เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสายตาเลื่อนลอยหลงใหลของสวี่ชิงอิน ก็รังเกียจอย่างมาก เขาแค่มองก็รู้ว่าหญิงผู้นี้ไม่ได้ดื่มสุราเมา คนดื่มเมาเดินมาได้ไกลถึงเพียงนี้หรือ แค่มองเขาก็มองออกว่าสาวใช้ด้านหลังนางไม่อยากให้นางมาเรือนด้านหน้า เขาได้แต่โมโหแต่ไม่อาจกล่าว
หญิงผู้นี้เกรงว่ามาเพราะเขา
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรังเกียจผู้หญิงที่ไม่รู้รักนวลสงวนตัวพวกนี้มาก เจ้าว่าเจ้าเป็นสตรี ทำไมจึงไม่มีท่าทีรักนวลสงวนตัว แค่เห็นผู้ชายหน้าตาดีก็เสียกิริยา นี่ยังเรียกสตรีอีกหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองสวี่ชิงอินด้วยสีหน้าเย็นชา เอ่ยว่า “คุณหนู โปรดระวังกิริยา ข้าเป็นผู้มีภรรยาแล้ว ควรต้องรักษาระยะห่างจากสตรีอื่น”
กล่าวจบมองไปยังนายอำเภอหู นายอำเภอหูเห็นสวี่ชิงอินเอาแต่ตื้อไม่ยอมไป ก็รำคาญรีบส่งเสียงเรียกคนด้านนอก “จูเอ้อร์ เจ้าไปตายที่ไหนมา รีบมาเชิญคุณหนูสวี่ไปเรือนด้านหลังสิ”
ปรากฏว่าต้องเรียกหลายคำกว่าจะได้ยินจูเอ้อร์ขานรับ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไร้วาจาจะกล่าว เจ้าว่านายอำเภอของเจ้าไร้ความสามารถไหม ลูกน้องคนงานตัวเล็กๆ ยังกล้าขัดคำสั่งเช่นนี้ ยังจะทำอะไรได้
นายอำเภอหูเองก็รู้สึกว่าตนเองไร้ความสามารถอยู่บ้าง รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก เห็นจูเอ้อร์เข้ามาในศาลาก็ยกเท้าเตะเขาทีหนึ่ง
“แม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ยังจะเลี้ยงเจ้าไว้ทำไม”
จูเอ้อร์รีบตะกายลุกขึ้นมา เชิญสวี่ชิงอินให้รีบไปเรือนด้านหลัง
สวี่ชิงอินคิดไม่ถึงว่าตนเองหาเรื่องจนเสียหน้า ในใจก็โมโหมาก อัดอั้นจนหน้าดำคร่ำเครียด หันหลังพุ่งกลับไปเรือนด้านหลังกับสาวใช้ทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังขี้เกียจจะพูดจามากความกับนายอำเภอหู แม้แต่เขาคิดช่วยก็ยังยากอยู่ไม่น้อย
นายอำเภอหูเองก็รู้ว่าตนเองเพราะเอาแต่อัดอั้นตันใจกับปณิธานตนที่ไม่เป็นผลสำเร็จ แอบรู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้นจึงได้ทำให้คนติดตามข้างกายตนเองแต่ละคนล้วนไม่ได้เรื่อง
แต่ครั้งนี้เขาตัดสินใจแล้ว ต้องฮึดสู้ดูสักตั้ง
“อวิ๋นจิ่น เจ้าลองคิดข้อเสนอข้าดีๆ ข้ารู้เจ้าเป็นห่วงคนในครอบครัว แต่แม้เจ้าไม่ช่วยข้า เจ้าจะรับรองได้หรือว่าครอบครัวพวกเจ้าในอำเภอชิงเหอจะไม่มีเรื่องอะไร”
คนเราขอเพียงอยู่ในวงแวดล้อม ย่อมต้องประสบเหตุ บางครั้งเจ้านั่งอยู่ในบ้านก็อาจมีภัยตกจากฟากฟ้ามาถึงตัวได้ ไม่ใช่ว่าจะหลบเลี่ยงก็จะหลบเลี่ยงพ้นได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้สนใจนายอำเภอหู เดินออกจากสวนดอกไม้ไปทันที เขาเพิ่งเดินออกจากสวนดอกไม้ก็เห็นหลินตงเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
พอหลินตงเดินมาก็กระซิบรายงานเบาๆ กล่าวว่า “คุณชายให้ข้าคอยจับตาดูเรือนด้านหลังว่าใมีผู้ใดไม่เป็นมิตรกับเหนียงจื่อไหม แล้วก็มีจริงๆ”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบทันที สีหน้าทะมึนมองหลินตงถามว่า “ผู้ใดไม่เป็นมิตรกับเหนียงจื่อ”
“ตู้เหนียงจื่อตระกูลหัน?”
หลินตงเงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่นทันที กล่าวเสียงเบาว่า “บอกว่าคุณชายกับเหนียงจื่อเป็นคนบ้านนอก มีนิสัยชอบเล่นอุบายคิดการใหญ่ หลอกบ้านคุณชายหันอยู่ไม่จ่ายเงิน สุดท้ายเหนียงจื่อยังต้องหยิบสัญญาบ้านออกมา เรื่องนี้จึงได้ยุติ แต่สะใภ้ใหญ่นายอำเภอกลับช่วยเหนียงจื่อ”
หลินตงกล่าวจบ รอบกายเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เปล่งรัศมีดุดัน สีหน้าเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
เขาคบหากับหันถง ไม่เคยเอาเปรียบเขา แม้ว่าครั้งนี้เขาอัมพาตบนเตียง หันถงได้ช่วยเหลือเขาไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้ให้อีกฝ่ายช่วยเปล่า ๆ แต่ทุ่มเทแรงกายแรงใจทบทวนตำราให้หันถง หากเขาไม่ช่วย ครั้งนี้หันถงไม่มีทางสอบซิ่วไฉได้แน่
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งคิดก็อารมณ์เสีย หันหลังเดินไปยังลานต้อนรับแขกชาย สองนายบ่าวเพิ่งเดินไปถึงหน้าประตูลาน หันถงก็ออกมาตามหาเซี่ยอวิ๋นจิ่นพอดี
หันถงเห็นสีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ดีนัก รีบถามอย่างห่วงใยกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น เจ้าเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงยหน้าสบตาหันถง แววตาเย็นเยียบอย่างบอกไม่ถูก กล่าวตามตรง หันถงเป็นเพื่อนสนิท เขาก็ปฏิบัติต่อเพื่อนอย่างจริงใจ แต่ครอบครัวเขามีหญิงผู้นั้น พวกเขาไม่อาจเดินร่วมเส้นทางได้ยาวไกล ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ตัดขาดเสียแต่ตอนนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วสีหน้าก็อ่อนลง แต่สีหน้านิ่งสงบของเขากลับทำให้หันถงรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวน้ำเสียงนิ่งสงบว่า “หันถง ข้าคิดว่าที่ก่อนหน้านี้พวกเราตัดสินใจทำการค้าด้วยกัน ก็แล้วไปเถอะ แน่นอนว่าเจ้าทำของเจ้าได้ อีกอย่างเดือนเก้าสอบย่วนซื่อ ข้าก็จะทุ่มเทช่วยเหลือเจ้าเต็มที่ แต่วันหน้าพวกเราไม่จำเป็นต้องไปมาหาสู่กันแล้ว”
คำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นราวกับสายฟ้าฟาดใส่กระหม่อมหันถงจนพูดไม่ออก เขาเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นสหายสนิทด้วยความจริงใจ เขาไม่นับว่าฉลาด หลายครั้งเจอเรื่องอะไร ตัดสินใจไม่ได้ก็มาขอความเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นล้วนให้คำแนะนำที่ดีมากกับเขา
เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นพี่น้องกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปชั่วชีวิต ผู้ใดจะรู้ว่าตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นถึงกับจะตัดสัมพันธ์กับเขา
หันถงราวกับถูกสายฟ้าฟาด
เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นหันหลังเดินจากไป เขาอดตะโกนเรียกไม่ได้ “ทำไม อยู่ดีๆ ทำไมจึงมีเรื่องตัดสัมพันธ์เช่นนี้ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากให้หันถงเสียใจ หันหลังเดินกลับไปหาหันถง กล่าวว่า “หันถง ใช่ว่าข้าไม่อยากเป็นพี่น้องกับเจ้า แต่ครอบครัวเจ้ามีภรรยาเช่นนี้ พวกเราสองตระกูลคงเดินร่วมทางไปได้ไม่ยาวไกล ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนไม่สู้แยกจากกันในยามเป็นมิตรกัน อย่าได้สุดท้ายแตกคอกัน ทำลายความสัมพันธ์พวกเราพี่น้อง แม้ว่าพวกเราแยกจากกันในวันนี้ แต่วันหน้าอย่างไรก็ยังพอมีน้ำใจกัน”
หันถงพอได้ฟังก็ยังไม่เข้าใจ ภรรยาตนเองไปก่อเรื่องอะไร ต้องไปทำอะไรลู่เจียวแน่นอน
หันถงใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาแทบจะหลุดออกมานอกเบ้าด้วยความโกรธจัด
เขาคบหาเซี่ยอวิ๋นจิ่น นอกจากเป็นสหายสนิทเขา หรือว่าไม่ใช่เพื่อตระกูลหัน เพื่อตระกูลตู้?
พวกเขาสองตระกูลต้องพึ่งพาอวิ๋นจิ่นที่มีปัญญาเช่นนี้ วันหน้าเขาต้องเดินเส้นทางขุนนาง เขาใช่ไร้ความสามารถเช่นนายอำเภอหู วันหน้าย่อมต้องก้าวขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้น
ครอบครัวพวกเขาสานสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ได้จึงจะเดินไปไกลได้ แต่ทุกอย่างที่เขาสร้างมา กลับถูกสตรีผู้หนึ่งทำลายลงแล้ว
หันถงแทบจะฟาดนังชั้นต่ำตู้หลันจูให้ตาย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันหลังเดินไปยังงานเลี้ยงตระกูลหู
หันถงหันไปสั่งให้คนรับใช้ด้านหลังไปสืบดูว่าก่อนหน้านี้เรือนด้านหลังเกิดเรื่องอะไร
เรือนด้านหลังงานเลี้ยงแขกสตรีใกล้จะจบลงแล้ว ที่โต๊ะเลี้ยงพลันมีคนส่งเสียงร้องตกใจ “คุณหนู ไข่มุกแดนใต้บนปิ่นปักผมท่านล่ะ”
ทุกคนพากันหันไปมองคนที่ส่งเสียงร้องดัง ก็คือสาวใช้สวี่ชิงอิน กำลังมองปิ่นปักผมบนศีรษะสวี่ชิงอินอย่างตกใจ
คนไม่น้อยเงยหน้ามองไปยังปิ่นบนศีรษะสวี่ชิงอิน ไข่มุกแดนใต้เม็ดใหญ่และกลมที่ฝังอยู่ตรงกลางหายไปแล้วจริงๆ
ไข่มุกแดนใต้เป็นของล้ำค่าหาได้ยากมาก โดยเฉพาะในพื้นที่เล็กๆ อย่างอำเภอชิงเหอนี้ ก็ยิ่งหามุกเช่นนี้ได้ยาก
สวี่ชิงอินมีเม็ดหนึ่งได้ ก็เพราะพ่อค้าที่ให้การสนับสนุนเบื้องหลังมอบให้แก่บิดานาง บิดานางรักบุตรสาวคนนี้มาก ดังนั้นจึงมอบไข่มุกแดนใต้ให้สวี่ชิงอิน สวี่ชิงอินเอามาฝังประดับปิ่นปักผม
ก่อนหน้านี้คุณหนูแต่ละตระกูลต่างอิจฉาไข่มุกแดนใต้บนศีรษะนางอยู่เลย แต่ตอนนี้ไข่มุกแดนใต้กลับหายไปแล้ว
แต่ละคนสบตากัน
เทียบกับสตรีอื่นในงานเลี้ยง สีหน้าฮูหยินนายอำเภออย่าได้กล่าวว่าย่ำแย่เพียงใด วันนี้เป็นงานเลี้ยงครบเดือนหลานชายคนโตครอบครัวนาง ก็เกิดเรื่องไม่ได้หยุดหย่อน ทำเอาอารมณ์เสียจริง
สวี่ชิงอิงยืนขึ้นอย่างแตกตื่นตกใจทำอะไรไม่ถูก มองหารอบๆ
เสี่ยวจวี๋รีบกล่าวว่า “คุณหนูใช่ตอนที่ท่านไปคารวะสุราก่อนหน้านี้ไหมเจ้าคะ ชนกับอะไรเข้า จากนั้นก็ร่วงหล่น?”
พอเสี่ยวจวี๋กล่าวจบ สวี่ชิงอินก็พยักหน้าเต็มแรง
“อาจเป็นเช่นนี้จริง”