ร้องตามไป พวกเขารู้ ท่านพ่อท่านแม่ไม่ชอบให้พวกเขาไปที่ที่มีคนทะเลาะกัน แต่ก็รู้สึกเป็นห่วง ยายเฒ่าชิวอยู่ดูแลพวกเขาที่เรือนหลัง เฝิงจือตามลู่เจียวไปเรือนด้านหน้า
ทั้งสองคนไม่ทันถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงด่าทอดังหน้าประตู วาจารุนแรงยากรับฟังขึ้นเรื่อยๆ
“เฉินเจาตี้ เจ้าคนหน้าไม่อาย วันๆ เอาแต่ล่อลวงผู้ชาย เห็นผู้ชายก็ทำเดินระทวย นังชั้นต่ำถึงกับกล้าว่าข้า อย่าคิดว่าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไร เจ้าก็ถูกใจ…”
ลู่เจียวตวาดดังมาจากในประตู “หุบปาก”
หน้าประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นยืนมองสตรีสองคนทะเลาะกันด้วยสีหน้าท่าทางเย็นเยียบดุดัน
เขาเป็นผู้ชาย ไม่อาจเข้าแทรกเรื่องระหว่างสตรี แต่เห็นหญิงท่าทางชั้นต่ำสองคนนี้แล้ว เขาก็รังเกียจจนแทบทนมองไม่ได้ แต่สตรีสองคนมาทะเลาะกันอยู่หน้าบ้านพวกเขา ช่างส่งผลกระทบเลวร้ายเสียจริง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากพูดมากความกับพวกนาง คิดจะเดินไปขอให้มือปราบจ้าวข้างบ้านมาสักหน่อย จะได้ถามว่าอบรมสั่งสอนบุตรสาวตนเองอย่างไร
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ทันได้ไปตระกูลจ้าวข้างบ้าน ลู่เจียวก็เดินออกมาตวาดดังหยุดจ้าวเหอฮวาพูดจาเหลวไหลเอาไว้
ยามนี้หน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ยไม่ไกลนัก มีเพื่อนบ้านไม่น้อยชี้มือชี้ไม้มุงดูกันอยู่
แต่เพราะไกลมาก พูดอะไรก็ได้ยินไม่ชัด
แต่แม้ว่าฟังไม่ชัดก็รู้ว่าไม่ใช่วาจาดี สีหน้าลู่เจียวย่ำแย่อย่างมาก มองไปยังจ้าวเหอฮวากับเฉินเจาตี้สีหน้าเย็นเยียบ
ยามนี้สตรีสองคนถูกลู่เจียวตวาดก็หยุดด่าใส่กันทันที
ลู่เจียวสั่งเสียงเยียบเย็นว่า “หลินตงไปเชิญมือปราบจ้าวข้างบ้านมา ข้าจะขอคำชี้แนะมือปราบจ้าว หน่อยว่าอบรมสั่งสอนบุตรสาวตนเองอย่างไร เป็นสาวเป็นนางมายื่นด่าทอราวกับหญิงชั้นต่ำหน้าบ้านคนอื่นแต่เช้า”
หลินตงหันวิ่งไปยังตระกูลจ้าวข้างบ้านทันที
จ้าวเหอฮวาแอบลนลาน ก่อนหน้านี้นางต้องการแสดงตัวดีๆ ต่อหน้าคุณชายเซี่ย ลืมไปว่าท่านพ่อนางอยู่บ้าน
จ้าวเหอฮวาอดมองไปยังลู่เจียวไม่ได้ ส่งเสียงดังขึ้น “ลู่เหนียงจื่อ ข้าเปล่านะ เฉินเจาตี้แล่นมาหาเรื่องบ้านเจ้า ข้ามาช่วยพวกเจ้านะ”
เฉินเจาตี้ข้างบ้านแค่นยิ้มกล่าวว่า “เจ้ามันตัวอะไร ถือสิทธิ์อะไรมาช่วยบ้านพวกเขา ไม่ใช่ว่าคิดจะ…”
เฉินเจาตี้กล่าวไม่ทันจบ ลู่เจียวก็มองนางตวาดว่า “เฉินเจาตี้ใช่ไหม เจ้าพูดจาเหลวไหลอีกคำ ข้าจะสั่งคนให้ไปฟ้องที่ว่าการอำเภอว่าพูดจาเหลวไหลดูหมิ่นผู้อื่น ก็ลงโทษได้แล้ว”
พอกล่าวออกไปก็ทำเอาเฉินเจาตี้ไม่กล้ากล่าววาจาเหลวไหลอีก หันหลังคิดจากไป ลู่เจียวสั่งเฝิงจือทันที “รีบไปเชิญสวีเหนียงจื่อมา”
เฝิงจือรับคำไปเชิญสวีเหนียงจื่อข้างบ้าน
เฉินเจาตี้ไม่กลัวสวีเหนียงจื่อ ดังนั้นพอได้ยินก็ไม่ได้กลัวลู่เจียวสักนิด
กลับกัน สีหน้าจ้าวเหอฮวาหวาดกลัวมา หันหลังคิดวิ่งกลับบ้าน
แต่นางไม่ทันวิ่งเข้าประตูบ้านตระกูลจ้าวก็เห็นมือปราบจ้าวท่านพ่อตนเดินตามหลินตงออกมา
ครอบครัวตระกูลจ้าวก่อนหน้านี้ก็ได้ยินเสียงเอะอะดังด้านนอก รู้ว่าหน้าประตูบ้านเพื่อนบ้านมีคนมาทะเลาะกัน แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นจ้าวเหอฮวา
ทุกวันมือปราบจ้าวตื่นเช้ามากินอาหารเช้าแล้วก็ไปที่ทำการ ทุกครั้งจ้าวเหอฮวายังนอนขี้เกียจอยู่ ดังนั้นทั้งครอบครัวจึงคิดไม่ถึงว่านางจะแล่นมามีเรื่องกับคนอื่นที่หน้าประตู พอหลินตงรายงาน มือปราบจ้าวก็มีสีหน้าย่ำแย่อย่างมาก รีบก้าวตามออกมาทันที
จ้าวเหอฮวาเห็นมือปราบจ้าวก็กลัวอย่างไม่อาจบรรยาย ไม่กล้ากล่าวกับมือปราบจ้าวสักคำ รีบไถลตัวหลบไปด้านข้างมือปราบจ้าว ผลุบเข้าบ้านไปทันที
มือปราบจ้าวตามหลินตงเดินมาหน้าประตูบ้านตระกูลเซี่ย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ใช่พบกับมือปราบจ้าวครั้งแรก แต่เมื่อก่อนไม่ได้คุยกัน แค่มองเห็นกันไกลๆ ไม่กี่ครั้ง
ยามนี้สีหน้าไม่ดีอย่างมาก กล่าวว่า “มือปราบจ้าว ข้าหวังว่าท่านจะอบรมบุตรสาวคนโตตนเองดีๆ วันหน้าเรื่องบ้านเรา ขอนางอย่าได้ยุ่งเกี่ยว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยอย่างไม่เกรงใจสักนิด
มือปราบจ้าวเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็อึ้งไปทันที จ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นมองแล้วมองอีกอย่างตกตะลึง