Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1764 สูงล้ำเหนือนิรันดร์กาลเพียงผู้เดียว

ตอนที่ 1764 สูงล้ำเหนือนิรันดร์กาลเพียงผู้เดียว
ไม่เพียงแต่ถังซู ขณะนี้ทุกคนในที่นั้นต่างอึ้งงันอยู่เช่นนั้น นัยน์ตาเบิกกว้าง
ก็เห็นว่าศิลามรรคสักการะของหลินสวินหลังจากไปถึงเก้าพันจั้งก็ไม่ได้หยุดลง แต่พุ่งสูงขึ้นอีกช่วงใหญ่โดยพลัน
ภายใต้สายตาตกตะลึงทั้งมวล เมื่อศิลามรรคสักการะนั้นอยู่สูงถึงหมื่นจั้งจึงค่อยๆ หยุดนิ่ง!
ทั้งที่นั้นเงียบสงัด เข็มตกยังได้ยิน
ทุกคนเพียงรู้สึกคอแห้งผาก จิตใจปั่นป่วนยากสงบลงได้
ตั้งแต่อดีตมา ท้องฟ้าสูงเก้าพันจั้งก็เป็นผลงานสักการะที่น่ายกย่องได้แล้ว ลองคิดดูว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ยาวนาน รวมแล้วเพิ่งมีศิลามรรคสักการะของคนไม่เกินสามคนที่ลอยสูงเก้าพันจั้ง
สามคนนี้ คนหนึ่งคือ ‘เสวียนซั่งเฉิน’ ที่อยู่ยุคดึกดำบรรพ์ บรรลุระดับจักรพรรดิมานานมากแล้ว ขนานนามว่า ‘มหาจักรพรรดิเสวียนเหยี่ยน’
อีกคนหนึ่งคือ ‘เฟิงเทียนจื่อ’ ที่มาจากเรือนมรรคโลกาสวรรค์เมื่อหนึ่งแสนปีก่อน บรรลุระดับจักรพรรดิเช่นกัน ขนามนามว่า ‘จักรพรรดิเร้นเก้ารู้’ ตอนนี้เร้นกายอยู่ในเรือนมรรคโลกาสวรรค์
คนสุดท้ายเป็นผู้ลึกลับที่มีนามว่า ‘ฉีหนิง’ เมื่อหกหมื่นปีก่อน ไม่มีใครล่วงรู้ที่มาที่ไป ภายหลังเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ เป็นคนที่ลึกลับที่สุดในสามคนนี้
และในวันนี้ตอนนี้ หลินสวินอาศัยพลังสักการะของตน สร้างผลงานที่ไม่เคยมีในอดีตได้ในคราเดียว ก้าวเดินโดดเด่นเพียงผู้เดียว
ศิลามรรคสักการะฉายส่องสูงหมื่นจั้งเพียงลำพัง!
นี่ก็เหมือนปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่ง ทำให้ทุกคนกระทบกระเทือนใจและไหวสะท้าน
ทุกคนต่างรู้ดีว่ายิ่งศิลามรรคสักการะอยู่สูง ก็หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังจากสักการะเป็นอริยบุคคลก็ยิ่งแกร่งกล้า ดังนั้นโชควาสนาที่ได้รับก็ยิ่งมากตามไปด้วย
และผลงานสักการะของหลินสวิน ประหนึ่งเป็นคนแรกที่อยู่สูงหนึ่งหมื่นจั้งในชั่วนิรันดร์กาล!
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากบรรลุเป็นอริยบุคคลของเขาจะน่าตกตะลึงปานไหน
โชควาสนาที่เขาได้รับจะมากเพียงใด
พอคิดดูก็ล้วนทำให้คนหวั่นใจ
“คิดไม่ถึงว่าพี่หลินจะหัวเราะทีหลังดังกว่า กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนแท่นสักการะแห่งนี้”
ครู่ใหญ่ฮว่าซิงหลีเอ่ยพึมพำ
คนอื่นก็สีหน้าผกผันไม่ว่างเว้น
ก่อนหน้านี้หลินสวินคล้ายได้รับสุดยอดความลับบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ ตอนนี้ยังสักการะเป็นอริยบุคคล กดข่มทุกผู้คนทั้งอดีตและปัจจุบันอีก
เขาเรียกได้ว่าเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจริงๆ!
ต่อให้เป็นอาหู ก่อนหน้านี้ก็ยังคิดไม่ถึงว่าจะมีปาฏิหาริย์เช่นนี้เกิดขึ้นกับหลินสวิน จึงสั่นสะท้านไม่ว่างเว้นไปชั่วขณะหนึ่ง
บนแท่นมรรคห้าสี หลินสวินยืนอยู่เพียงลำพัง เงาร่างสูงตระหง่าน กลิ่นอายว่างเปล่าอันสมบูรณ์กระจายไปทั้งร่าง
ดูอยู่ไกลๆ ภายใต้กลิ่นอายที่ดูเหมือนเรียบเฉยของเขา กลับมีความน่าเกรงขามที่พุ่งสู่ใจคน!
นั่นคือกลิ่นอายของอริยบุคคล ทั้งยังต่างจากทั่วไป!
“หึ ข้าไม่สนหรอกว่าจะเป็นผู้ชนะอะไรนั่นหรือไม่ ข้ารู้แต่ว่าเจ้าหมอนี่ชิงศุภโชคบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ไปแล้ว!”
ทั่วเฉิงไห่สีหน้าแปรผันไม่หยุด ในใจมีความริษยาและชิงชังที่ไม่อาจกดข่มได้
พวกจวนอวี๋เหิง เนี่ยเจี้ยนเฉินมีสีหน้าแตกต่างกันไป
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นหลินสวินก็ลงมือแล้ว ดาบหักฟันออกมากลางอากาศด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ ดุจฝันดั่งอสนี ปานภาพลวง
ทั่วเฉิงไห่หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ จะคิดได้อย่างไรว่าหลินสวินไม่พูดสักคำก็ลงมือทันควัน ตอนที่ต้องหลบก็หลบไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงเข้าปะทะซึ่งหน้า
ปึง!
ครู่ต่อมาทั่วเฉิงไห่ก็ถูกซัดกระเด็น กระอักเลือดกบปากจมูก
แทบจะในขณะเดียวกัน เงาร่างอาหูไหววูบมาอยู่ตรงหน้าทั่วเฉิงไห่ กระบี่บินคล้ายโปร่งแสงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือแล้วแทงออกไปโดยพลัน
ตั้งแต่หลินสวินลงมือจนอาหูโจมตี ร่วมมือกันได้อย่างแนบเนียนไร้รอยต่อ ไม่มีช่องโหว่ให้โจมตีได้เลย!
ทั่วเฉิงไห่ที่เดิมก็ถูกโจมตีหนักหน่วง ยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกกระบี่บินแทงทะลุคอ
เสียงฟุ่บดังขึ้นครั้งหนึ่ง ศีรษะของเขาก็ถูกฟันกระเด็น เลือดสดๆ สาดกระเซ็น
“พะ… พวกเจ้า…”
ทั่วเฉิงไห่ตาเบิกกว้าง สีหน้ากราดเกรี้ยวและไม่ยินยอม ตายคาที่ลงในตอนนี้
ศพของเขาล้มลงไปกับพื้นดังสนั่น ศีรษะกลิ้งตกลงไป
จนตายก็ยังคิดไม่ถึงสักนิดว่าครั้งนี้มาถึงยอดแห่งแท่นสักการะอย่างยากเย็น คว้าจุดเปลี่ยนและได้อุทิศตนเป็นอริยบุคคลอย่างยากลำบาก กลับมาตายเอาตอนนี้
ไม่ยินยอมอย่างยิ่ง!
ภาพอันนองเลือดและกะทันหันนี้ก็ทำให้พวกจวนอวี๋เหิงใจเต้นโดยพลัน หน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
“แมลงวันตัวหนึ่ง บินหึ่งๆ ไม่รู้ดีชั่วไม่หยุด มาหาที่ตายหรือไง”
อาหูเอ่ยเสียงเรียบ
คนอื่นต่างนิ่งเงียบ หลังจากสงบใจได้แล้วจึงพบว่า ถ้าขัดแย้งกับหลินสวินในตอนนี้ จะแพ้หรือชนะล้วนพูดได้ยากนัก
ด้านหลินสวินไม่สนใจทุกอย่างนี้โดยสิ้นเชิง ตั้งแต่เริ่มจนจบเขายืนอยู่บนแท่นมรรคห้าสี่นั้นมาโดยตลอด ไม่ได้ก้าวเท้าเลย
เพียงแต่สีหน้าของเขากลับเจือแววประหลาดอย่างบอกไม่ถูก
เพราะไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเคลื่อนไหว แต่เป็นเพราะถูกพลังลึกลับปกคลุมไปทั้งตัว ไม่อาจออกจากแท่นมรรคห้าสีได้เลยสักนิด!
ตอนสังหารทั่วเฉิงไห่เมื่อกี้ก็ทำได้เพียงใช้วิชาฟันกลางอากาศ หากไม่เป็นเช่นนี้ ทั่วเฉิงไห่มีแต่จะตายอนาถกว่านี้
‘อาหู’
หลินสวินสื่อจิต
‘หืม?’
อาหูประหลาดใจอยู่บ้าง รับรู้ได้อย่างฉับไวว่าอารมณ์ของหลินสวินออกจะชอบกล
‘บอกพวกเจ้าคางคกแทนข้าทีว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้า’
หว่างคิ้วของหลินสวินปรากฏแววซับซ้อน ร่างที่ยืนอยู่บนแท่นมรรคห้าสีก็ดิ้นรนคล้ายกำลังต่อต้านอะไรอยู่
เนตรกระจ่างของอาหูหดรัดทันที ‘เจ้าเป็นอะไรไป’
แทบจะในขณะเดียวกัน พวกจวนอวิ๋นเหิงก็สังเกตเห็นว่าหลินสวินไม่เดินลงมาจากแท่นมรรคห้าสีสักที ดูผิดปกตินัก
‘ข้า…’
หลินสวินกำลังจะพูดอะไรร่างเขาก็ทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว พุ่งไปหาจักรวาลเหนือเวิ้งฟ้าราวกับถูกมือใหญ่จับไว้
“เขาเหมือนจะถูกจับไปแล้วใช่ไหม”
ถังซูอึ้งไป
อาหูใจหดเกร็ง ร้องว่า “หลินสวิน!”
นางกำลังจะกระโจนไปช่วย
‘ไม่ต้องสนใจข้า จำคำข้าไว้ บอกพวกเขาว่าข้าจะต้องไปหาพวกเขาให้ได้!’
ที่ส่วนลึกของจักรวาล เสื้อผ้าหลินสวินพัดปลิว ร่างกายส่องแสง สื่อจิตฉับไว
สวบ!
ครู่ต่อมาเงาร่างของเขาก็พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของจักรวาลแห่งนั้นโดยสมบูรณ์ ถูกความมืดมิดเงียบสงัดไร้สิ้นสุดเข้าปกคลุม มองไม่เห็นอะไรอีก
ใบหน้างามของอาหูบิดเบี้ยวไม่หยุด ตกตะลึงใจลอย
ทำไมถึงไปกะทันหันแบบนี้
เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ทำเอาทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างไม่ทันตั้งตัว
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”
ฮว่าซิงหลียังนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ เผยสีหน้าตกตะลึง
“แปลกพิกล”
พวกจวงอวี๋เหิงก็ฉงนใจไม่หยุด
ภายในจักรวาลเหนือเวิ้งฟ้านั้นกว้างใหญ่ไพศาลไร้สิ้นสุด เงียบสงัดวังเวง ไม่มีดวงดารามานานแล้ว มีแต่ความมืดมนเต็มไปหมด
ผู้ใดก็ไม่ล่วงรู้ว่าหลินสวินไปที่ไหนกันแน่ และจะมีชีวิตรอดกลับมาได้หรือไม่
‘วางใจได้ ข้าจะบอกให้…’
ครู่ใหญ่อาหูจึงได้สติกลับมา หว่างคิ้วปรากฏแววแน่วแน่
หลังจากสงบใจลง นางถึงพบว่าเหมือนหลินสวินสังเกตเห็นอะไรเข้าอย่างชัดเจนตั้งแต่ก่อนจากไป ถึงได้กำชับกับตน
เพียงแต่เกิดเรื่องกะทันหันเกินไป ทำให้เขาไม่ทันได้อธิบายอะไรสักนิด
‘เจ้าจะต้องรอดกลับมานะ…’
อาหูพึมพำในใจ
ที่นี่คือแหล่งสถานคุนหลุน เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ส่วนแท่นสักการะก็เป็นหนึ่งในแดนสามผนึกของแหล่งสถานคุนหลุน ลึกลับเป็นที่สุด
เกรงว่าต่อให้บุคคลระดับจักรพรรดิมา ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้แล้วว่าหลินสวินไปที่ใดกันแน่
……
วันนี้ผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ตามตีนเขาคุนหลุนต่างได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่แท่นสักการะ สร้างความอึกทึกครึกโครมขนานใหญ่
และพอเวลาผันผ่านไป เมื่อผู้แข็งแกร่งเหล่านี้กลับจากแดนผนึกแท่นสักการะมาที่โบราณสถานคุนหลุน ก็กระจายข่าวนี้ตามไปด้วย
ชั่วขณะเดียวก่อให้เกิดเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไร
“เจ้าหมอนี่… ช่างเป็นเทพมารที่ฆ่าคนได้อย่างโหดเหี้ยมจริงๆ!”
หลินสวินเข่นฆ่าตลอดเส้นทางสักการะ พิฆาตซวีหลิงคุน ทำลายปราณเหวินฉิงเสวี่ย ปลิดชีพซาหลิวชิง สังหารคูตู้!
หลังจากผลงานรบนองเลือดชวนกริ่งเกรงเช่นนี้ถูกเปิดเผย ทำเอาผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไรหวาดหวั่นและตกตะลึง
“เหนือฟ้าสูงหมื่นจั้ง ฉายส่องชั่วนิรันดร์เพียงผู้เดียวหรือ”
หลังจากได้ยินว่าหลินสวินอุทิศตนเป็นอริยบุคคล สร้างปาฏิหาริย์การสักการะที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตกาลได้ในคราวเดียว ก็มีทั้งคนที่อิจฉา มีทั้งคนที่หน้าเปลี่ยนสี มีทั้งคนที่รู้สึกเหลือเชื่อ
ชายหนุ่มที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณ ดันมีผลงานสักการะที่น่าจับตามองปานนี้เชียวหรือ
“สวรรค์! เขาถึงกับได้ยอดศุภโชคอย่างการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ไปหรือนี่”
และเมื่อได้รู้ว่าในระหว่างที่หลินสวินชูมือขึ้น ก็ดูดกลืนพลังดวงดาราจักรวาลปวงสวรรค์ ชิงเอาศุภโชคในแท่นมรรคห้าสีที่ในอดีตไม่เคยมีใครได้แตะต้อง ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นจนแทบคลั่ง
“เจ้าหมอนี่ โชควาสนาเย้ยฟ้าปานนี้เชียวหรือ ถ้าส่งข่าวกลับไปทางเดินโบราณฟ้าดารา เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนั้นต้องมองเขาเป็นอาหารโอชะในจานแน่!”
“บรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์เชียวนะ… นี่เป็นความฝันที่มุ่งมาดปรารถนาที่สุด แต่ก็ไกลเกินเอื้อมที่สุดของผู้แข็งแกร่งฟ้าดารากี่คนกัน”
หลายคนยังจิตใจปั่นป่วน
“ตัวเขาล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
ยังมีคนที่ไอสังหารพลุ่งพล่าน เกิดความโลภที่ไม่อาจควบคุมได้
“หายไปแล้ว!”
ไม่นานนักผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ในโบราณสถานคุนหลุนต่างได้ข่าว ว่าหลังจากชิงศุภโชคบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ไปได้ หลินสวินก็หายไปในส่วนลึกของจักรวาลเหนือแท่นสักการะอย่างพิลึกพิลั่น ทุกคนต่างมีสีหน้างุนงงกันหมด
หายไปแล้วหรือ
เจ้าคนที่สามารถก่อให้เกิดความสะท้านสะเทือนในทางเดินโบราณฟ้าดารา ทำให้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนจับตามองได้ ดันหายไปแล้วหรือ
เรื่องนี้ทำให้ทุกคนแทบบ้าจริงๆ!
“สำหรับเจ้าหมอนี่แล้ว หายไปเสียแบบนี้กลับเป็นเรื่องดี”
มีคนใคร่ครวญ
ตั้งแต่หลินสวินเข้ามาในแหล่งสถานคุนหลุน ไม่ว่าจะเป็นที่แดนหลอมสมบัติ ยอดเขาพญามังกร หรือบนแท่นสักการะ ก็ฆ่าผู้แข็งแกร่งไปแล้วไม่รู้เท่าไร
ผู้โดดเด่นชั้นยอดอย่างซวีหลิงคุน เหวินฉิงเสวี่ย เมิ่งอี้ คุนจิ่วหลิน เยี่ยนฉุนจวิน กู่ฉางซินที่ตายด้วยน้ำมือเขายิ่งนับไม่ถ้วน
กล่าวอย่างไม่เกินเลยได้ว่า ผู้สืบทอดของขุมอำนาจหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่ เกินครึ่งต่างหมางใจกับหลินสวิน!
ส่วนในโลกมืด ยังมีสองขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อย่างสำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์หมายหัวหลินสวิน…
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ทันทีที่หลินสวินปรากฏตัว เดิมก็ถูกมองเป็นหนามยอกอก ถูกโจมตีอย่างไม่อาจจินตนาการได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาในตอนนี้ยังมียอดศุภโชคบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์อยู่กับตัว เพียงพอที่จะดึงดูดให้ระดับจักรพรรดิหมายตาและลงมือ!
แต่ตอนนี้เขาหายไปอย่างพิลึกพิลั่นเช่นนี้ กลับสามารถหลีกเลี่ยงคลื่นลมและความยุ่งยากไปได้ชั่วคราว
“น่าเสียดาย…”
“โธ่!”
“เรื่องนี้ รวมถึงข่าวคราวทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินต้องแจ้งให้สำนักทราบ ตั้งแต่อดีตถึงตอนนี้ ในแหล่งสถานคุนหลุนไม่เคยเกิดเรื่องใหญ่อึกทึกครึกโครมเช่นนี้มาก่อน”
“ข้าสังหรณ์ว่าหากหลินสวินคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกผู้แข็งแกร่งบนทางเดินโบราณฟ้าดารามองเป็นเหยื่อตัวอ้วนพีแน่”
“บนมหามรรค เหล่าผู้กล้าไล่ตามกวาง และหลินสวินก็ได้กลายเป็น ‘กวาง’ ที่ทำให้ไม่ว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าคนไหนต่างหมายปองเสียแล้ว…”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์สนทนาต่างๆ ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในภายหน้าชื่อของหลินสวินจะก่อให้เกิดความโกลาหลราวพายุพุ่งเข้าสู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา!
“แล้วผู้หญิงที่ชื่ออาหูคนนั้นล่ะ ขอเพียงจับนางได้ ภายหน้าหากหลินสวินปรากฏตัวต้องเป็นสิ่งที่เอามาข่มขู่ได้อย่างดีที่สุดแน่”
“ถูกต้อง ผู้หญิงคนนี้สนิทชิดเชื้อกับหลินสวิน ถ้ามีนางต้องเอามาบีบหลินสวินได้แน่”
“ได้ยินว่าหลังจากศึกที่แท่นสักการะจบลง นางก็หายลับไปแล้ว แต่แน่ใจได้ว่านางต้องไม่ได้ออกไปจากแหล่งสถานคุนหลุนแน่”
และยังมีคนลอบปรึกษากันลับๆ จ่อปลายหอกไปที่อาหู!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท