หลี่อวี้เหยาโกรธมาก นางทำอะไรสวี่ชิงอินไม่ได้ มีแต่บุตรีตระกูลตู้เล็กๆ ที่นางล่วงเกินได้
หลี่อวี้เหยามองไปยังตู้หลันจูกล่าวว่า “เจ้ารีบไปจากตระกูลหูข้า วันหน้าตระกูลหูข้าไม่อยากเห็นคนไร้เหตุผลเช่นเจ้าอีก”
ตู้หลันจูได้ฟังหลี่อวี้เหยา สีหน้าก็ย่ำแย่อย่างมาก คิดจะผรุสวาทวาจา แต่พอคิดถึงว่าสถานะหลี่อวี้เหยา ก็ได้แต่อดทนไว้
นางจ้องมองลู่เจียวอย่างแค้นใจ หันหลังเดินออกไป หลี่อวี้เหยายื่นมือไปดึงลู่เจียวมา กล่าวว่า “เจียวเจียวอย่าได้โมโห ไม่ต้องไปสนใจสตรีพวกนั้น นางเป็นพวกสมองผิดปกติ”
หลี่อวี้เหยากล่าวจบ คนไม่น้อยในห้องต่างตอบรับ “ใช่ บุตรีตระกูลตู้แต่ไรมาก็เอาแต่หยิ่งยโส ความจริงครอบครัวพวกเขาก็เท่านั้น เอาแต่คิดว่าครอบครัวตนเองยิ่งใหญ่”
ตระกูลตู้กับตระกูลหันในอำเภอชิงเหอก็แค่ระดับกลาง พ่อค้ามีเงินไม่เห็นพวกเขาในสายตา แต่ตู้หลันจูคิดว่าครอบครัวตนเองเก่งกาจมาก
สตรีในที่นั้นไม่น้อยต่างดูแคลนนางมาก
ในห้อง ฮูหยินนายอำเภอเห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว รีบประกาศเริ่มงาน นำคนเดินไปยังลานจัดงาน
ลู่เจียวรีบมอบของขวัญที่นางซื้อให้บุตรชายหลี่อวี้เหยา ที่นางซื้อมาก็คือชุดกำไลเงิน
หลี่อวี้เหยายิ้มกล่าวขอบคุณ ให้คนดูแลบุตรชายตน ก่อนจะหันหลังพาลู่เจียวไปงานเลี้ยง
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างมีความสุขเดินไปลานจัดงานเลี้ยง ผู้อื่นเห็นแล้วก็ไม่ได้อะไร อย่างไรหลี่อวี้เหยาแม่ลูกก็เป็นลู่เจียวช่วยไว้ แต่คนตระกูลหลี่กับสวี่ชิงอินเห็นแล้วกลับอัดอั้นตันใจอย่างมาก
โดยเฉพาะสวี่ชิงอิน คิดถึงว่าหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง อยู่ๆ ได้เป็นน้องสาวบุญธรรมสะใภ้ใหญ่นายอำเภอ วันหน้านางรับมือยิ่งยุ่งยาก
เพราะสวี่ชิงอินอัดอั้นในใจ จึงดื่มสุราติดกันไปสองสามจอก รู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อย
คิดถึงท่าทางสูงสง่าเย็นชา รูปงามราวกับภาพวาดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้ว นางก็ไม่อาจระงับใจที่ยิ่งเต้นแรงได้ อดแอบเดินไปยังลานรับแขกชายที่ด้านหน้าจวนตระกูลหูไม่ได้
สวี่ชิงอินคุ้นเคยจวนตระกูลหูอยู่ ดังนั้นนางก็หาทางมาเรือนด้านหน้าได้อย่างไม่ลำบากอะไร ค่อยๆ เดินไปยังลานที่มีเสียงพูดคุย
สาวใช้ด้านหลังไม่กล้าดึงนางแรง ได้แต่ดึงนางอย่างระมัดระวัง น่าเสียดายสวี่ชิงอินไม่สนใจนางเลย
สวี่ชิงอินไม่ทันไปถึงลานรับแขกชาย ก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังพูดคุยอยู่ในศาลาศิลาที่มุมตะวันตกเฉียงเหนือของสวนดอกไม้ “ข้าเป็นแค่ซิ่วไฉ ไม่อาจรับคำเชิญนายอำเภอหูได้”
ที่แท้วันนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นคุยกับนายอำเภอหูอยู่ครู่หนึ่ง นายอำเภอหูพบว่าซิ่วไฉผู้นี้ไม่เพียงแต่เรียนหนังสือฉลาดหลักแหลม ความคิดยังละเอียดรอบคอบลึกซึ้ง แม้เป็นแค่ซิ่วไฉ แต่เทียบกับนายอำเภออย่างเขาแล้ว เหมือนเป็นขุนนางมากกว่า
นายอำเภอหูคิดเชิญเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาเป็นที่ปรึกษาเขา ตอนนี้เขาเหมือนถูกกักอยู่ในอำเภอชิงเหอ เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ เขาอายุห้าสิบแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่มีผลงาน หรือว่าชีวิตเขานี้จะหยุดอยู่ที่ตำแหน่งนายอำเภอ
อันนี้ก็แล้วไปเถอะ แต่บุตรชายเขาจะทำอย่างไร นายอำเภอหูรู้ว่าบุตรชายตนเองมีความสามารถสอบตำแหน่งจวี่เหรินได้ เขาก็พอใจแล้ว จะคิดสอบขั้นสูงขึ้นไปอีก ก็คงไม่อาจสอบได้
ส่วนเขาเป็นแค่นายอำเภอเล็กๆ ก็ไม่อาจให้การแนะนำบุตรชายไปดำรงตำแหน่งอะไรได้ วันหน้าตระกูลหูจะทำเช่นไร
นายอำเภอหูกลุ้มใจเรื่องนี้จนผมแทบขาวหมดหัวแล้ว วันนี้เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นเหมือนเห็นแสงสว่าง เขาเชิญเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาเป็นที่ปรึกษาเขาได้ ช่วยจัดการอำเภอชิงเหอในตอนนี้ หากเขาสามารถกว่านี้อีกหน่อย ไม่แน่อาจเสาะหาเส้นทางให้บุตรชายเขา ให้ตระกูลหูได้บ้าง
พร้อมกันนี้นายอำเภอหูยังคิดใช้เรื่องนี้สานสัมพันธ์เซี่ยอวิ๋นจิ่น เขามีความรู้สึกว่า ซิ่วไฉผู้นี้วันหน้าตำแหน่งต้องสูงกว่านี้ พวกเขาได้สานสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ วันหน้าใช่ว่ามีอีกเส้นทางหรือ
“อวิ๋นจิ่นเจ้าช่วยข้าหน่อยเถอะ เจ้าดูข้าอายุห้าสิบแล้ว หากไม่สร้างผลงานโดดเด่นอะไรอีก เกรงว่าชีวิตนี้ก็คงเสียเปล่าเช่นนี้แล้ว เจ้าก็เป็นนักเรียน ย่อมรู้ว่ากว่าถงเซิงจะสอบจิ้นซื่อได้นั้นลำบากเพียงใด ปรากฏทุ่มเทแรงกายลงไปมากขนาดนั้น ถึงกับเสียเปล่าอยู่อย่างนี้ ข้าทำใจไม่ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองนายอำเภอหู สีหน้าท่าทางนายอำเภอหูไร้สิ้นปณิธาน เป็นขุนนางแต่ไม่ได้รู้สึกภาคภูมิแม้สักนิด กลับกัน ยังมีสีหน้าอมทุกข์ กลัดกลุ้มไร้ซึ่งปณิธาน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้สึกเห็นใจนายอำเภอหู แต่เขาไม่คิดยื่นมือยุ่งเรื่องอำเภอชิงเหอ เรื่องราวที่นี่หยั่งลึกยากแตะต้อง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังคิดอยู่ นายอำเภอหูก็ยื่นมือไปคิดคว้ามือเขา เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยกมือหลบ เขาไม่ชอบสัมผัสกับคนอื่น นอกจากคนที่สนิทจริงๆ เท่านั้น
นายอำเภอหูไม่ได้รู้สึกเคอะเขินสักนิด มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เอางี้ วันหน้าข้าจ่ายให้เจ้าเดือนละห้าสิบตำลึง ถือเป็นค่าเชิญเจ้า เจ้าว่าได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้ว เดือนละห้าสิบตำลึง ปีหนึ่งก็หกร้อยตำลึง
เงินนี้นับว่ามากอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะรับมาได้ง่ายๆ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงียบงัน หากตอนนี้เขาตัวคนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ด้านหลังเขามีลู่เจียว มีเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เขาไม่อาจพาพวกนางมาเสี่ยงอันตราย
นายอำเภอหูเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นเงียบไป ก็กล่าวอีกว่า “เจ้าช่วยข้า หากวันหน้าข้าก้าวขึ้นไปได้ วันหน้าพวกเราย่อมได้ช่วยเหลือดูแลกันและกัน”
นายอำเภอหูกล่าวจบ ก็รู้สึกว่าตนเองกล่าวได้ไม่จริงใจพอ จึงสำทับอีกประโยคว่า “ไม่สิ วันหน้าหากเจ้าต้องการอะไร ขอเพียงสั่งข้ามาก็พอ”
นี่เป็นการวางตนไว้ตำแหน่งต่ำต้อยมากแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้นายอำเภอหูผู้นี้เองก็หาทางออกไม่ได้ จึงได้ร้อนใจหาหมอมั่วไปหมด จับซิ่วไฉอย่างเขาได้ก็คิดลองกล่อมดูสักตั้ง
แต่ข้อเสนอสุดท้ายนายอำเภอหูก็ทำเขาแอบหวั่นไหว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วครุ่นคิด ไม่คิดว่าเขาไม่ทันได้พูดอะไร ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกศาลา เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับนายอำเภอหูสีหน้าไม่ดีเล็กน้อย ทั้งสองคนหันไปมองพร้อมกัน
เห็นเพียงนอกศาลามีสตรีสองคนเดินมา สตรีด้านหน้าสีหน้าแดงระเรื่อ แค่มองก็รู้ว่าดื่มสุรามา มีความรู้สึกเหมือนว่าเมาเล็กน้อย
เดิมนายอำเภอหูโมโหมาก แต่พอเห็นว่าเป็นสวี่ชิงอิน
สวี่ชิงอินไม่เพียงแต่บุตรสาวสวี่เซี่ยนเว่ย ยังเป็นสหายหูอิ้งเยว่ บุตรสาวนายอำเภอหู มักจะมาเป็นแขกที่บ้านบ่อยๆ
นายอำเภอหูปกติเห็นสวี่ชิงอินเป็นเหมือนหลานสาว ดังนั้นยามนี้สีหน้าก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย
“ชิงอิน เจ้าเดินมาตรงนี้ได้อย่างไร เรือนด้านหน้ามีแขกผู้ชายไม่น้อย”
เขากล่าวจบ มองไปยังสาวใช้สวี่ชิงอิน ตำหนิว่า “ยังไม่รีบพาคุณหนูเข้าไปเรือนด้านหลัง”
เสี่ยวเหลียนสาวใช้รีบพยักหน้า “คุณหนู พวกเราไปกันเถอะ”
สวี่ชิงอินกลับปัดมือเสี่ยวเหลียนทิ้ง มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นข้างนายอำเภอหูด้วยแววตาหลงใหล ยิ้มกล่าวว่า “คุณชายท่านนี้คือ?”
นายอำเภอหูหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น จากนั้นก็มองสวี่ชิงอิน ในใจก็นึกรู้ สวี่ชิงอินออกมานี่ก็คงมีจุดมุ่งหมายอื่น แต่เซี่ยซิ่วไฉเขาแต่งงานแล้ว แม้แต่ลูกก็มีแล้ว
นายอำเภอหูนึกไม่พอใจสวี่ชิงอินขึ้นมาทันที สีหน้าเขาไม่ดีนัก กล่าวว่า “นี่เป็นแขกของข้า เจ้ารีบกลับไป”
นายอำเภอหูครุ่นคิดแล้วก็ว่า ไว้ต้องเตือนเหล่าสวี่หน่อย บุตรสาวเขาถูกตามใจจนกลายเป็นอย่างไรไปแล้ว
สวี่ชิงอินได้ฟังคำนายอำเภอหู ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจมาก จากนั้นนางหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “คุณชายท่านนี้ ข้าน้อยคือบุตรสาวเซี่ยนเว่ยอำเภอชิงเหอ สวี่ชิงอิน ข้าขอทราบชื่อคุณชายได้หรือไม่”