ลู่เจียวกำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาอย่างร้อนใจ พวกนางหันไปมองก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นพาลู่กุ้ย พุ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวกับซานเป่าไม่เป็นไร ใจที่หนักอึ้งก็พลันคลายลง
เขาก้าวเข้าไปถามอย่างห่วงใยกล่าวว่า “ลู่เจียว เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร ซานเป่าอาจตกใจ ไว้กลับไปต้องให้ยาระงับอาการตกใจสักหน่อย”
“อืม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นบุตรชายตกใจ อย่าได้เอ่ยว่าสีหน้าเขาดำทะมึนเพียงใด เขาจ้องมองโจรที่ถูกมือปราบจ้าวฟาดสลบไปด้วยแววตาดุดัน มองไปยังมือปราบจ้าวกล่าวว่า “เจ้าโจรลักพาตัวเด็กเช่นนี้ห้ามปล่อยไปง่ายๆ อย่างเด็ดขาด”
มือปราบจ้าวกำลังจะพยักหน้า ลู่เจียวก็กล่าวว่า “ข้าสงสัยว่าพวกเขาไม่ได้เป็นโจรลักพาตัวเด็ก แต่เหมือนมีการวางแผนลงมือกับพวกเรา เด็กบนท้องถนนตั้งมากมาย ทำไมตรงมาจับลูกๆ บ้านเรา ยังกระทำการกลางวันแสกๆ ข้าสงสัยว่าพวกเขาไม่เพียงแต่คิดลักพาตัวเด็ก ยังคิดจับข้าด้วย”
เป็นไปได้มากว่าเด็กคือตัวล่อ จุดมุ่งหมายคือล่อนางออกไป จากนั้นก็จับตัวนาง
พอลู่เจียวกล่าว สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยิ่งดุดัน รัศมีรอบกายยิ่งน่ากลัว เขามองไปยังมือปราบจ้าวกล่าวว่า “มือปราบจ้าว ท่านต้องตรวจสอบให้ละเอียด คนผู้นี้รับคำสั่งจากผู้ใด หากมีจริง ท่านต้องรีบบอกข้า”
มือปราบจ้าวพยักหน้า “อวิ๋นจิ่นวางใจ ข้าต้องหาคนที่อยู่เบื้องหลังคนผู้นี้ออกมาให้ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า มือปราบจ้าวหิ้วคนผู้นั้นจากไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียวกับซานเป่า เห็นสีหน้าทั้งสองคนล้วนไม่ดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกปวดใจอย่างมาก คิดโอบกอดพวกนางสองคนไว้ แต่ในใจรู้ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่เหมาะ สุดท้ายได้แต่ยื่นมือออกไปกุมมือลู่เจียวไว้ กล่าวว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
ครั้งนี้ลู่เจียวไม่ได้ชักมือกลับ ตอนนี้นางรู้สึกกลัวมาก อยากให้มีใครสักคนมาปลอบใจนาง
นางไม่กลัวซานเป่าถูกจับไปแล้วเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวโทษนาง แต่เพราะตอนเด็กๆ นางเคยถูกโจรลักตัวไป แม้ว่าขังไว้เพียงสามวัน แล้วก็ถูกตำรวจตามมาช่วยไว้ได้ แต่สามวันนั้นสำหรับนางแล้ว ไม่ต่างกับนรกในโลกมนุษย์ นางตัวเล็กๆ ถูกขังในห้องมืด ไม่กล้าร้องและไม่กล้าตะโกนเพราะกลัวถูกตี ไม่มีอะไรให้กินให้ดื่ม ถ่ายหนักถ่ายเบาก็ไม่มีคนคิดถามไถ่
ก่อนหน้านี้คนผู้นั้นแย่งตัวซานเป่าไป นาทีแรกนางก็คิดถึงเรื่องที่ตนเองเคยถูกลักพาตัวไปในตอนนั้นขึ้นมา กลัวว่าซานเป่าอายุยังน้อยจะต้องมาทนรับทุกข์แบบที่นางเคยประสบมา ดังนั้นนางจึงไล่ตามไปอย่างไม่คิดชีวิต ก็เพื่อจับตัวโจรและช่วยซานเป่าให้ได้
“ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ข้ากลัวมาก กลัวว่าพวกเขาจะจับตัวซานเป่าไปได้”
น้ำเสียงลู่เจียวแหบพร่า ร่างกายคล้ายหมดแรง
ซานเป่าในอ้อมกอดนางได้ยินลู่เจียวพูดถึงเขา ใจที่กำลังตื่นตระหนกเมื่อได้ฟังคำมารดาตนก็สงบลงไม่น้อย เขายื่นมือน้อยๆ ออกไปลูบใบหน้าลู่เจียว กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านแม่ ไม่ต้องกลัวนะ”
ซานเป่ากล่าวจบก็ยกแขนกอดคอลู่เจียวไว้ ซบศีรษะลงบนไหล่ลู่เจียวด้วยความรักเปี่ยมล้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวอุ้มซานเป่าด้วยมือเดียว ก็ปล่อยมือนางทันที ยื่นมือไปคิดจะอุ้มซานเป่า น่าเสียดายซานเป่าไม่ยอมให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นอุ้ม ยามนี้เขาอยากจะอยู่ในอ้อมกอดมาดาเท่านั้น
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลางกล่าวเบาๆ ว่า “ให้ข้าอุ้มแล้วกัน”
นางกล่าวจบก็หันหลังเดินกลับ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอื้อมมือไปประคองนางไว้ ทั้งสองคนพาซานเป่าเดินกลับไปด้วยกันอบ่างเงียบงัน
ขอเพียงมีคนอยู่เป็นเพื่อนสักคนก็ทำให้จิตใจวุ่นวายของลู่เจียวค่อยๆ นิ่งสงบลง พอพวกเขาเดินถึงถนนสายเดิม ลู่เจียวก็สงบลงแล้ว
นางหันไปยิ้มมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ขอบคุณเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองสีหน้าลู่เจียวอย่างละเอียด พบว่านางสงบนิ่งลงได้แล้วจริงๆ จึงได้โล่งอก
เขามองลู่เจียว กล่าวน้ำเสียงเข้มว่า “เจ้าวางใจ ตอนบ่ายข้าจะไปที่ว่าการอำเภอสักหน่อย ต้องสอบให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังโจรพวกนี้”
หากเป็นดังที่ลู่เจียวว่า หากมีคนคิดจับตัวนางจริงๆ เช่นนั้นคนหาตัวคนบงการได้ไม่ยาก
ลู่เจียวมาอำเภอชิงเหอได้ไม่กี่วัน นางไม่ได้ล่วงเกินผู้ใด ที่โมโหนางจริงๆ ก็แค่คนพวกนั้นไม่กี่คน และคนที่พอจะส่งคนมาจัดการนางได้ก็มีน้อยมาก
ดังนั้นย่อมสืบหาคนบงการง่าย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็กวักมือเรียกเจ้าหนูสามคนที่วิ่งเข้ามา กล่าวว่า “พวกเรากลับบ้านกัน”
“ขอรับท่านพ่อ”
ต้าเป่า เอ้อร์เป่า ซื่อเป่าพยักหน้าเต็มแรง จากนั้นสามหนูน้อยก็เงยหน้ามองไปยังท่านแม่กับซานเป่าทันที เห็นท่านแม่กับซานเป่าสีหน้าไม่ดีนัก สามหนูน้อยก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ท่านแม่ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ซานเป่าไม่เป็นไรใช่ไหม”
ลู่เจียวยื่นมือไปลูบศีรษะพวกเขา กล่าวว่า “ไม่เป็นไร พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วง พวกเรากลับกันเถอะ”
“ขอรับท่านแม่”
ทั้งครอบครัวขึ้นรถม้าเตรียมกลับบ้าน แต่เพราะคนมาก กอปรกับคุณชายมาด้วย รถม้านั่งไม่หมด สุดท้ายลู่กุ้ย หลินตงและเฝิงจือตัดสินใจวิ่งกลับไปแทน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นแล้วก็อดกล่าวกับลู่เจียวไม่ได้ว่า “บ้านเราคนเยอะ รถม้าคันเดียวน่าจะไม่พอใช้ ควรซื้อรถม้าอีกคัน รถม้าหาไม่ยาก แต่ยังต้องซื้อคนขับรถม้าอีกสักคน”
ลู่เจียวเลิกคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่งกล่าวว่า “ไว้กลับไปค่อยให้สำนักนายหน้าเลือกคนขับรถม้ามาให้ พวกเราค่อยซื้อสักคนละกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วก็พยักหน้า “ได้”
จากนั้นคนในรถม้าก็ไม่ได้คุยกันต่อ เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ทำเอาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต่างตกใจกันไม่น้อย ท่าทางยังตื่นตระหนกอยู่ ทุกคนต่างหมดชีวิตชีวา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลูกๆ ทั้งสี่ตกใจกันจนเป็นเช่นนี้ สีหน้าก็เย็นเยียบดุดัน แอบตัดสินใจว่าต้องหาตัวคนบงการออกมาให้ได้ เขาจะไม่ปล่อยคนผู้นี้ไปอย่างเด็ดขาด
ทุกคนกลับถึงบ้านก็ตอนเที่ยง ฮวาเสิ่นทำอาหารกลางวันเสร็จแล้ว แต่เพราะเกิดเรื่องก่อนหน้านี้จึงไม่มีใครรู้สึกอยากอาหาร กินกันง่ายๆ สองสามคำก็ไม่อยากกินกันต่อแล้ว
ลู่เจียวเขียนเทียบยาสำหรับต้มซานเป่าต้มกินเพื่อให้จิตใจสงบ ให้เฝิงจือเอาไปจัดยามาต้มให้ซานเป่ากิน จากนั้นก็นางพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปนอนกลางวัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพาหลินตงไปที่ว่าการอำเภอหามือปราบจ้าว ดูว่าเขาสอบสวนได้แล้วหรือยังว่าผู้บงการคือใคร
พอลู่เจียวตื่นนอนมาก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเรือนด้านหน้าเก็บของที่ซื้อกลับมาตอนเช้า แม้ว่าตอนเช้าถูกทำให้ตกใจ แต่หลังผ่านการพักผ่อนมาช่วงเวลาหนึ่ง ตอนนี้จิตใจทุกคนก็กลับคืนสู่ปกติไม่น้อย แม้แต่ซานเป่าก็เป็นปกติแล้ว กุลีกุจอช่วยลู่เจียวจัดห้องเรียน
พวกช่างไม้ขัดเกลาอุปกรณ์ของเล่นที่ทำจากไม้อย่างพวกไม้ลื่น ถ้ำไม้ อะไรพวกนี้เสร็จแล้วก็ลงสี ตอนนี้พวกเขาเริ่มต่อชั้นหนังสือในห้องแล้ว และยังต่อโต๊ะหนังสือที่ไว้ใช้เรียนอีกด้วย
ของในห้องทำง่ายกว่ามาก อย่างมากอีกวันก็น่าจะเสร็จงานทั้งหมด
ช่างไม้ต่างเลื่อมใสลู่เจียว คิดของเล่นให้เด็กๆ ได้มากมายเช่นนี้ มิน่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ของพวกเขาจึงฉลาดและคล่องแคล่วว่องไว อบรมสั่งสอนเช่นนี้จะไม่ฉลาดไหวหรือ