ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่าก็ใช่ จึงไม่คิดเรื่องนี้อีก
“พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงหลานชายคนโตนายอำเภอหูครบเดือน เจ้าจะไปด้วยกันไหม”
ก่อนหน้านี้หูซ่านได้มอบเทียบเชิญให้นางต่อหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่เหมือนไม่ได้มีเทียบเชิญแยกให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นลู่เจียวจึงได้เอ่ยถาม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบพยักหน้ากล่าวว่า “ไป เมื่อก่อนข้าไม่ได้สนใจสภาพอำเภอชิงเหอ ไม่รู้ว่าอำเภอชิงเหอมีเรื่องราวเบื้องลึกไม่น้อย ตอนนี้พวกเราอยู่อำเภอชิงเหอก็ต้องเข้าใจคนและเรื่องราวในอำเภอชิงเหอ อย่าได้ไม่ทันระวังล่วงเกินผู้ใดเข้า”
เช่นนั้นพวกเขาก็คงถูกจัดการแล้ว ครอบครัวพวกเขายังมีเจ้าหนูน้อยทั้งสี่นะ หากถูกผู้อื่นคิดทำร้าย เด็กๆ ก็จะอันตรายมาก
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าว ลู่เจียวก็เห็นด้วย “ได้ งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปกันทั้งครอบครัว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวก็เม้มปากยิ้มทันที “งั้นเจ้าพักผ่อนเช้าหน่อย ข้ากลับไปทบทวนตำราสักครู่”
ลู่เจียวตอบกลับไปอย่างนั้นว่า “ข้านอนเช้าหน่อย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยิ่งดีใจ ก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าตำแหน่งนายอำเภอหูไม่สูง แต่ก็เป็นขุนนางจากการสอบขุนนาง ตามหลักแล้วเขาควรเลื่อนขั้นได้นานแล้ว น่าเสียดายเขาอยู่อำเภอชิงเหอมานาน แต่ยังคงเป็นแค่นายอำเภอเล็กๆ ไม่ได้มีวี่แววว่าจะได้เลื่อนขั้นขึ้นไปแม้แต่น้อย
ประการแรก นายอำเภอหูเป็นคนค่อนข้างตรง ไม่ลื่นไหลพอ ประการที่สอง นายอำเภอหูมีชาติกำเนิดจากชนบท ไร้เส้นสายในราชสำนัก แม้ครอบครัวพวกเขามีเงิน แต่ก็ไม่มากพอ ดังนั้นเขาจึงประจำอยู่แต่อำเภอชิงเหอมาโดยตลอด
อายุห้าสิบแล้ว แต่เพราะหน้าที่การงานตำแหน่งไม่ได้ดังใจ จึงดูเหมือนจะเงียบเหงาเศร้าสร้อยสักหน่อย
แต่แม้ว่าเขาเป็นแค่นายอำเภอ แต่อำเภอชิงเหอเป็นสถานที่เล็ก ยังคงได้รับการยกย่องจากผู้คน วันนี้งานเลี้ยงหลานชายคนโตนายอำเภอหูครบเดือน แขกเหรื่อมากันไม่น้อย หน้าประตูจวนรถม้าไปมากันขวักไขว่มาก
นอกจากลูกน้องในที่ทำการอำเภอชิงเหอมาร่วมงานแสดงความยินดี ยังมีพ่อค้าในพื้นที่มาร่วมงานกันมาก วันนี้พ่อค้าที่พอมีสถานะต่างก็มากันหมด
มีเพียงเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวที่สถานะเหมือนไม่พอจะมาร่วมงาน แต่เพราะลู่เจียวช่วยหลี่อวี้เหยาสองแม่ลูกไว้ ดังนั้นตระกูลหูจึงเกรงใจพวกเขามากเป็นพิเศษ
ครอบครัวลู่เจียวมาถึงตระกูลหู คนรับใช้ก็เชิญพวกเขาเข้าไปอย่างกระตือรือร้น
ต้อนรับผู้ชายอยู่เรือนด้านหน้า ต้อนรับผู้หญิงกันที่เรือนหลัง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดิมคิดจะพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเรือนด้านหน้า
ลู่เจียวคิดแล้วก็ให้นางพาไปดีกว่า เรือนด้านหน้าพวกผู้ชายพูดจากันไม่ระวัง เรื่องไม่ดีไม่งามอะไรก็พูดกันหมด เจ้าหนูน้อยทั้งสี่อายุน้อย ยังไม่ควรฟังวาจาไม่สะอาดหูเช่นนั้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็เห็นด้วยกับความเห็นลู่เจียว กลัวแต่ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่จะสร้างความยุ่งยากให้ลู่เจียว ดังนั้นจึงกำชับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “พวกเจ้าต้องเชื่อฟังท่านแม่ อย่าวิ่งไปมา มาเป็นแขกที่บ้านผู้อื่น ต้องมีมารยาท เข้าใจไหม”
ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซานเป่า ซื่อเป่ารีบพยักหน้า “ท่านพ่อวางใจ พวกเราจะเชื่อฟังคำท่านแม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำชับเฝิงจืออีก “ดูแลคุณชายน้อยให้ดี อย่าให้พวกเขาวิ่งไปทั่ว”
เฝิงจือพยักหน้า แสดงท่าทีว่าจะตั้งใจคอยสังเกตคุณชายน้อยทั้งสี่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพอจะวางใจได้แล้ว ก็หันกลับไปกำชับลู่เจียวอย่างเป็นห่วงว่า “หากเรือนหลังเกิดเรื่องอะไร ก็ให้เฝิงจือมาบอกช้า ข้าจะไปช่วยเจ้าจัดการ”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยซิ่วไฉตอนนี้ยังเป็นเซี่ยซิ่วไฉคนเดิมที่เย็นชาสูงส่งไม่ค่อยพูดจาไหมนะ ตอนนี้ใกล้เป็นยายแก่ขี้บ่นไปแล้ว
“ข้ารู้แล้ว เจ้าอย่าได้เป็นห่วง”
ลู่เจียวกล่าวจบก็กลัวเขาพูดอีก รีบพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับเฝิงจือตามคนรับใช้ตระกูลหูไปเรือนด้านหลัง
ลู่เจียวยิ้มกล่าวกับเฝิงจือ “คุณชายพวกเจ้าตอนนี้ใกล้กลายเป็นยายแก่แล้ว”
เฝิงจือยิ้มกล่าวว่า “คุณชายใส่ใจเหนียงจื่อกับคุณชายน้อยมาก ดังนั้นจึงได้เป็นเช่นนี้”
ลู่เจียวเลิกคิ้วมองเฝิงจือ เซี่ยอวิ๋นจิ่นใส่ใจนางมากไป? ก่อนหน้านี้เขายอมรับเรื่องหย่าได้แล้ว ตอนนี้ความห่วงใยเขาเป็นความใส่ใจแบบเพื่อน นางรักษาขาเขาหาย นับว่าเป็นผู้มีพระคุณของเขา
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ ด้านหน้าก็มีเสียงคุยกันดังมา นางเงยหน้ามองไปก็เห็นสตรีแต่งกายด้วยกระโปรงหรูหราสองสามคนกำลังเดินคุยกันเข้ามาในเรือนด้านหลัง
ลู่เจียวหันไปมอง กล่าวกับสาวใช้ที่นำทางพวกนางว่า “ตอนนี้พวกเราตรงไปเรือนหลี่เหนียงจื่อใช่ไหม”
แม้ว่าลู่เจียวไม่เคยมาจวนนายอำเภอ แต่ตามตำแหน่งที่ตั้ง เรือนตรงหน้านี้ไม่น่าจะเป็นเรือนพักอาศัยของนายอำเภอกับฮูหยินนายอำเภอ แต่เรือนนี้น่าจะเป็นเรือนของหูซ่านกับหลี่เหนียงจื่อ
สาวใช้รีบกล่าวว่า “เหนียงจื่อได้กำชับไว้แล้วว่า พอลู่เหนียงจื่อมาถึงก็ให้พาไปเรือนนาง นางอยากพบลู่เหนียงจื่อทันทีที่มาถึง จะได้ขอบคุณลู่เหนียงจื่อด้วยตนเอง”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “เหนียงจื่อพวกเจ้าเกรงใจไปแล้ว”
แต่กล่าวตามตรง สถานการณ์ตอนนั้นอันตรายมาก หากหลี่อวี้เหยาไม่ได้พบกับลู่เจียว ย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นขอเพียงเป็นคนมีคุณธรรมในใจ ย่อมไม่ลืมน้ำใจ หลี่อวี้เหยาเป็นเช่นนี้ก็ปกติมาก
เดิมลู่เจียวมาจวนตระกูลหู ตามหลักการแล้วควรคารวะนายอำเภอกับฮูหยินก่อน อย่างไรท่านนี้จึงจะเป็นเจ้าบ้านหญิงตัวจริง
แต่ในเมื่อหลี่อวี้เหยาให้คนเชิญนางไป ลู่เจียวก็ไม่อาจปฏิเสธ พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตามสาวใช้ไปเรือนหลี่อวี้เหยา
ในห้องหลี่อวี้เหยายามนี้มีคนอยู่กันไม่น้อย วันนี้เป็นงานเลี้ยงครบเดือนบุตรชายนาง ดังนั้นพวกผู้หญิงที่มาร่วมงานเลี้ยงตามหลักการแล้วควรจะมาเยี่ยมเยือนคุณชายน้อยที่เพิ่งจะครบเดือน มอบของขวัญให้คุณชายน้อย
ลู่เจียวมองไปไม่รู้จักสักคน แต่พอนางปรากฏตัวก็เป็นที่สนใจของบรรดาผู้หญิงในที่นั้นไม่น้อย ทุกคนหันไปมองนางด้วยสัญชาตญาณ
เพราะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ข้างกายนางเป็นที่สังเกตชัดมากเกินไป ไม่เพียงแต่สวมเสื้อผ้าเหมือนกัน ยังมีกุญแจเงินที่หน้าอกกระจุ๋มกระจิ๋มเหมือนกัน กอปรกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยังหน้าตางดงาม ใครเห็นใครชอบ
ในห้องทุกคนพากันวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“นี่ใครกัน เหมือนไม่เคยเห็น”
“หนูน้อยทั้งสี่นี่ลูกนางหรือ คลอดลูกมาหน้าตาดีจริง”
“สวรรค์ คนเขาอยากได้หลานชายสักคนยังไม่ได้ ครอบครัวนางถึงกับคลอดทีเดียวสี่คน นี่มันแฝดสี่ไหม หาได้น้อยมาก”
“แต่ไรมาข้าไม่เคยได้เห็นแฝดสี่เลย อย่างมากก็แฝดสอง”
“หญิงผู้นี้คลอดเก่งจริง แต่เหมือนไม่เคยพบนาง”
พอหลี่อวี้เหยาเห็นลู่เจียวก็ก้าวเข้ามาหาอย่างตื่นเต้นยินดี ยื่นมือไปดึงลู่เจียวเดินเข้าข้างใน นางเดินไปก็แนะนำกับคนข้างกายไปว่า “นี่คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเราแม่ลูกไว้ อย่าเห็นว่านางอายุน้อยหน้าตาดี ความจริงนางเป็นหมอที่ร้ายกาจมาก”
“หมอ? นางอายุเท่าไรกัน ถึงกับเป็นหมอ ยังช่วยหลี่เหนียงจื่อแม่ลูกไว้อีก”
หลี่อวี้เหยาดึงลู่เจียวไปนั่งด้านใน มองลู่เจียวอย่างตื่นเต้นดีใจ กล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ ข้าอยากพบเจ้ามาตลอด อยากกล่าวขอบคุณเจ้าต่อหน้า ปรากฏว่าไม่เคยได้พบเจ้าเลย”