สวี่เซี่ยนเว่ยกล่าวไม่ทันจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ลุกขึ้นเดินไปกระซิบที่หูสวี่เซี่ยนเว่ยเบาๆ สองสามประโยค
สวี่เซี่ยนเว่ยพลันมีสีหน้าแปลกประหลาด หันไปมองลู่เจียว สุดท้ายกัดฟันกล่าวว่า “มีบวม และบางครั้งข้าก็ยังคลำเจอกก้อนไตแข็งๆ โดยเฉพาะตอนยืน”
ลู่เจียวได้ฟัง แล้วก็แน่ใจโรคที่สวี่เซี่ยนเว่ยเป็นแล้ว
“โรคที่ท่านเป็นก็คือหลอดเลือดอัณฑะขอด และมีอาการหนักมาก ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุที่ท่านไม่อาจมีลูกได้”
สวี่เซี่ยนเว่ยฟังชื่อโรคที่ลู่เจียวว่ามาไม่เข้าใจ แต่กลับได้ยินว่าไม่อาจมีลูกได้
สมองเขาก็มีแต่เสียงอึงดังก้องไปหมด เป็นนานก่อนจะกล่าวว่า “ความหมายของเจ้าก็คือข้าไม่อาจมีลูกได้”
“ใช่”
สีหน้าสวี่เซี่ยนเว่ยพลันดำทะมึนดูย่ำแย่อย่างมาก
แต่ไม่นาน เขาก็ยืดตัวตรงขึ้น จ้องมองลู่เจียวกล่าวว่า “นี่ไม่ถูกต้องนะ หากข้ามีลูกไม่ได้ บุตรสาวข้ามาจากไหน”
เริ่มแรกลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นยังไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ ตอนนี้ได้ยินสวี่เซี่ยนเว่ยเอ่ยถึง
ทั้งสองคนก็สบตากัน จากนั้นแววตาทั้งสองคนก็เผยรอยยิ้มที่คิดตรงกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองสวี่เซี่ยนเว่ยกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องของท่านแล้ว แต่ข้าบอกท่านได้เลยว่า วิชาการแพทย์ภรรยาข้าร้ายกาจมาก เคยช่วยคนมามากมาย และล้วนเป็นโรคประหลาดซับซ้อนที่ผู้อื่นรักษาไม่ได้ ในเมื่อนางวินิจฉัยว่าท่านเป็นโรคที่ไม่อาจมีลูกได้ ท่านก็ย่อมไม่อาจมีลูกได้ ส่วนบุตรสาวท่าน ท่านกลับไปตรวจสอบสักหน่อยแล้วกัน”
สวี่เซี่ยนเว่ยนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ ร่างอ้วนสั่นเทิ้มขึ้นมาทันที
หรือว่าบุตรสาวที่เขาโปรดปรานมาตลอดไม่ใช่บุตรสาวเขา เป็นบุตรสาวผู้อื่น
เช่นนั้นหลายปีมานี้ เขาไม่เพียงแต่โดนสวมหมวกเขียว ยังเลี้ยงดูลูกของผู้อื่น?
ใบหน้าอ้วนกลมของสวี่เซี่ยนเว่ยบัดเดี๋ยวซีดเผือดบัดเดี๋ยวเขียวคล้ำ สุดท้ายก็ลุกพรึ่บยืนขึ้นหันหลังวิ่งออกไป “ข้าไม่เชื่อ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง”
สวี่เซี่ยนเว่ยพาคนกลับไปแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังกับลู่เจียวก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน เซี่ยอวิ๋นจิ่น มองลู่เจียว กล่าวว่า “นี่ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึงจริงๆ แต่สวี่เซี่ยนเว่ยเป็นโรคหลอดเลือดขอดอะไรนั่นจริงหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ เขามีอาการหนักมาก ดังนั้นไม่มีทางมีลูกได้ ไม่งั้นเขามีอนุมากมายอย่างนั้น ทำไมมีแต่มารดาสวี่ชิงอินตั้งครรภ์เพียงคนเดียว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถามลู่เจียว “งั้นอาการป่วยเขารักษาได้ไหม”
“ต้องผ่าตัด ผ่าตัดแล้วความสามารถมีลูกก็จะกลับเป็นปกติ แต่เป็นปกติถึงระดับใด ข้าก็ไม่รู้แล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็มีสีหน้าแปลกประหลาด “คงไม่ได้ผ่าตัดตรงนั้นกระมัง”
เขากล่าวจบก็รู้สึกว่าด้านล่างปวดหนึบ หุบขาชิดอย่างไม่รู้ตัว
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกล่าวว่า “หากต้องผ่าตัดให้เขาจริง เจ้าห้ามลงมือผ่าตัดเอง สอนให้ฉีเหล่ยผ่าตัดให้เขา”
ก็เหมือนครั้งก่อนที่ผ่าตัดให้เหลียงจื่อเหวิน
ลู่เจียวคิดแล้วก็เห็นด้วย “ไว้ค่อยคุยกัน”
กล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินกลับไปนอนเรือนด้านหลัง
วันรุ่งขึ้น จู้เป่าจูกับถานเสี่ยวยาก็พาลูกๆ มาเป็นแขกที่บ้านตระกูลเซี่ย ปรากฏเห็นตระกูลเซี่ยมีเด็กแปดคนกำลังเรียนหนังสือ และสิ่งที่เรียนก็แปลกใหม่อย่างมาก
จู้เป่าจูกับถานเสี่ยวยาก็คิดอยากส่งลูกๆ ตนเองมาเรียนที่ตระกูลเซี่ยบ้าง
“พี่ลู่ พี่ให้เมี่ยวเมี่ยวเรามาเรียนด้วยได้ไหม เมี่ยวเมี่ยวแม้ว่าอายุยังน้อย แต่เชื่อฟังมาก”
ถานเสี่ยวยาเองก็ถามขึ้นเบาๆ ว่า “คังคังเราก็เป็นเด็กเชื่อฟังมาก ปกติไม่มีคนเล่นด้วย ก็ไม่ค่อยพูดจา พี่สะใภ้ให้คังคังมาบ้านท่านเล่นกับเด็กคนอื่นๆ ด้วยได้ไหม”
ใบหน้าลู่เจียวราวกับมีแสงดำพาดผ่าน เดิมนางคิดแค่เปิดอนุบาลให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ตอนนี้เลยกลายเป็นอนุบาลไปแล้วจริงๆ
เดิมเด็กแปดคนบวกหลินซีก็เป็นกลุ่มที่วุ่นวายพอแล้ว ตอนนี้มาเพิ่มอีกสอง เดาว่าจะยิ่งวุ่นวาย
แต่เห็นจู้เป่าจูคว้าเสื้อนางเขย่าไปมา ถานเสี่ยวยาก็ส่งสายตาน่าสงสารมองนางอย่างขอร้อง
ลู่เจียวพลันกล่าวปฏิเสธไม่ออก สุดท้ายได้แต่กล่าวว่า “มาก็ได้ แต่ระเบียบก็ต้องเข้มงวด อย่าได้ปวดใจยามลูกๆ เจ้าโดนลงโทษเพราะทำผิดนะ”
จู้เป่าจูรีบกล่าวว่า “ไม่ปวดใจๆ ขอบคุณพี่ลู่”
นางกล่าวจบก็เรียกเจิ้งเมี่ยวมา “รีบขอบคุณท่านน้าลู่สิ”
เมี่ยวเมี่ยวแม้ว่าแค่สามขวบ แต่ก็เป็นเด็กน่ารักจริงๆ เผยฟันกระต่ายยิ้มให้ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ขอบคุณท่านน้า”
ตู้คังเองก็ขอบคุณเบาๆ “ขอบคุณท่านน้า”
ลู่เจียวจะทำเช่นไรได้ เรียกเฝิงจือมาพาเจ้าสองหนูน้อยไป
“บอกอาจารย์พานหน่อย วันหน้าเพิ่มเจ้าหนูน้อยสองคนนี้”
เฝิงจือรู้สึกดีกับจู้เป่าจูและถานเสี่ยวยามาก ทั้งสองคนก่อนหน้านี้ปกป้องเหนียงจื่อตนด้วย พวกนางสองคนไม่เลว
จู้เป่าจูกล่าวขอบคุณลู่เจียว “ขอบคุณพี่ลู่ ขอบคุณพี่มาก”
ถานเสี่ยวยาเองก็ซาบซึ้งใจลู่เจียวมาก “ขอบคุณพี่สะใภ้ ค่าใช้จ่ายคังคังที่ตระกูลเซี่ย บ้านเราจ่ายเอง”
จู้เป่าจูเองก็รีบกล่าวว่า “ของเมี่ยวเมี่ยว พวกเราก็จ่ายเอง”
ลู่เจียวยอมรับไว้แล้ว ยังจะเก็บเงินพวกเขาหรือ คนหนึ่งสามขวบ คนหนึ่งสี่ขวบ กินอะไรไม่มาก
“เอาเถิด ไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันแล้ว”
ลู่เจียวกล่าวจบก็มองไปยังจู้เป่าจู พลันคิดถึงเจิ้งจื้อซิ่งสามีจู้เป่าจู ในใจภาวนาว่าขอให้คนที่ทำร้ายเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ใช่เจิ้งจื้อซิ่ง
ตอนเที่ยงลู่เจียวสั่งให้ฮวาเสิ่นเตรียมอาหารปิ้งย่าง พวกนางผู้ใหญ่สามคนกับเด็กๆ จะปิ้งกันที่ลานด้านหลัง น่าจะไม่เลว
ฮวาเสิ่น เฝิงจือ ยายเฒ่าชิวรีบไปเตรียมของ เด็กๆ รู้ว่าตอนเที่ยงกินปิ้งย่างก็ดีใจมาก บอกจะช่วยด้วยตนเอง เพราะมีเด็กมาก ดังนั้นจึงครึกครื้นกันอย่างมาก
โชคดีอยู่ในลานบ้าน ไม่งั้นไม่รู้ว่าจะวุ่นวายกันขนาดไหน
แต่เพราะมีพวกผู้หญิงอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้หน้าที่ยอมหลบไปเอง พาหลินตงไปกินอะไรง่ายๆ ที่เรือนด้านหน้าก็พอ ไม่ได้ร่วมครื้นเครงในเรือนด้านหลังกับพวกผู้หญิงและเด็กๆ
หันตงเซิ่งเห็นชัดว่าเงียบไป เอาแต่ไม่พูดไม่จา ทำตัวลีบไปหลบมุมเงียบๆ ราวกับมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจมา
ลู่เจียวเห็นท่าทางเขาก็เดาได้ว่าเมื่อวานเขากลับตระกูลหันไป น่าจะไปถามคนในตระกูลหันมาแล้ว ว่าท่านแม่เขาเป็นคนดีหรือไม่
นิสัยเช่นตู้หลันจู ลู่เจียวเดาก็รู้ ย่อมไม่มีใครบอกว่านางดี
หันตงเซิ่งก็คงสะเทือนใจเพราะเรื่องนี้ไหม เดิมเขาคิดมาตลอดว่าท่านแม่เขาเป็นคนดี ดีและใจกว้างกับพวกเขา ปรากฏคนอื่นต่างบอกว่าท่านแม่เขาเป็นคนไม่ดี เช่นนั้นที่ท่านแม่เขาพูดจะเชื่อถือได้หรือ
ลู่เจียวแสร้งทำเป็นไม่เห็นความไม่พอใจของหันตงเซิ่ง มีบางเรื่องต้องให้เจ้าตัวคิดได้เอง
อาหารปิ้งย่างตอนเที่ยง ทุกคนกินไปเล่นไป สุดท้ายกินจนอิ่มแปล้ ลู่เจียวบอกให้หลินซีกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่พาเด็กๆ ออกไปเดินเล่น
เด็กๆ พาเสี่ยวเฮยกับฮวาฮวาไปวิ่งเล่นที่ลานบ้าน
ลู่เจียวสั่งให้คนนำชาผลซานจาป่ามาให้จู้เป่าจูกับถานเสี่ยวยาดื่มย่อยอาหาร นางเองก็หาจังหวะนี้ไปเรือนด้านหน้าฝังเข็มให้หลิวจื่อเหยียน ฝังเข็มเสร็จก็กลับมาเรือนด้านหลังคุยกับจู้เป่าจูและถานเสี่ยวยาต่อ
“พวกเจ้ามาวันนี้ ทำไมไม่พาหลิ่วเหนียงจื่อมาด้วย”