ตกค่ำ ตอนทั้งครอบครัวกินอาหารเย็น เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็บอกเรื่องนี้กับลู่เจียว
“ก่อนหน้านี้ข้าไปตระกูลหลูมา ช่วยอาจารย์ใหญ่หลูหาคนในตระกูลหลูที่ถูกพี่สะใภ้ตู้หลันจูซื้อตัวไป จะได้มีคำตอบให้ตระกูลตู้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตระกูลหลู เป็นคนตระกูลตู้หาเรื่องกันเอง ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลู”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็สำทับอีกว่า “อีกอย่าง ข้าได้บอกอาจารย์ใหญ่แล้วว่า วันหน้าอาจารย์แม่จัดงานเลี้ยงอะไรอีก ก็ไม่ต้องเชิญเจ้าไปแล้ว พวกเราคนบ้านนอก ไม่เข้าใจมารยาท กลัวกระทบกับงานเลี้ยงอาจารย์แม่”
ตอนนั้นเขากล่าวจบ อาจารย์ใหญ่พลันสีหน้าแปรเปลี่ยน สุดท้ายก็ถอนหายใจแสดงท่าทีว่าตนเองจะกำชับภรรยาตนเอง
ในห้องโถง ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็พยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “ข้ารู้แล้ว”
นางเดิมก็ไม่ชอบร่วมงานเลี้ยงพวกนี้อยู่แล้ว แต่เพราะตอนนี้อยู่ในสถานะภรรยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น ดังนั้นต้องช่วยเขาก็เลยไปร่วมงาน
ในเมื่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นตกลงกับอาจารย์ใหญ่แล้ว เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องไปแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังกล่าวว่า “วันหน้าเจ้าไม่อยากร่วมงานเลี้ยงพวกนี้ก็ไม่ต้องไปร่วม หากอยากร่วมค่อยไป”
อำเภอชิงเหอเป็นอำเภอที่หลายตระกูลจัดงานเลี้ยงกันบ่อยครั้งเพื่อสานสายสัมพันธ์ ลู่เจียวไม่อยากร่วมก็ไม่ต้องร่วม
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็พยักหน้าแสดงการรับรู้
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินท่านพ่อคุยกับท่านแม่ก็รู้สึกผิดปกติ ต้าเป่าถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ มีคนรังแกท่านแม่หรือ ผู้ใดกัน”
เจ้าหนูที่เหลืออีกสามคนก็หูตั้งขึ้นมาทันที ลู่เจียวรีบหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ทำปากบอกว่า วันหน้าเรื่องพวกนี้ต้องระวังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินหน่อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “มีคนทำสีหน้าไม่ดีใส่ท่านแม่พวกเจ้า แต่พ่อสั่งสอนคนผู้นั้นไปแล้ว วันหน้าย่อมไม่ทำอีกแล้ว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่พยักหน้าเต็มแรง แสดงท่าทีเห็นด้วยกับท่านพ่อว่าทำได้ถูกต้อง
ลู่เจียวกลัวเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ซักเรื่องนี้ต่อ ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถามว่า “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าได้ขอโทษหันตงเซิ่งไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบพยักหน้า “ขอโทษแล้ว”
ลู่เจียวมองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กล่าวว่า “วันหน้าห้ามรังแกคนอื่นอีก หันตงเซิ่งตอนนี้ไม่มีท่านแม่ก็น่าสงสารมากแล้ว แม้ว่าเขาพูดจาไม่ค่อยน่าฟัง ยังด่าแม่ แต่พวกเราต้องช่วยเขา เปลี่ยนเขาให้เป็นเด็กดี เช่นนั้นวันหน้าเขาก็จะไม่กล่าวร้ายแม่แล้ว”
เอ้อร์เป่าไม่ค่อยพอใจ ยู่ปากกล่าวว่า “ข้าไม่อยากช่วย เจ้าคนเลวนั่นต้องจัดการก่อน จัดการให้ยอมสยบแล้วค่อยเลิกรา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพลันมีสีหน้าเคร่งเครียด ส่งเสียงเตือนพร้อมกัน “เอ้อร์เป่า”
เอ้อร์เป่านั่งตัวตรงขึ้นทันที แสดงท่าทีรับคำว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ารู้แล้ว วันหน้าจะช่วยหันตงเซิ่งให้เป็นคนดี”
เขากล่าวจบก็ถามว่า “หากเขาไม่อาจเป็นคนดีได้ ข้าจะจัดการเขาได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังจะพูด ด้านนอกประตู ลู่กุ้ยก็เดินเข้ามา
ลู่กุ้ยตอนนี้ไม่ได้กินข้าวที่เรือนด้านหลังกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียวแล้ว เขากินร่วมกับบ่าวรับใช้ที่เรือนด้านหน้า
เขารู้สึกว่าเช่นนี้อิสระกว่ากินกับพี่สาวพี่เขย ประการแรก เขารู้สึกไม่อิสระ ประการที่สอง เขามักฟังบทสนทนาพวกเขาไม่เข้าใจ โดยเฉพาะพี่เขยมักส่งสายตามองเขา เขาไม่เข้าใจว่าพี่เขยเขาหมายความว่าอย่างไร ไม่สู้ไปกินที่เรือนด้านหน้า ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแล้วว่าวันหน้าจะกินข้าวที่เรือนด้านหน้า ลู่เจียวก็ตามใจเขา
“พี่เขย สวี่เซี่ยนเว่ยพาคนมาท่าทางโมโหมาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพอได้ฟังก็รู้ว่าที่สวี่เซี่ยนเว่ยมาคงเพราะเรื่องสวี่ชิงอิน
เรื่องวันนี้สวี่ชิงอินย่อมมั่นใจว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นชี้นำให้เถียนจิ้นอานทำ ดังนั้นสวี่เซี่ยนเว่ยเลยมุ่งมาหาเขา
ลู่เจียวมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นลุกขึ้นเตรียมพร้อมจะออกไปพบสวี่เซี่ยนเว่ย เขาไม่กลัวสวี่เซี่ยนเว่ย เพราะตระกูลเถียนย่อมไม่พูดออกไปว่าเขาเป็นคนชี้นำเถียนจิ้นอานทำเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นทุกอย่างล้วนเป็นสวี่ชิงอินพูดเอง พูดจาต้องมีหลักฐาน พูดจาปากเปล่าไร้หลักฐาน เขาไม่มีทางรับ
ลู่เจียวเองก็ลุกตามเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกไป เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยังคิดตามไปด้วย ลู่เจียวรีบหยุดพวกเขาไว้ ให้ลู่กุ้ยดูแลพวกเขากินข้าวและอาบน้ำ จากนั้นก็พาพวกเขาไปนอนก่อน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ไปกินข้าวกับท่านน้า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเดินไปเรือนด้านหน้าด้วยกัน ลู่เจียวเอ่ยว่า “อีกสักครู่พูดจากับสวี่เซี่ยนเว่ย อย่าได้ใจร้อน คนผู้นี้ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร ตอนนี้เจ้าเป็นที่ปรึกษาหลังม่านของนายอำเภอหู แม้ไม่อาจเป็นพวกเดียวกันกับสวี่เซี่ยนเว่ย แต่อย่างน้อยก็อย่าทำให้เขาโมโห ดังนั้นถมองข้ามได้ก็มองข้ามไป”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นด้วยกับลู่เจียว พยักหน้ารับคำ “ข้ารู้”
ทั้งสองคนเดินเคียงกันไปเรือนด้านหน้า พอถึงเรือนด้านหน้า หลินตงกับเฝิงจือสองคนก็รีบเข้ามารอรับ
“คุณชาย เหนียงจื่อ พวกเราต้อนรับสวี่เซี่ยนเว่ยที่ห้องโถง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนพยักหน้า
ณ ห้องโถง เรือนด้านหน้า
สวี่เซี่ยนเว่ยนั่งหน้ากลมอ้วนบึ้งตึงอยู่ในห้องโถง ยังมีชายร่างกำยำยืนอยู่ด้านหลังสามสี่คน ท่าทางเหมือนมาหาเรื่อง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวทำเป็นไม่เห็น เข้ามาถึงก็ทักทายสวี่เซี่ยนเว่ย
“แขกที่ยากมาเยือนแท้ สวี่เซี่ยนเว่ยมีเวลามาบ้านตระกูลเซี่ยข้าได้อย่างไร”
สวี่เซี่ยนเว่ยยืนขึ้นจ้องหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างไม่เกรงใจ ตวาดเสียงเข้มว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าให้ร้ายชื่อเสียงบุตรสาวข้าใช่หรือไม่ ตระกูลสวี่ข้ามีบุตรสาวที่รักเพียงคนเดียว เจ้าถึงกับกล้าวางอุบายนาง เรื่องนี้ไม่เลิกราง่ายๆ แน่”
สวี่เซี่ยนเว่ยกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ถามสวี่เซี่ยนเว่ยว่า “ผู้ใดว่าข้าวางอุบายนาง สวี่เซี่ยนเว่ยมีหลักฐานหรือ”
สวี่เซี่ยนเว่ยอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “บุตรสาวข้าว่าตอนนั้นนางตามหลังเจ้าไป ปรากฏเจ้าหายตัวไป เจ้าปัญญาอ่อนตระกูลเถียนนั่นก็วิ่งออกมากอดนางไว้ ตะโกนว่านางคือภรรยาเขา เจ้าว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เจ้าวางแผนแล้วจะเป็นผู้ใด”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นสงบนิ่ง กล่าวว่า “หรือว่าเพราะข้าเข้าไปในตระกูลเถียน ก็ว่าข้าวางอุบายนาง? หากสวี่เซี่ยนเว่ยคิดว่าเรื่องนี้ข้าเป็นคนทำ ก็เชิญเอาหลักฐานออกมา อย่าพูดปากเปล่าไร้หลักฐานก็จะมาเอาผิดข้า”
สวี่เซี่ยนเว่ยได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็อึ้งไป เขาคิดไม่ถึงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะยืนยันหนักแน่นเช่นนี้ อยู่ๆ พลันรับมือไม่ทัน
แต่ไม่นานเขาก็เอ่ยว่า “ไม่ได้ เรื่องนี้เห็นชัดๆ ว่าเจ้าเป็นคนวางแผน เจ้าต้องมีคำตอบให้บุตรสาวข้า บุตรสาวข้าไม่มีทางแต่งกับเจ้าปัญญาอ่อนนั่นอย่างเด็ดขาด”
สวี่เซี่ยนเว่ยกล่าวจบก็หรี่ตาเล็กจ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “หรือว่าเจ้าแต่งกับนาง?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นซิ่วไฉมีอนาคต หากบุตรสาวแต่งกับเขาได้ย่อมไม่เลว
ในห้องโถง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวต่างก็อึ้งไป จากนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นมองสวี่เซี่ยนเว่ยราวกับมองคนเสียสติ
“สวี่เซี่ยนเว่ยไม่รู้หรือว่าข้าแต่งงานแล้ว แม้แต่บุตรชายก็สี่คนแล้ว จะแต่งกับคุณหนูสวี่ได้อย่างไร หรือว่าให้นางเป็นอนุ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเสียดสี เพิ่งกล่าวจบ สวี่เซี่ยนเว่ยก็พลันสีหน้าแปรเปลี่ยน รีบกล่าวว่า “บุตรสาวข้าไม่เป็นอนุ นางต้องเป็นภรรยาเอก เจ้าก็ลดคนของเจ้าเป็นอนุสิ ภรรยาเอกคนที่สองก็ได้”
ลู่เจียวไม่ทันได้พูดอะไร นอกห้องก็มีเสียงแค่นเยาะเยียบเย็นดังขึ้น
“ข้าอยากดูนักว่าผู้ใดใจกล้าเช่นนี้ กล้าให้เจียวเจียวข้าเป็นอนุ เป็นภรรยาเอกคนที่สอง?”