Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1763 การถ่ายทอดวิชาจากเจ้าแห่งคีรีดวงกมล

ตอนที่ 1763 การถ่ายทอดวิชาจากเจ้าแห่งคีรีดวงกมล
จักรวาลครืนครัน หมื่นดาราสั่นไหว ปลดปล่อยแสงสว่างกว้างใหญ่เหลือประมาณ!
บนแท่นสักการะ พวกจวนอวี๋เหิง ถังซูนั่งไม่ติดโดยสมบูรณ์แล้ว ต่างผุดลุกขึ้นมองดูภาพอันหายากนี้อย่างสั่นสะท้าน
ในอดีตไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน
ครืน!
ประกายแสงราวกับธารดาราพร่างพราวนับไม่ถ้วนเทตัวลงมา โถมเข้าหาหลินสวินเพียงคนเดียวทั้งหมด
ภาพอันน่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้นแล้ว หลินสวินชูแขนขวาขึ้นดูดซับประกายแสงทั้งหมดนี้ไว้ดั่งเหวลึกสุดหยั่ง
ตัวเขาอาบชโลมอยู่ท่ามกลางประกายแสงเจิดจรัสโชติช่วง มือเดียวกลืนฟ้า!
เสียงสูดหายใจเย็นเยียบระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
หรือหลินสวินกำลังสักการะ
แต่การเคลื่อนไหวนี้จะตะลึงโลกเกินแล้ว!
‘เกี่ยวตะวันแลจันทรา กอบกุมไว้ทั่วอัมพร!’
เสียงกังวานดั่งระฆังใหญ่นั้นยังคงดังขึ้นในจิตใจของหลินสวิน
ฝ่ามือเขาร้อนระอุ พอประกายแสงถั่งโถมผุดเข้าไป บนลายมือเล็กละเอียดก็เหมือนถูกประทับด้วยภาพมรรคลึกลับชั้นหนึ่งตามไปด้วย เพียงแต่คลุมเครือถึงที่สุด
‘ข้าเข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว…’
หลินสวินจิตใจกระจ่างแจ้งปลอดโปร่ง
มรรคคาถาที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเหลือทิ้งไว้ก็คือ ‘มรดกมรรคคาถา’ เพียงแต่หลินสวินไม่เคยได้รับการถ่ายทอดอะไรอย่างแท้จริง
สิ่งที่ตัวเขาได้เรียน มีวิชาอริยะยุทธ์ที่ศิษย์พี่หัวรั้นทะลุเมฆาผู้นั้นเหลือเอาไว้ มีวิชา ‘ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว’ ที่ศิษย์พี่เสวียนคงถ่ายทอด มี ‘คัมภีร์มหามรรคหวงถิง’ ของศิษย์พี่เก่ออวี้ผู…
ไม่เคยได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเจ้าแห่งคีรีดวงกมลเท่านั้น
และ ‘มรรคคาถา’ อันลึกลับบทนี้ก็ซ่อนอยู่ภายในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดมาตลอด
และตอนนี้ หลินสวินก็เข้าใจแล้วว่าที่แท้มรรคคาถาที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลถ่ายทอดให้ อันที่จริงก็ซ่อนอยู่บนแท่นสักการะนี้!
ยาตรานภสินธุ์ ย่ำแดนดินคุนหลุนผา
ความหมายของมรรคคาถาท่อนนี้ หมายถึงยอดเขาคุนหลุนแห่งนี้
เกี่ยวตะวันแลจันทรา กอบกุมไว้ทั่วอัมพร
มรรคคาถาท่อนนี้หมายถึง ‘วิชามรรค’ ที่อยู่ในจักรวาลเหนือหัวนั้น!
เพียงแต่เมื่อก่อนหลินสวินไม่เคยเอาประโยคทั้งสี่ในมรรคคาถาท่อนนี้มาเชื่อมโยงกับเขาคุนหลุนสักนิด
และเพราะมาถึงที่นี่ จึงมองทะลุความจริงในนั้นได้โดยบังเอิญ
ในภวังค์ หลินสวินเหมือนเห็นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลในตอนนั้นเยื้องย่างขึ้นคุนหลุน ทะยานขึ้นเหนือจักรวาล
ชั่วขณะที่สะบัดชายเสื้อก็คว้าสุริยันจันทรามาได้
พอยื่นมือออกไป ก็ทำให้นัยเร้นลับใต้หล้าไหลเข้าไปในลายมือจนหมดสิ้น!
‘แหล่งสถานคุนหลุนแห่งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับสำนักคีรีดวงกมลมากแน่ๆ!’
หลินสวินยิ่งแน่ใจเรื่องนี้
แดนลับป่าท้อ มีร่องรอยที่ศิษย์พี่หัวรั้นผู้นั้นหลงเหลือเอาไว้
ยอดเขาพญามังกร มีร่องรอยที่ศิษย์พี่หลี่เสวียนเวยเหลือทิ้งไว้
ยอดเขากักเทพสวรรค์ ศิษย์พี่เก่ออวี้ผูคอยเฝ้าปกปักเสมอมา
และตอนนี้ ยอดเขาคุนหลุนแห่งนี้มีวิชามรรคที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลหลงเหลือเอาไว้!
ร่องรอยและความจริงที่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องล้วนเกี่ยวข้องกับคีรีดวงกมล ล้วนเกิดขึ้นในแหล่งสถานคุนหลุนที่เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล
นี่ก็ลิขิตให้สำนักคีรีดวงกมลมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดขาดได้กับแหล่งสถานคุนหลุน!
“เขา… เขาคงไม่ใช่ได้นัยเร้นลับของ ‘การบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์’ ไปใช่ไหม”
ทันใดนั้นมีคนเอ่ยเสียงหลง
ประโยคเดียวทำให้พวกจวนอวี๋เหิง ถังซูใจสะท้านรุนแรง พากันหน้าเปลี่ยนสี
ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ บนทางเดินโบราณฟ้าดารามีข่าวลือหนึ่งแพร่กระจายอยู่ตลอด ว่าบนแท่นสักการะหนึ่งในแดนสามผนึกของแหล่งสถานคุนหลุน มียอดมหาศุภโชคที่เกี่ยวข้องกับ ‘การบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์’ อยู่ชิ้นหนึ่ง
เพียงแต่ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ไม่มีผู้แข็งแกร่งที่มาถึงแท่นสักการะคนใดได้แตะต้องมหาศุภโชคนี้
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ขุมอำนาจใหญ่บนทางเดินโบราณฟ้าดารามากมายก็ยังมั่นใจว่ามหาศุภโชคนี้ต้องมีอยู่แน่!
และตอนนี้ พอเห็นการเปลี่ยนแปลงอันหายากที่เกิดขึ้นเพราะหลินสวินขึ้นสู่แท่นมรรคห้าสี จะไม่ทำให้ใครกังขาว่าเขาได้สัมผัสความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ได้อย่างไร
บรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์เชียวนะ!
นี่เป็นคนละเรื่องกับโอกาสแสวงมรรคเป็นจักรพรรดิ ถ้าถูกคนที่มีระดับจักรพรรดิรู้เข้า ต่อให้ต้องลงมือรุนแรงก็ต้องชิงมาอยู่ในมือตนให้ได้!
หากแพร่ไปยังทางเดินโบราณฟ้าดารา ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดว่ายอดฝีมือน่ากลัวที่ปลีกตัวจากโลก กับพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นต้องพากันเคลื่อนไหวแน่
ชั่วขณะเดียวหลายคนก็ปากคอแห้งผาก รู้สึกปั่นป่วนในใจ
หลินสวินชิงมหาศุภโชคชั้นยอดเช่นนี้ไปได้จริงๆ หรือ
“น่าขัน หลินสวินเพิ่งมีปราณแค่ระดับมกุฎมหาอริยะ ระยะห่างจากการบรรลุจักรพรรดิยังอีกยาวไกลเพียงไหนก็ไม่รู้ ด้วยรากฐานพลังกับศักยภาพของเขาในตอนนี้ จะมีโอกาสสัมผัสศุภโชคเช่นนี้หรือ”
อาหูหัวเราะหยัน
นางรับรู้ได้ว่าบรรยากาศไม่ชอบมาพากล สายตาที่พวกจวนอวี๋เหิง เนี่ยเจี้ยนเฉินมองหลินสวินเปลี่ยนไปแล้ว หมายจะลงมือเต็มแก่!
“นี่ก็คือกฎวาสนา ใครกล้ามั่นใจว่าสิ่งที่หลินสวินได้รับตอนนี้จะไม่ใช่วาสนาบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์”
ทั่วเฉิงไห่เอ่ยปาก แววตาฉายวาบ
คนอื่นเงียบเชียบไม่ส่งเสียง แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็คิดเช่นนี้
อาหูรู้สึกเคร่งเครียดในใจ หากข่าวนี้กระจายออกไป ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปหลินสวินต้องกลายเป็นหมั่นโถวร้อนที่ทุกคนหมายปองแน่
ต่อให้ฝ่าออกไปจากแหล่งสถานคุนหลุนได้ในที่สุด แต่ภายหน้าพอเขาเข้าไปในทางเดินโบราณฟ้าดารา ใครจะปล่อยชายหนุ่มที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์อย่างเขาไปได้กัน
ถึงตอนนั้น แม้แต่บุคคลระดับจักรพรรดิยังอาจจะลงมือกับหลินสวินโดยไม่สนใจเกียรติชื่อเสียง!
ตูม!
ในจักรวาลพลันมีเสียงกึกก้องดังขึ้น ก็เห็นดวงดาราแต่ละดวงกระจัดกระจายดับสลาย ฟ้าดาราไพศาลถึงกับแปรสภาพเป็นห้วงอากาศว่างเปล่าไปในไม่กี่อึดใจ
ดวงดาราดับสลายชั่วนิรันดร์ ไม่ดำรงอยู่อย่างสิ้นเชิงในขณะนี้!
และภายในลายมือบนฝ่ามือข้างขวาของหลินสวินก็มีภาพมรรคลึกลับภาพหนึ่งปรากฏ เป็นดาวสามดวงเรียงแถว จันทร์เสี้ยวหนึ่งดวงลอยสูง
เสี้ยวจันทร์สามดารา
เป็นตัวอักษร ‘หัวใจ’ (心)พอดี!
ดินแดนแห่งดวงกมลก็หมายถึง ‘หัวใจ’
และหน้าประตูใหญ่ของสำนักคีรีดวงกมลที่เคยผ่านก็มีป้ายปักเอียงๆ อยู่ป้ายหนึ่ง ด้านบนเขียนว่า ‘เสี้ยวจันทร์สามดารา’!
ขณะนี้หลินสวินนึกถึงเรื่องราวมากมายในอดีต
นึกถึงแต่ละภาพที่ได้เห็นในครั้งแรกที่เข้าสู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ครั้งแรกที่ได้มรดกอริยะยุทธ์
ประตูใหญ่ที่พังถล่ม ป้ายหินยับเยิน รอยอักษร ‘เสี้ยวจันทร์สามดารา’ อันเลือนราง… รวมถึงเงาร่างอันดื้อรั้นที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าประตูใหญ่ที่เป็นซากปรักหักพังนั้น!
นึกถึงถ้อยคำที่ศิษย์พี่เสวียนคงเคยแนะนำเรื่องคีรีดวงกมล และเรื่องศิษย์ในคีรีดวงกมลอย่างภูมิใจ…
นึกถึงความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่ลั่วทงเทียน เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เคยประสบที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์…
นึกถึงจักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียนที่ตอนนี้ถูกผนึกอยู่ในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด และว่าร้าย ‘เจ้าเฒ่าโพธิ’ อย่างบ้าคลั่ง…
หลินสวินนึกขึ้นมาได้อย่างไม่มีสาเหตุ นี่… ถือว่าตนได้รับ ‘การถ่ายทอดวิชา’ จากอาจารย์อย่างเป็นทางการหรือยัง
ความจริงเขามีคำตอบแล้ว
ใช่แล้ว
นี่ก็คือการถ่ายทอดวิชา!
เพราะในภาพมรรคที่อยู่บนฝ่ามือข้างขวาของเขานั้น ก็มีวิชามรรคแห่งการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ซ่อนอยู่!
และเป็นเพราะการรับรู้นี้ ทำให้หลินสวินรู้ว่าความลับของ ‘การบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์’ ที่เล่าขานกันบนทางเดินโบราณฟ้าดารานั้นมีอยู่จริง
สาเหตุที่ตั้งแต่โบราณมายังไม่มีใครได้ไป ก็เป็นเพียงเพราะผู้แข็งแกร่งที่มาถึงแท่นสักการะนี้ต่างไม่ใช่ผู้สืบทอดของคีรีดวงกมล!
พูดอีกอย่างก็คือ ศุภโชคนี้เดิมก็เป็นสิ่งที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเหลือไว้ให้ผู้สืบทอดของตน
‘ข้าจากมรรตยะ เคาะประตูสู่อมร ทางเร้นเห็นสันดร มรรคประทานผู้มีบุญ…’
เสียงกังวานดุจระฆังนั้นดังขึ้นในก้นบึ้งของจิตใจหลินสวินอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นภาพมรรคเสี้ยวจันทร์สามดาราที่อยู่กลางฝ่ามือข้างขวาของหลินสวินก็มีแสงลางเลือนแปลกประหลาด จากนั้นหลอมเข้าไปในเลือดเนื้ออย่างเงียบเชียบ หาไม่พบอีก
แต่หลินสวินรู้ว่า ‘วิชามรรค’ นี้ก็อยู่ในฝ่ามือของตน
‘ทางเร้นเห็นสันดร มรรคประทานผู้มีบุญ…’
หลินสวินพึมพำในใจ นึกถึงเรื่องต่างๆ ในอดีต ในที่สุดเขาก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ฝึกปราณถึงตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับคีรีดวงกมลโดยสมบูรณ์
‘ศิษย์หลินสวิน ขอบคุณท่านอาจารย์!’
เขาเอ่ยปากอย่างยำเกรงอยู่ภายในใจ
และในตอนนี้เอง บนแท่นสักการะก็กลับมาสงบนิ่งดังเก่าโดยสมบูรณ์แล้ว
แต่สายตาที่ทุกคนมองไปยังหลินสวินแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
“หลินสวิน เจ้าได้ความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์แล้วหรือ”
ทั่วเฉิงไห่เป็นคนแรกที่อดไม่ได้ ตะโกนเสียงดังออกมา
คนอื่นๆ ต่างก็มองไปยังหลินสวิน
“เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
หลินสวินยิ้มหยัน มองปราดเดียวก็ดูออกว่าไม่เพียงทั่วเฉิงไห่ สภาพจิตใจของพวกจวนอวี๋เหิงก็เปลี่ยนไปอย่างประหลาด
“เจ้า…”
ทั่วเฉิงไห่หน้าแดงก่ำ
แต่หลินสวินไม่สนใจเขาอีก เงยหน้าไปยังที่เวิ้งฟ้าเก้าพันจั้ง เสื้อผ้าเขาปลิวไสว กลิ่นอายทั้งกายยากจับต้อง
ครืน!
บนจักรวาลเวิ้งฟ้าเหนือศีรษะกลายเป็นความว่างเปล่า ไม่มีทั้งดวงดาราและแสงสว่าง ทัศนียภาพอ้างว้างว่างเปล่าไปหมด
แต่ในตอนนี้เองกลับมีพลังกฎระเบียบอันลึกลับพวยพุ่ง ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น
และบนแท่นมรรคห้าสีก็มีศิลาหินโบราณสีดำผุดออกมาป้ายหนึ่ง
ทุกคนล้วนตะลึงงัน เจ้าหมอนี่จะโชควาสนาเย้ยฟ้าไปแล้ว เมื่อกี้ไม่เพียงได้มหาศุภโชค ‘บรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์’ ไป ยังสักการะอริยมรรคได้ด้วยหรือนี่
หลินสวินไม่ได้รีบร้อนสลักชื่อ แต่นิ่งคิด และในที่สุดก็ตัดสินใจ
วิ้ง!
พลังเจตจำนงทั้งกายเขารวมตัวกันที่ปลายนิ้ว วาดเส้นบนป้ายศิลา
‘หลินเต้ายวน!’
เต้ายวน ไม่ได้เป็นชื่อของหลินสวิน แต่เป็น ‘ฉายามรรค’ ที่เขาตั้งขึ้นหลังจากอุทิศเป็นอริยบุคคลแล้ว
มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง
ในบรรดาผู้สืบทอดคีรีดวงกมล หลินสวินก็คือ ‘หนึ่ง’ นี้
และมรรคของหลินสวิน เริ่มด้วยถูกชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดไป และตอนนี้ก็ใช้ ‘หุบเหวกลืนกิน’ เป็นรากฐาน
ด้วยเหตุนี้ หลินสวินจึงตั้งฉายาให้ตนเองว่า ‘เต้ายวน’ (หุบเหวมรรค) เอาตนเป็น ‘มรรค’ รับหุบเหวกลืนกินเป็น ‘หนึ่ง’!
ศิลามรรคสักการะส่องแสง เสียงฮูมดังทะลุเมฆา
สามพันจั้ง
หกพันจั้ง
แปดพันจั้ง
…พอเห็นศิลามรรคสักการะของหลินสวินทะยานสูงขึ้นฉับพลัน พุ่งสูงเหนือฟ้าไกล พวกจวนอวี๋เหิงก็ใจสั่นอย่างอดไม่ได้
จนกระทั่งเห็นศิลามรรคสักการะพุ่งทะลุแปดพันจั้งขึ้นไปอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ทะยายขึ้นไปตลอดจนถึงเก้าพันจั้ง ทุกคนในที่นั้นต่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
นี่…
จะฮึกเหิมเกินไปแล้วกระมัง!
ในตอนแรกศิลามรรคสักการะของจวนอวี๋เหิงมีผลงานตระการตาเป็นที่สุด ไม่มีใครทัดเทียมได้ แต่สุดท้ายกลับถูกฮว่าซิงหลีก้าวข้ามไปในคราวเดียว เรื่องนี้เดิมก็น่าประหลาดใจและสะท้านสะเทือนแล้ว
แต่ตอนนี้หลินสวินที่เดิมถูกพวกเขามองว่าแทบจะไม่มีหวังได้สักการะ กลับสามารถกลายเป็นอริยบุคคลราวปาฏิหาริย์ อีกทั้งศิลามรรคสักการะยังพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงเก้าพันจั้ง ใครจะไม่พรั่นพรึงได้
เวิ้งฟ้าสูงเก้าพันจั้ง มีเพียงศิลามรรคสักการะสามป้าย แต่ละป้ายล้วนเหมือนสุริยันกลางท้องฟ้า เปล่งแสงเจิดจ้าประหนึ่งนายเหนือหัว
แต่ในวันนี้ ก็มีศิลามรรคสักการะของหลินสวินเพิ่มขึ้นอีกป้ายหนึ่ง!
“ไม่สำแดงก็ไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อสำแดง ความสามารถก็ชวนตะลึงจริงๆ…”
ถังซูทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้
แต่ไม่ทันรอให้นางพูดจบก็ต้องชะงักอยู่ตรงนั้นไปอีกครั้ง นัยน์ตาเบิกกว้าง
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท