ลู่เจียวเดิมไม่อยากออกไป แต่จู้เป่าจูดึงนางไว้ นางก็ไม่อาจสะบัดมือจู้เป่าจูทิ้ง ได้แต่พาเฝิงจือตามจู้เป่าจูออกไป จางปี้เยียนด้านหลังลุกขึ้นยืนเดินออกไปเช่นกัน ในเรือนบุปผา คนอื่นไม่ว่ากลัวหรือไม่กลัว ต่างก็ลุกขึ้นตามออกไป
ตู้หลันจูถูกงูกัดขาอยู่ในลานด้านนอก ยามนี้สาวใช้เข้าไปเลิกขากางเกงนางขึ้น เผยให้เห็นขาขาวละมุน แค่มองด้วยตาก็เห็นชัดว่าบวมเป่ง
เซี่ยเหนียงจื่อมองขานางแล้วก็มีสีหน้าเป็นห่วง คนผู้นี้ห้ามมาตายที่บ้านตระกูลหลูนางอย่างเด็ดขาด
เซี่ยเหนียงจื่อนึกได้ว่าลู่เจียวเป็นวิชาแพทย์ รีบหันไปมองลู่เจียว กล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ เจ้าช่วยข้ารักษานางได้ไหม หญิงผู้นี้ห้ามมาตายที่ตระกูลหลูเรา”
แม้ว่ามาเองโดยไม่ได้รับเชิญ แต่งูพิษมาจากบ้านนาง คนเขาไม่ตายยังดี แต่หากตายไปก็ย่อมยุ่งยาก
ลู่เจียวย่อมรู้หลักการนี้ แต่นางไม่อยากรักษาให้ตู้หลันจู แต่ต่อหน้าเซี่ยเหนียงจื่อและภรรยาสหายร่วมชั้นเรียนเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางจึงต้องออกหน้า ดังนั้นนางแสร้งรับคำก่อน จากนั้นก็ก้าวเข้าไปด้านหน้าตู้หลันจู
“ได้ อาจารย์แม่ ข้าจะช่วยดูอาการให้ตู้เหนียงจื่อ”
มุมปากนางผุดรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนว่ายิ้มเท่าไรออกมา
ตู้หลันจูคิดถึงที่ตนมีเรื่องกับลู่เจียวก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ทันที นางรู้ว่าหญิงผู้นี้รักษาได้ นางได้ยินหันถงเล่ามา เหมือนวิชาการแพทย์นางไม่เลวอย่างมาก
หากนางให้หญิงผู้นี้รักษาแล้วลู่เจียวอาศัยโอกาสนี้ทำร้ายนางจะทำเช่นไร อย่างไรตนเองก็ทำเรื่องให้ร้ายนางไว้มาก
ตู้หลันจูยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว เห็นลู่เจียวเดินเข้ามา นางรีบยกมือห้าม “ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามารักษา รีบไสหัวไป ไสหัวไป”
นางกล่าวจบก็เวียนหัวหน้ามืด แต่พยายามฝืนกัดฟันไม่ให้ตนเองสลบไป
“เสี่ยวเหวิน รีบส่งข้าไปหอยา อย่าให้นังชั้นต่ำลู่เจียวรักษาข้าอย่างเด็ดขาด”
ลู่เจียวแสร้งทำร้อนใจ กล่าวว่า “ตู้เหนียงจื่อ ข้าช่วยเจ้าดูหน่อยแล้วกัน งูพิษนี่จะชักช้าไม่ได้ หากชักช้าต่อไป เกรงว่าวันหน้าเจ้าจะพิการได้”
ตู้หลันจูโมโหกัดฟัน “นังชั้นต่ำ เจ้าถึงกับแช่งข้า แม้ข้าพิการ ก็ไม่ให้เจ้าตรวจ เจ้ารีบไสหัวเจ้าไปไกลๆ”
นางด่าจบก็จ้องมองสาวใช้ตนเอง “เสี่ยวเหวิน ข้าพูดนี่เจ้าได้ยินไหม อย่าให้หญิงผู้นี้รักษาข้าเด็ดขาด นางจะทำร้ายข้า”
เสี่ยวเหวินถูกวาจาตู้หลันจูทำเอาตกใจ คิดถึงความสัมพันธ์พวกนางแล้วก็ไม่เหมาะจะให้ลู่เจียวรักษาจริงๆ
เสี่ยวเหวินประคองตู้หลันจูคิดจะไป น่าเสียดายคนเดียวไม่ไหว เซี่ยเหนียงจื่อไม่อยากให้เสียเวลาต่อ อย่าได้เกิดเรื่องอะไรเลยจะดีที่สุด
นางรีบสั่งคนรับใช้สองคน “พวกเจ้ากับสาวใช้ตระกูลตู้ส่งตู้เหนียงจื่อไปหอยา”
“เจ้าค่ะ”
สองบ่าวตระกูลหลูรีบเข้าไปช่วยสาวใช้ประคองตู้หลันจูออกไป
แม้ว่างานเลี้ยงตระกูลหลูดำเนินต่อไปปกติ แต่คนในงานเลี้ยงเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีหญิงสองสามคนแอบมองลู่เจียวอยู่ตลอด อยากจะถามเรื่องงูพิษกับลู่เจียว ว่าใช่ลู่เจียวทำหรือไม่
ลู่เจียวทำเหมือนไม่เห็นและไม่สนใจคนพวกนี้ เอาแต่กินและพูดคุยอยู่กับพวกจู้เป่าจู
เซี่ยเหนียงจื่อเหลือบมองลู่เจียวอยู่บ้าง แม้ว่าไม่ได้พูดชัด แต่อย่างไรสีหน้าก็ไม่ดีนัก นางจัดงานเลี้ยงมาหลายงาน แต่ไรมาไม่เคยเกิดเรื่องคาดไม่ถึง วันนี้เพราะภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาจึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้
ลู่เจียวย่อมสัมผัสความหมายจากแววตาเซี่ยเหนียงจื่อได้ แม้ว่าไม่ได้กล่าวกระจ่าง แต่อย่างไรก็ดูไม่พอใจอยู่บ้าง
ลู่เจียวแววตาหม่นลง วันหน้านางไม่มาร่วมงานเลี้ยงตระกูลหลูดีกว่า จะได้ไม่ต้องทำให้คนอื่นรังเกียจ
กล่าวตามจริง ลู่เจียวเองก็รู้สึกว่าตนเองช่างโชคร้ายจริง พอมาถึงอำเภอก็ถูกหญิงน่ารำคาญเช่นตู้หลันจูเอาเรื่อง เห็นชัดว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ต้องมาเจอเรื่องราวน่ารำคาญใจมากมายเช่นนี้เพราะหญิงผู้นี้
จู้เป่าจูมองออกว่าลู่เจียวอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก รีบกระซิบปลอบใจว่า “ข้าเชื่อเจ้า หญิงเช่นตู้หลันจูเป็นหญิงโรคจิต สมองไม่ปกติ”
เมื่อก่อนจู้เป่าจูเองก็รู้สึกว่าหญิงผู้นั้นไม่ปกติ หญิงปกติที่ไหนจะไปไหนมาไหนกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องตนเองเปิดเผยไม่เกรงใจสายตาผู้คนเช่นนั้น แม้ทั้งสองคนเป็นญาติกัน แต่ก็ควรเกรงคำครหาไว้บ้าง แต่นางกลับทำหน้าตาเหมือนข้าพอใจจะทำ
เดาว่าตระกูลหันไม่กล้าทำอะไรนาง ตอนนี้ดีเลย พอถูกหันถงหย่า ถึงกับแล่นมาโทษลู่เจียว หาสาเหตุให้ตนเองเก่งจริง
ลู่เจียวได้ฟังจู้เป่าจู ก็ยิ้มเล็กน้อยเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร”
งานเลี้ยงเพิ่งจบลง บ่าวตระกูลหลูก็กลับมา รีบเข้ามารายงานเซี่ยเหนียงจื่อ
เซี่ยเหนียงจื่อไม่ได้คิดหลบเลี่ยงทุกคน ถามทันทีว่า “ตู้เหนียงจื่อเป็นอย่างไรบ้าง”
สองบ่าวสีหน้ายากจะเอ่ย “เรียนเหนียงจื่อ เพราะส่งไปทัน ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่แม้ว่าไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ปากเบี้ยวจนพูดไม่ได้ หมอที่แก้พิษงูยังบอกว่า วันหน้าอาจมีอาการอื่นอีก เหมือนว่าจะผมร่วง หลังค่อม อัมพาตอะไรพวกนั้น สรุปคือแม้ว่ารักษาชีวิตไว้ได้ แต่ชีวิตที่เหลือก็คงน่าอนาถมาก”
สีหน้าเซี่ยเหนียงจื่อเรียกได้ว่าไม่ดีนัก ตู้หลันจูมาถูกงูพิษกัดที่ตระกูลหลู ตระกูลหลูพวกเขาย่อมต้องให้คำตอบตระกูลตู้
สีหน้าเซี่ยเหนียงจื่อไม่ดีนัก ให้คนส่งเหนียงจื่อทุกคนกลับไป
ลู่เจียวกับจู้เป่าจูออกมาด้วยกัน เซี่ยเหนียงจื่อมองตามแผ่นหลังนางไปด้วยความไม่พอใจอย่างมาก
ลู่เจียวกับพวกจู้เป่าจูและถานเสี่ยวยาเพิ่งออกจากบ้านตระกูลหลูมา เตรียมจะขึ้นรถม้า ก็เห็นคนสองสามคนล้อมคุณหนูจางปี้เยียนตระกูลจางไว้ เสียงดังกล่าวว่า “ตู้หลันจูนั่นก็นังงูพิษจริง ไม่เพียงแต่แย่งผู้ชายคนอื่น ยังถูกงูพิษกัด เจ้าว่างูพิษนั่นจะเป็นใครวางอุบายหรือไม่ ไม่งั้นอยู่ดีๆ ตระกูลหลูจะมีงูพิษมาจากไหน เมื่อก่อนพวกเรามางานเลี้ยง ก็ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้”
“ใช่ ไม่แน่ว่าอาจมีใครคิดการนี้ หากเป็นเช่นนี้ คนร้ายที่ลงมือก็โหดเหี้ยมแท้”
คุณหนูจางปี้เยียนตระกูลจางไม่ได้กล่าวอะไรตามทุกคน กลับเสียงดังหยุดทุกคนว่า “เอาเถิด อย่าได้พูดจาเหลวไหล นางมาจากบ้านนอก ไหนเลยจะรู้เรื่องพวกนี้ น่าจะเป็นตู้หลันจูโดนผู้อื่นลงมือแล้ว”
จางปี้เยียนกล่าวจบก็ขึ้นรถม้าตระกูลจางจากไป
ลู่เจียวด้านหลังเลิกคิ้วมองตามรถม้าที่จากไป แม้ว่าจางปี้เยียนพูดช่วยนางไว้ แต่ทำไมนางไม่รู้สึกโล่งใจ
เฝิงจือโมโหเอ่ยว่า “พวกนั้นมันอะไรกันเนี่ย วันหน้าเหนียงจื่อก็อย่าได้มาร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้อีกเลย ไม่ใช่งานเลี้ยงดีอะไรเลย”
ลู่เจียวคิดแล้วก็พยักหน้า “วันหน้านอกจากจำเป็น ไม่งั้นก็ปฏิเสธไม่ร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้อีก”
นางอาจดวงชงกับงานเลี้ยง ดังนั้นจึงได้ประสบเหตุทุกครั้งที่มาร่วมงานเลี้ยง
ลู่เจียวกล่าวจบก็พาเฝิงจือขึ้นรถม้าตระกูลเซี่ย จู้เป่าจูโบกมือให้นาง กล่าวว่า “พี่ลู่ พรุ่งนี้พวกเราไปเป็นแขกบ้านเจ้านะ”
ลู่เจียวก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ได้ พวกเจ้ามาเที่ยวได้เลย”
กล่าวจบก็สั่งหลินต้ากลับบ้าน