นอกห้อง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับจ้าวหลิงเฟิงกำลังมองเด็กๆ ในห้อง เห็นท่าทางการกระทำของจ้าวอวี้หลัว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองจ้าวหลิงเฟิงท่าทางเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม แววตาดูแคลนว่าตระกูลจ้าวพวกเจ้าสอนลูกเป็นจริงๆ
จ้าวหลิงเฟิงเลิกคิ้ว สีหน้าบอกว่า ข้าไม่ได้สอนผิดนี่ ตระกูลจ้าวข้ามีคนงานหญิงเย็บปัก ไม่จำเป็นต้องให้บุตรสาวข้าไปเรียนเย็บปักอะไร นี่เรียนอะไรกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบมองจ้าวหลิงเฟิง กล่าวเบาๆ ว่า “เจ้าไปบอกลู่เหนียงจื่อข้าแบบนี้สิ”
จ้าวหลิงเฟิงพลันเป็นใบ้ในทันที ลู่เจียวนิสัยเช่นไร เขาไม่รู้หรือ หากเขากล้าไปพูดเช่นนี้กับนาง หากไม่เหนือความคาดหมาย บุตรสาวเขาคงได้ถูกไล่กลับไปทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนี่แผนร้ายไม่ธรรมดาจริงๆ
จ้าวหลิงเฟิงถลึงตาใส่เซี่ยอวิ๋นจิ่น หันหลังเดินกลับห้องโถง ลู่เจียวชี้แนะฉีเหล่ยเสร็จพอดี เห็นพวกเขาเข้ามา ก็ยิ้มถามว่า “เด็ก ๆ เรียนเป็นอย่างไรบ้าง”
จ้าวหลิงเฟิงไม่พูดอะไร เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอ่ยทันทีว่า “ท่านจ้าวว่า…”
จ้าวหลิงเฟิงพอได้ฟังก็รู้เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดจะนำวาจาเขาก่อนหน้านี้มาบอกลู่เจียว
จ้าวหลิงเฟิงร้อนใจทันที รีบส่งเสียงดังขึ้นว่า “ลู่เหนียงจื่อ ข้าช่วยเจ้าซื้อที่ดินพันหมู่ได้แล้ว วันนี้ข้ามาก็เพื่อนำสัญญาที่ดินมาให้เจ้า”
ลู่เจียวพอได้ฟังจ้าวหลิงเฟิง ก็ดีใจจนลืมสนใจวาจาเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ลู่เจียวยื่นมือออกไปรับสัญญาที่ดินจากจ้าวหลิงเฟิง
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นหม่นหมอง มองสัญญาในมือลู่เจียว เขาไม่รู้ว่าที่แท้ลู่เหนียงจื่อของบ้านเขาสะสมเงินทุนได้มากมายเช่นนี้เมื่อไรกัน มิน่าก่อนหน้านี้เขามอบเงินที่นำคืนมาจากหันถงเจ็ดแปดร้อยตำลึงให้นาง นางไม่ต้องการ เพราะนางไม่ได้ขาดแคลนเงินไม่กี่ร้อยตำลึงนี่
อารมณ์เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันอัดอั้นตันใจ ลู่เจียวไม่ทันได้สังเกตสีหน้าเขาสักนิด
จ้าวหลิงเฟิงเอ่ยอธิบายว่า “มีสามร้อยหกสิบหมู่อยู่แถวโรงผลิตพวกเรา อีกหลายร้อยหมู่กระจายกันอยู่ทางตะวันออกและทางใต้ของอำเภอ แต่ห่างจากอำเภอไม่นับว่าไกล เพียงแต่ที่ดินตอนนี้แบ่งให้ชาวนาเช่าทำกิน เจ้าตั้ใจว่าจะจัดการชาวนาเช่าที่ดินทำกินนี้อย่างไร จะให้พวกเขาเช่าต่อหรือขับไล่พวกเขาไป”
ลู่เจียวจะปลูกสมุนไพร นางซื้อที่พันหมู่ไม่ได้เพื่อไว้ให้ชาวนาเช่าที่ดินทำกิน หากปล่อยที่ให้ชาวนาเช่าที่ดินทำกิน เช่นนั้นก็ไร้ความหมาย
“หากพวกเขายินยอม ข้าจะจ้างพวกเขาเป็นคนงาน ให้เงินเดือนพวกเขา เช่นนี้ไม่กี่ปี พวกเขาก็จะสั่งสมเงินทองซื้อที่ดินทำกินของตัวเองได้แล้ว”
ความจริงชาวนาเช่าที่ดินทำกินใช่ว่ามีชีวิตที่ดี เช่าที่ดินจากเจ้าของที่มาทำนา ยังต้องดูดินฟ้าอากาศ หากปีไหนไม่ดี ก็เก็บเกี่ยวไม่ได้ผล แม้แต่แค่เรื่องกินอิ่มนอนอุ่นก็ได้แต่ประทังกันไป
เงื่อนไขที่ลู่เจียวเอ่ยมาเช่นนี้ก็ไม่เลว จ้าวหลิงเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “งั้นเจ้าต้องหาคนดูแลที่ดินแทนเจ้า”
ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “ข้าตกลงกับสวีเหนียงจื่อไว้แล้ว ให้นางไปอยู่โรงบ้านชั่วคราว คอยช่วยข้าดูแลที่ดิน วันหน้าข้าค่อยหาคนซื่อสัตย์สักคนที่ไว้ใจได้ไปช่วยข้าดูแล”
พอเอ่ยถึงสวีเหนียงจื่อ ความคิดลู่เจียวก็เหมือนติดไฟ กล่าวต่อว่า “รอให้สามโรงผลิตเริ่มผลิตได้ ข้าก็ตั้งใจว่าจะเปิดร้านค้าสองแห่งในอำเภอชิงเหอ ร้านหนึ่งขายน้ำมัน ร้านหนึ่งขายยา สวีเหนียงจื่อก็คือผู้ดูแลงานเหล่านี้”
จ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยได้ยินก็ตาค้าง หญิงผู้นี้หาเงินเก่งจริง รักษาคนป่วยหาเงิน เปิดโรงผลิตหาเงิน ซื้อที่ดินหาเงิน ตอนนี้สร้างโรงผลิตที่ยังไม่เปิดกิจการ แต่นางถึงกลับเริ่มหาทางเปิดร้านทำกิจการแล้ว ร้ายกาจ ร้ายกาจมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งรู้สึกว่าถูกภรรยาข่ม อารมณ์ก็เรียกได้ว่าอัดอั้นยิ่ง เขานิ่งเงียบไปเป็นนาน
จ้าวหลิงเฟิงกล่าวกับลู่เจียวว่า “หากสองวันนี้มีเวลา ข้าจะให้คนพาเจ้าไปเดินดูที่ดิน จะได้ทำความคุ้นเคยที่ดินตนเองสักหน่อยว่าอยู่ที่ไหน ”
ลู่เจียวถือสัญญาในมือโบกไปมาอย่างดีใจ “รู้แล้ว”
จ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยเห็นว่าสายแล้ว ทั้งสองคนก็ลุกขึ้นขอตัว จ้าวหลิงเฟิงคิดถึงบุตรสาว กล่าวกับลู่เจียววว่า “งั้นวันนี้ข้าพาอวี้หลัวกลับก่อน”
“ได้”
จ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยลุกขึ้นเดินออกไป ลู่เจียวให้ลู่กุ้ยไปส่งทั้งสองคน
ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นรอจ้าวหลิงเฟิงกับฉีเหล่ยกลับไป ก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา ลุกขึ้นเตรียมจะไปบ้านเช่าข้างบ้าน
ลู่เจียวไม่ได้ยินเสียงเซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดอะไรมาตลอด ก็หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างแปลกใจ
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นหมองหม่นเล็กน้อย ดูท่าทางหมดแรง เขามองลู่เจียวกล่าวว่า “ในที่สุดข้าก็รู้ว่าทำไมเจ้าไม่ต้องการเงินไม่กี่ร้อยที่ข้าเอามาจากหันถง มันน้อยมากจริงๆ”
ลู่เจียวพลันคิดถึงว่าก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเอาเงินที่เก็บไว้ที่หันถงคืนมาให้ตนเอง
นางรู้สึกว่านั่นเป็นเงินของเขา ดังนั้นจึงไม่รับไว้
คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะไม่เบิกบานใจด้วยเรื่องนี้
ลู่เจียวเห็นเขาเป็นอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่ปลอบใจเขาว่า “คนเราเก่งกันคนละทาง เจ้าเพียงแค่ไม่ชำนาญเรื่องการหาเงินเท่านั้น เจ้าชำนาญเรื่องเรียนหนังสือ วันหน้าต้องสอบจอหงวนได้แน่ เจ้าชำนาญในการเป็นขุนนาง หากไปจนถึงตำแหน่งโส่วฝู่ได้ ถึงตอนนั้นข้าก็จะต้องแหงนหน้ามองเจ้าแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเหมือนไม่ได้รับการปลอบใจอะไรจากคำพูดลู่เจียว
“ข้ารู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ มิน่าเจ้าไม่ต้องการเงินไม่กี่ร้อยตำลึงของข้า น้อยมากจริงๆ รับหรือไม่ก็ไม่สำคัญ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็ลุกเดินออกไป ลู่เจียวรีบตามไปอธิบาย “ข้าไม่ได้ไม่ต้องการเงินพวกนั้นของเจ้า เพียงแต่พวกเรา……”
ลู่เจียวยังกล่าวไม่จบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยื่นเงินที่ก่อนหน้านี้ตนเอาคืนมาจากหันถงส่งให้ลู่เจียวทันที “ในเมื่อเจ้าไม่รังเกียจว่าน้อย งั้นเงินนี้ข้าก็ให้เจ้าเก็บไว้ก่อนแล้วกัน”
ลู่เจียวรีบกล่าวว่า “ไม่ใช่ นี่คือ เจ้า…”
ลู่เจียวกล่าวไม่ทันจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ค่อยๆ ชักมือกลับ สีหน้าเหมือนสะเทือนใจหนักมาก “พูดไปพูดมาก็เพราะเงินน้อย”
ลู่เจียวยื่นมือไปคว้าตั๋วแลกเงินไม่กี่ร้อยจากมือเขามาด้วยสัญชาตญาณทันที “ข้าเปล่า ข้าไม่ได้… เจ้าอย่าคิดมาก”
นางเพิ่งกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ปล่อยมือ มองนางด้วยสีหน้าจริงจัง กล่าวว่า “ข้าจะพยายามหาเงินให้มากๆ”
กล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป ลู่เจียวถือตั๋วแลกเงินในมือนิ่งอึ้งไป มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่เดินจากไปไกล
ดังนั้นพูดไปพูดมาก็เพื่อให้นางรับเงินพวกนี้ไว้
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็แอบรู้สึกว่าที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นยืนยันจะมอบเงินให้นาง คงไม่ได้คิดให้นางอยู่ต่อกระมัง
แต่นางคิดถึงการกระทำระยะนี้ของเขาก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมือน อีกฝ่ายไม่ได้มีตรงไหนล้ำเส้น สุดท้ายนางรู้สึกว่าตนเองน่าจะคิดมากไป เขาแค่เห็นว่าค่าใช้จ่ายในบ้านเป็นเงินนาง ดังนั้นในใจก็เลยรู้สึกไม่ค่อยดีเท่านั้นกระมัง
ตกค่ำ ทั้งครอบครัวกินอาหารเย็นพร้อมกัน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เอาแต่เล่าเรื่องที่เรียนวันนี้อย่างตื่นเต้น ตอนบ่ายลู่เจียวสอนลูกๆ แค่การคำนวณคาบเรียนเดียว ให้จดจำการบวกลบที่น้อยกว่าสิบ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เดิมก็ฉลาด พอเรียนก็เป็น สองหนูน้อยตระกูลหันสมองช้าอยู่สักหน่อย คนเล็กเหมือนจะเล็กไป จ้าวอวี้หลัวกับหูหลิงเสวี่ยกลับฉลาดมาก จดจำได้เหมือนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
ต้าเป่าบอกเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “ท่านแม่สอนตัวเลขการคำนวณพวกเรา ไม่เหมือนที่เมื่อก่อนท่านพ่อเคยสอน”