พอซานเป่ากล่าวจบ อาจารย์ใหญ่หลูก็มองเขาอย่างไม่เห็นด้วย
“เจ้าหนู เจ้าควรไปเรียนหนังสือ สอบจิ้นซื่อเหมือนท่านพ่อเจ้า เป็นคนที่ทำประโยชน์ให้ราชสำนัก”
อาจารย์ใหญ่หลูกล่าวจบก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เจ้าต้องสอนให้ดี อย่าได้ปล่อยพวกเขาตามใจชอบ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังอาจารย์ใหญ่หลูก็ไม่พอใจ โดยเฉพาะเอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่า แต่พวกเขายังรู้ว่าไม่อาจต่อว่าผู้ใหญ่ต่อหน้าทุกคน เช่นนั้นเป็นการไร้มารยาท ดังนั้นจึงได้แต่อดทนเก็บเอาไว้
แต่สุดท้ายซื่อเป่าก็ทนไม่ไหว “ท่านแม่ข้าว่าขอเพียงพวกเราสอบซิ่วไฉได้ วันหน้าพวกเราก็ทำสิ่งที่ตนเองชอบได้ ซานเป่าคิดเรียนหมอ ข้าคิดหาเงินมากๆ”
ซื่อเป่าวาดมือแสดงเป็นวงกลมใหญ่
อาจารย์ใหญ่หลูพอได้ฟังก็ยิ่งไม่เห็นด้วย ซานเป่าเรียนหมอ เขาก็ไม่เห็นด้วยแล้ว ซื่อเป่าไปทำการค้า เขาก็ยิ่งไม่เห็นด้วย พ่อค้าสถานะต่ำต้อยเกินไป
อาจารย์ใหญ่หลูมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ ข้าต้องขอบอกเจ้าสักสองคำ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ฉลาดมาก อบรมดีๆ วันหน้าจะได้เป็นเสาหลักของแผ่นดิน เจ้าไม่อาจปล่อยตามใจพวกเขาให้เหลวไหลได้ จะเป็นการทำลายพวกเขา”
ลู่เจียวได้ฟังอาจารย์ใหญ่หลูกล่าววาจาหนักเช่นนี้ ก็ไม่ได้โมโหอะไร เพราะนางรู้อาจารย์ใหญ่หลูคิดเพื่อเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
ลู่เจียวยิ้มมองอาจารย์ใหญ่หลูกล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่คิดว่าวิชาการแพทย์ข้าเป็นอย่างไร”
อาจารย์ใหญ่หลูไม่รู้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยว่า “ขาข้าก็ภรรยาข้าผ่าตัดจนหาย”
พอเขากล่าวขึ้น อาจารย์ใหญ่หลูมองไปยังขาเซี่ยอวิ๋นจิ่น เดิมเขาได้ยินว่าหมอฉีเป็นคนผ่าตัดขาให้อวิ๋นจิ่น ตอนนี้เห็นหมอฉีคารวะลู่เจียวเป็นอาจารย์ก็เข้าใจแล้วว่าขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นลู่เจียวผ่าตัดจนหาย รักษาคนเป็นอัมพาตบนเตียงให้หายได้ แค่คิดก็รู้ว่าวิชาการแพทย์นางร้ายกาจเพียงใด และนางยังอายุน้อยเพียงนี้ วันหน้าวิชาการแพทย์เกรงว่าคงลึกล้ำอย่างที่สุด
อาจารย์ใหญ่หลูให้การรับรองทันที “อืม วิชาการแพทย์เจ้าร้ายกาจมาก”
ลู่เจียวรับคำ กล่าวว่า “นี่เพราะข้าสนใจในวิชาการแพทย์ พยายามศึกษาค้นคว้า จึงได้เรียนรู้ได้ดีเช่นนี้ คนเราขอเพียงเป็นสิ่งที่สนใจ ก็จะทุ่มเทเรียนรู้สุดกำลัง โลกนี้มีอาชีพมากมาย ไม่ใช่แค่บัณฑิตร่ำเรียนตำราเส้นทางเดียว อาชีพไหนก็เชิดหน้าชูตาได้ สร้างประโยชน์ใหญ่ได้”
“กลับกันหากไม่มีความสนใจ แล้วเรียนรู้สิ่งหนึ่งอย่างซังกะตาย ก็จะเป็นการเสียความกระตือรือร้นตนเองไป ช้าเร็วสักวันหนึ่งก็จะทำให้ปณิธานตนเองมอดดับไป ไม่ประสบผลสำเร็จสักเรื่อง พานรังเกียจชีวิต อาจารย์ใหญ่หลูน่าจะผ่านประสบการณ์มามาก ในสำนักศึกษามีนักเรียนร่ำเรียนอายุสามสี่สิบกว่า ท่านว่าพวกเขามีความกระตือรือร้นในชีวิตไหม”
อาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังพูดไม่ออกกันในทันที พวกเขาเห็นคนเช่นนี้มามาก ชั่วชีวิตเดินเส้นทางการสอบเคอจวี่ ตลอดทางมาบางคนจนตายก็ไม่อาจนอนตายตาหลับ ความกระตือรือร้นในชีวิตอะไรพวกนั้นก็ดับมอดไปนานแล้ว
ลู่เจียวยิ้มมองอาจารย์ใหญ่หลูกับอาจารย์หวังกล่าวว่า “แน่นอน หากพวกเขาชอบเรียน ข้าก็จะให้การสนับสนุน เหมือนต้าเป่าเราที่ชอบเรียนหนังสือ เขามีความกระตือรือร้น ก็เดินเส้นทางสอบเคอจวี่ได้”
ลู่เจียวพูดถึงต้าเป่า ต้าเป่ารีบมองไปยังอาจารย์ใหญ่หลู กล่าวจริงจังว่า “ข้าชอบเรียนหนังสือ ต้องเป็นเหมือนท่านพ่อ เป็นบัณฑิตร่ำเรียนตำราที่เก่งกาจ ”
อาจารย์ใหญ่หลูยิ้มลูบหัวต้าเป่าทันที ยามนี้เขาไม่อาจกล่าวว่าการเรียนหนังสือก็คือเส้นทางเดียวแล้ว
ในห้องรับรอง จ้าวหลิงเฟิงไม่อยากให้บรรยากาศไม่ดี ก็รีบยกสุราคารวะอาจารย์ใหญ่หลู ยังถามถึงเรื่องราวการศึกษาในอำเภอชิงเหอ อาจารย์ใหญ่หลูดื่มสุราลงไปก็อารมณ์ดีขึ้นมา ในห้องรับรองก็คุยกันเรื่องอำเภอชิงเหอกันขึ้นมา เรื่องไม่สบายใจเล็กๆ น้อยๆ ก่อนหน้านี้ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังงานเลี้ยง ฉีเหล่ยไปส่งครอบครัวลู่เจียวกับอาจารย์ใหญ่หลูและอาจารย์หวังถึงหน้าประตูร้านปาเป่าเจินขึ้นรถม้าด้วยตนเอง
ลู่เจียวกำชับฉีเหล่ย “หากมีตรงไหนอ่านไม่เข้าใจ ก็มาถามข้าที่บ้านได้”
“ขอรับ อาจารย์”
ลู่เจียวสั่งคนขับรถให้ออกรถส่งพวกนางกลับบ้าน
ตลอดทางมา เซี่ยอวิ๋นจิ่นอดขอโทษลู่เจียวแทนอาจารย์ใหญ่หลูไม่ได้ “อาจารย์ใหญ่เขาไม่ได้คิดร้าย เจ้าอย่าได้ตำหนิเขา”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ใช่คนไม่รู้จักแยกแยะ อาจารย์ใหญ่หลูหวังดีกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แม้ว่าข้าไม่เห็นด้วย แต่ก็ขอบคุณเขาที่ให้ความใส่ใจ”
พูดถึงเรื่องนี้ ลู่เจียวมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ความจริงก่อนหน้านี้คำพูดเหล่านั้นก็คือสิ่งที่ข้าคิดไว้ในใจ เจ้าไม่ต้องจริงจัง หากเจ้าจะจัดการอะไรให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ก็ทำไปตามที่เจ้าต้องการ”
หากเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดจะให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่สอบเคอจวี่ สี่คนเป็นลูกเขา ไม่ใช่ลูกนาง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “ลู่เจียว ไม่ว่าคนอื่นว่าอย่างไร ข้าเห็นด้วยกับความคิดเจ้า โลกนี้ผู้ชายไม่ใช่ว่าต้องสอบเคอจวี่ทุกคน ไม่ว่าเส้นทางสายไหนก็ล้วนเชิดหน้าชูตายิ่งใหญ่ได้ ความคิดที่เจ้าพูดที่ร้านอาหารก่อนหน้านี้ดีมาก ข้าเห็นด้วยอย่างมาก”
คำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นทำเอาลู่เจียวดีใจมาก “คิดไม่ถึงว่าความคิดข้ากับเจ้าจะเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย หาได้ยากจริง ข้าแค่คิดให้พวกเขามีความสุข มีชีวิตในสิ่งที่ตนเองอยากทำ ไม่ต้องไปเดินเส้นทางที่ตนเองไม่ชอบ”
ในรถม้า เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ฟังคำพูดลู่เจียว แววตาก็เปล่งประกายวาว แม้ว่าคำพูดท่านแม่มีบางอย่างที่พวกเขาฟังไม่เข้าใจ แต่ท่านแม่ทุ่มเทใจเพื่อพวกเขา พวกเขาเข้าใจ นางคิดให้พวกเขามีความสุขไปตลอดชีวิต ท่านแม่ช่างดีจริงๆ
คำพูดลู่เจียวก็กระทบสู่ใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น ในใจเขาคิดแค่ให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่มีชีวิตที่มีความสุข ไม่ใช่ว่าต้องเดินเส้นทางสอบขุนนางอย่างเดียว
“ความจริงพวกเขาได้ทำสิ่งที่ตนเองชอบได้นั้นดีมาก หากครอบครัวพวกเราพากันไปสอบเคอจวี่ เส้นทางเคอจวี่ประสบความสำเร็จกันหมดทุกคน ไม่แน่อาจเป็นที่ระแวงของเบื้องบน ดังนั้นมีคนไม่ชอบสอบเคอจวี่ก็ดีมาก”
ทั้งสองคนยิ้มคุยกันนั่งรถม้ากลับถึงบ้าน
ไม่คิดว่าพอทั้งครอบครัวลงจากบนรถ ท่านอาเหวินที่เฝ้าประตูก็เข้ามารายงานว่า “คุณชาย มือปราบจ้าวกับหลูเหนียงจื่อข้างบ้านพาบุตรชายมาคารวะพวกท่าน ข้าบอกพวกเขาว่าพวกท่านออกไปกินข้าวกลางวันข้างนอก พวกเขาจึงได้ไปรออยู่ในห้องโถง”
ตาเฒ่าเหวินกล่าวจบก็แอบใจเต้นแรง ก่อนหน้านี้เจ้านายสั่งไว้แล้ว ไม่อนุญาตให้ปล่อยคนเข้าไป
แต่อีกฝ่ายเป็นถึงมือปราบจ้าวแห่งอำเภอชิงเหอ เขารู้สึกว่ารักษาสัมพันธ์กับมือปราบไว้เป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้นจึงไม่ได้รั้งไว้ ไม่รู้ว่าตนเองทำถูกหรือไม่
ลู่เจียวมองออกว่าตาเฒ่าเหวินไม่สบายใจ ก็ปลอบใจกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ท่านอาเหวินทำได้ดีมาก”
ตาเฒ่าเหวินรีบยิ้มรับคำกล่าวว่า “คุณชายกับเหนียงจื่อไม่ตำหนิก็พอ”
กล่าวจบก็ไปเฝ้าประตูต่ออย่างมีความสุข
ลู่เจียวมองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่สะลึมสะลือ สั่งเฝิงจือว่า “พาพวกเขาไปนอนกลางวันด้านหลัง”
“เจ้าค่ะ เหนียงจื่อ”
เฝิงจือพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเรือนด้านหลัง ลู่เจียวเดินไปห้องโถงเรือนด้านหน้ากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เรือนด้านหน้าในห้องโถง มือปราบจ้าวกับหลูเหนียงจื่อกับลูกๆ พวกเขานั่งกันอยู่ในห้องโถง เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเข้ามา ทั้งครอบครัวก็รีบยืนขึ้น
“เซี่ยซิ่วไฉ ลู่เหนียงจื่อ พวกเรามาโดยไม่ได้รับเชิญ ขอเซี่ยซิ่วไฉกับลู่เหนียงจื่ออย่าได้ตำหนิ”