ลู่เจียวถูกขุนพลหวังชมจนเขิน ยิ้มกล่าววาจาตามมารยาทสองสามคำ ก่อนจะมองไปยังจ้าวหลิงเฟิง ให้เขาส่งคนพานางไปดูสามโรงผลิตว่ามีอะไรขาดตกหรือไม่
จ้าวหลิงเฟิงเห็นด้วยทันที ก่อนหน้านี้ลู่เจียววาดภาพให้เขา ส่วนเขาก็ผสมกับความคิดตนเองปรับแก้นิดหน่อย จากนั้นก็ให้คนเริ่มสร้าง
ตอนนี้ลู่เจียวอยากไปชม ช่างดีจริงๆ
จ้าวหลิงเฟิงรีบแสดงท่าทางว่าตนเองจะพาพวกเขาไปเอง ฉีเหล่ยก็แสดงท่าทีว่าจะไปด้วย
ทุกคนมุ่งตรงไปยังชานเมืองนอกอำเภอชิงเหอ
สามโรงผลิตสร้างอยู่นอกเมืองทางใต้ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราวยี่สิบสามสิบลี้ก็ถึงแล้ว
ยามนี้รอบๆ พื้นที่ก่อสร้างมีคนเฝ้าไว้ ไม่ให้คนเข้าไปตามอำเภอใจ แต่จ้าวหลิงเฟิงกับพวกลู่เจียวมาถึง คนเฝ้าประตูก็วิ่งออกมาทักทายอย่างกระตือรือร้น
“ท่านจ้าวมาแล้ว”
จ้าวหลิงเฟิงมองเขา ถามว่า “พ่อบ้านใหญ่พ่อบ้านรองล่ะ ไปตามพวกเขามา”
“ขอรับๆ ข้าน้อยจะรีบไป”
คนผู้นี้ก็คือพ่อบ้านเล็กที่โรงผลิตในวันหน้าคนหนึ่ง ตอนนี้รับหน้าที่เฝ้าประตูใหญ่ ไม่ให้คนนอกเข้าไป ในโรงผลิตที่กำลังก่อสร้าง หากมีคนวิ่งเข้าไปบาดเจ็บหรือชนอะไรเข้า โรงผลิตพวกเขาก็ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นจ้าวหลิงเฟิงจึงเตือนพ่อบ้านใหญ่เป็นพิเศษว่าต้องให้คนเฝ้าไว้ ไม่ให้คนนอกเข้าไปเพ่นพ่าน รอให้วางฐานรากโรงผลิตเสร็จก่อน ก็สร้างกำแพงล้อมบริเวณโดยรอบไว้ก่อน ค่อยสร้างสามโรงผลิตด้านใน
จ้าวหลิงเฟิงพาพวกลู่เจียวเดินเข้าไป คนด้านในกำลังใช้ก้อนหินกลิ้งบดอัดพื้นกันอย่างคึกคัก สองสามคนลากก้อนหินกลมกลิ้งไป ปากก็ตะโกนสัญญาณคำหนึ่งก่อนจะเดินไปข้างหน้า
พอมองไป บนพื้นที่ก่อสร้างมีแท่นหินกลิ้งไม่น้อย ลู่เจียวเห็นพื้นที่แท่นหินกลิ้งผ่านไปยังแน่นหนาสู้ก่อนหน้านี้ที่นางใช้ก้อนหินกระแทกพื้นไม่ได้
จ้าวหลิงเฟิงเห็นสีหน้าลู่เจียวเหมือนคิดอะไร ก็อดถามไม่ได้ว่า “ทำไมหรือ เจ้ามีความคิดอะไร”
ลู่เจียวชี้ไปที่คนกำลังใช้แท่นหินกลิ้งบด กล่าวว่า “พื้นที่บดอัดออกมาเช่นนี้ ก่อกำแพงอิฐสี่ด้านไม่มีปัญหา แต่หากสร้างโรงผลิตเกรงว่าจะอันตราย”
ความสูงของโรงผลิตมากกว่าบ้านเรือนอาศัยทั่วไป เช่นนั้นพื้นก็ต้องรองรับน้ำหนักมาก พื้นที่ใช้หินกลิ้งบดอัดออกมา รับน้ำหนักได้ไม่พอ
จ้าวหลิงเฟิงได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็สงสัย แต่พอคิดแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนี้จริง
แต่จะเพิ่มแรงบดอัดดินอย่างไรล่ะ จ้าวหลิงเฟิงยังคิดวิธีที่ดีไม่ออกในตอนนี้จริงๆ เขามองลู่เจียวกล่าวว่า “งั้นให้พวกเขากลิ้งหลายรอบหน่อย?”
ลู่เจียวส่ายหน้า วาดมือให้จ้าวหลิงเฟิงดู กล่าวว่า “เจ้าให้คนไปหาหินก้อนใหญ่ขนาดนี้มา ให้ช่างหินเจาะรูสี่ด้าน จากนั้นก็ร้อยเชือกในรู หาคนสักสิบกว่าคนมาดึงเชือกยกก้อนหินขึ้น จากนั้นก็ปล่อยลงพื้นแรงๆ เช่นนี้พื้นที่เป็นฐานก็จะรองรับน้ำหนักได้อย่างไม่มีปัญหา”
ครั้งก่อนการปรับพื้นฐานบ้านตระกูลเซี่ยก็ทำเช่นนี้ แต่ครั้งก่อนเพราะเวลากระชั้นชิด ลู่เจียวจึงได้แอบใช้สว่านเจาะรูเอา ครั้งนี้นางไม่อยากเสี่ยงทำเรื่องเช่นนั้นอีก ยังไงก็ให้ช่างหินมาเจาะรูเอาดีกว่า แต่ช่างหินใช้วิธีการเจาะรูในแบบของเขาเองก็คงเสียเวลาไม่น้อย
จ้าวหลิงเฟิงได้ฟังคำพูดลู่เจียว แค่ลองนึกภาพก็รู้ว่าก้อนหินเช่นนี้ปรับอัดดินแน่นหนากว่าใช้ก้อนหินกลิ้งมาก
“ได้ ข้าจะรีบให้เฉิงเสียงไปจัดการเรื่องนี้”
เขากล่าวจบก็บอกลู่เจียวว่า “เฉิงเสียงก็คือพ่อบ้านใหญ่สามโรงผลิตในวันหน้า”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย ด้านหน้ามีหลายคนเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ
ผู้ชายที่เดินนำมาอายุไม่น่าเกินยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด สวมชุดแบบบัณฑิต ดูแล้วไม่เหมือนพ่อบ้าน แต่เหมือนบัณฑิตร่ำเรียนตำรา
พอเขาเข้ามาก็คำนับจ้าวหลิงเฟิงนอบน้อม “ท่านจ้าว”
จ้าวหลิงเฟิงพยักหน้า ชี้ไปทางลู่เจียว แนะนำว่า “นี่คือลู่เหนียงจื่อ เคล็ดลับทุกอย่างของสามโรงผลิตล้วนมาจากนาง เป็นดังขุนนางมีผลงานของสามโรงผลิตเรา วันหน้าเจ้าต้องปฏิบัติต่อนางให้ดีๆ”
เฉิงเสียงเคยได้ฟังจากปากจ้าวหลิงเฟิงมานานแล้ว รู้ว่าสามโรงผลิตเปิดได้ล้วนเป็นเพราะสตรีนางหนึ่ง สตรีผู้นั้นเสนอเคล็ดลับสามโรงผลิตทั้งหมด ให้ท่านจ้าวเปิดโรงผลิตเช่นนี้ และก็มีที่ให้เขาได้แสดงความสามารถ
เพียงแต่เฉิงเสียงคิดไม่ถึงว่าตนเองจะได้พบเจ้านายสามโรงผลิตตัวจริงเร็วเพียงนี้ เขารีบคำนับลู่เจียวนอบน้อม “คารวะลู่เหนียงจื่อ”
แม้ว่าลู่เหนียงจื่อหน้าตาไม่เท่าไร แต่ความสามารถร้ายกาจจริงๆ
เฉิงเสียงกำลังคิดอยู่ ลู่อันด้านหลังเขาก็ส่งเสียงร้องตกใจ “น้องเจียว เจ้าทำหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ไปทำไมกัน”
ลู่เจียวกล่าวอย่างนึกขำว่า “สะดวกไง”
พอลู่อันกล่าว เฉิงเสียงจึงได้รู้ ที่แท้นี่ไม่ใช่สภาพหน้าตาแท้จริงของลู่เหนียงจื่อ ได้ยินลู่อันว่าลู่เหนียงจื่อหน้าตาสวยมาก หน้าตาดีมีความสามารถ ช่างน่าโมโหสวรรค์โดยแท้
จ้าวหลิงเฟิงสั่งให้เฉิงเสียงพาพวกเขาไปเดินวนรอบโรงผลิต หลักๆ ก็คือเล่าการวางผังสามโรงผลิต แม้ว่าก่อนหน้านี้มีภาพวาด แต่อย่างไรก็วาดอยู่บนกระดาษ ตอนนี้ได้ดูที่จริงหน่อย ไม่แน่อาจเสนอความเห็นอะไรอีกก็เป็นได้
เฉิงเสียงรีบหันหลังนำทางไป เดินไปก็อธิบายแต่ละส่วนของสามโรงผลิตไป
ลู่เจียวรั้งท้ายสุด ถามลู่อันอย่างห่วงใยว่าปรับตัวได้หรือยัง
ลู่อันรีบแสดงท่าทีทันที แม้ว่าเหนื่อยมาก แต่ตนเองจะพยายามเรียนรู้และพ่อบ้านใหญ่เฉิงเสียงก็เป็นคนดีมาก เขาทำอะไรไม่ถูกก็จะชี้แนะ เขารู้สึกว่าโอกาสนี้ไม่เลวอย่างมาก
ลู่เจียวได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ก็พยักหน้าพอใจ หากลู่อันสามารถรับหน้าที่พ่อบ้านรองของสามโรงผลิตได้ วันหน้าก็จะมีความสามารถแล้ว ก็นับว่าจะได้เชิดหน้าชูตาแล้ว
ลู่อันพูดไปก็ถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างห่วงใยไปว่า “น้องเขย ขาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม”
ขอเพียงขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่เคลื่อนไหวรุนแรง หลักๆ แล้วก็ไม่เป็นไรแล้ว
เขาได้ยินลู่อันถาม ก็พลันมีสีหน้าอ่อนโยนลงทันที ตอบว่า “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณพี่รองที่ห่วงใย”
ลู่อันมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างแปลกใจ เมื่อก่อนน้องเขยเขานิสัยเย็นชา ครั้งนี้ได้พบกันเหมือนมีน้ำใจมากขึ้น เขาถึงกับแสดงท่าทีอ่อนโยนจนทำเอาลู่อันทำตัวไม่ถูกที่อยู่ๆ เป็นที่โปรดปรานขึ้นมา รีบโบกมือพัลวัน “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
จ้าวหลิงเฟิงหันมามองคนที่คุยกันด้านหลัง กล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ เจ้ามีปัญหาอะไรไหม”
แม้ว่าลู่เจียวพูดกับลู่อัน ความจริงนางเองก็ฟังคำแนะนำจากเฉิงเสียงด้านหน้าไปด้วย ได้ยินจ้าว หลิงเฟิงถาม นางรีบตอบว่า “ดีมาก”
แผนที่สัดส่วนสามโรงผลิตของลู่เจียววาดตามรูปแบบโรงงานผลิตในยุคปัจจุบัน มีโรงอาหาร มีห้องน้ำสาธารณะ ยังมีหอพักห้องส่วนตัว ทุกอย่างมีครบ
ไว้รอรับคนงานแล้ว นางก็จะนำระบบทำมากได้มากมาใช้ เช่นนี้ก็จะเป็นผลดีกับคนขยันทำงาน
จ้าวหลิงเฟิงเองก็รู้สึกว่าดีมาก ก่อนหน้านี้ตอนลู่เหนียงจื่อส่งภาพวาดให้เขา เขายังตกใจไม่น้อยอยู่เลย
จ้าวหลิงเฟิงครุ่นคิด หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เซี่ยซิ่วไฉ ลู่เหนียงจื่อหัวดีมาก ภาพวางสัดส่วนสามโรงผลิตเป็นนางวาด ข้าเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย”
ท่าทางภาคภูมิใจของจ้าวหลิงเฟิงทำเอาเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ชอบใจอย่างมาก นั่นเป็นภรรยาข้า เกี่ยวอะไรกับเจ้า
แต่เขาฉลาดพอที่จะไม่แสดงออกมา สีหน้านิ่งสง่างามกล่าวว่า “อืม ภรรยาข้าฉลาดหลักแหลมจริง วาดภาพแบ่งสัดส่วนโรงผลิตได้ก็เป็นเรื่องธรรมดามาก”