สองพี่น้องตระกูลเถียนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็รีบถามอย่างดีใจว่า “ความหมายเจ้าก็คือว่าสมองน้องชายข้ารักษาแล้วก็จะดีกว่าตอนนี้”
ลู่เจียวยิ้มพลางพยักหน้า “แน่นอน ข้าคาดเดาในขั้นต้นได้ว่า หลังเขารักษา น่าจะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้”
ตอนนี้เถียนจิ้นอานเหมือนเด็กน้อย หลายเรื่องคนตระกูลเถียนช่วยเขาทำหมด กลัวเขาจะเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงอะไรอีก
สองพี่น้องตระกูลเถียนได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็ตื่นเต้นดีใจ
ทั้งสองคนยืนขึ้นแทบจะพร้อมกัน กล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ หากเจ้ารักษาน้องชายข้าได้ เจ้าก็คือผู้มีพระคุณตระกูลเถียนข้า วันหน้าหากต้องการสิ่งใด ตระกูลเถียนข้าย่อมต้องทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดให้ความช่วยเหลือเจ้า”
“ใช่ หากน้องชายข้าเป็นเหมือนคนปกติได้ แต่งภรรยามีลูกได้ ท่านแม่ข้าในปรภพก็จะได้ตายตาหลับแล้ว”
ตอนนั้นท่านแม่ตายเพราะน้องชายป่วยจนกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไป หากเขารักษาหายได้ ท่านแม่ในปรภพย่อมต้องดีใจ
เถียนฮวนขอบตาแดงเล็กน้อย ตระกูลเถียนต้องการผู้ชายสักคนมาค้ำจุนวงศ์ตระกูลจริงๆ ท่านพ่ออายุมากแล้ว
ลู่เจียวเห็นสองพี่น้องตระกูลเถียนตื่นเต้นกันเช่นนี้ ก็รีบกล่าวว่า “ข้าจะช่วยรักษาเขาอย่างเต็มที่ แต่จะรักษาได้ถึงระดับใด ข้าก็ไม่รับรองนะ”
อย่าได้พอสุดท้ายไม่ได้ระดับที่พวกนางคิดแล้วพวกนางจะมาโกรธนางนะ
สองพี่น้องตระกูลเถียนรีบกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณเจ้าแล้ว”
นอกประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้ามา พอเถียนจิ้นอานเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ดีใจวิ่งไปเรียก “พี่อวิ๋นจิ่น ข้าจะไปเล่นด้านหน้าอันนั้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเถียนจิ้นอานพยักหน้าเล็กน้อย กล่อมว่า “รอเดี๋ยว ข้าจะรีบพาเจ้าออกไปด้านหน้าเล่นไม้ลื่น”
“ได้”
เถียนจิ้นอานยิ้มดีใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียว “เป็นเช่นไรบ้าง เขารักษาได้ไหม”
ลู่เจียวพูดให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟังเหมือนที่พูดกับสองพี่น้องตระกูลเถียนก่อนหน้านี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นดีใจมาก
แม้ว่าเขาเป็นคนเย็นชา แต่ความสัมพันธ์กับเถียนจิ้นอานนั้นไม่เลว เขาจึงหวังว่าเถียนจิ้นอานจะเป็นปกติได้
“ไม่ว่าผลเป็นอย่างไร เจ้าพยายามเต็มที่แล้วก็พอ อย่าได้รู้สึกเป็นภาระ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากให้ลู่เจียวรู้สึกต้องแบกภาระ เขากล่าวเช่นนี้ก็หวังว่าสองพี่น้องตระกูลเถียนรู้ว่าหากรักษาไม่หายก็อย่าได้โทษลู่เจียว
สองพี่น้องตระกูลเถียนรีบรับคำกล่าวว่า “เซี่ยซิ่วไฉวางใจ ไม่ว่าน้องชายข้าจะหายหรือไม่ พวกเราไม่โทษลู่เหนียงจื่อ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบยิ้มพยักหน้า หันไปมองเถียนจิ้นอาน “ข้าพาเจ้าไปเล่นด้านหน้า”
เถียนจิ้นอานจูงเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินออกไปอย่างดีใจ สองพี่น้องตระกูลเถียนหันไปมองลู่เจียวทันที กล่าวว่า “จะเริ่มรักษาได้ตอนไหน”
ลู่เจียวบอกขั้นตอนการรักษากับพวกนางว่า “เริ่มพรุ่งนี้แล้วกัน ข้าบอกขั้นตอนรักษากับพวกเจ้าก่อน ทุกวันตอนเที่ยงหลังอาหารกลางวัน ข้าก็จะฝังเข็มให้เขา ใช้เวลาราวหนึ่งก้านธูป”
ที่ลู่เจียวเลือกตอนเที่ยง เพราะทุกวันตอนเที่ยงหลิวจื่อเหยียนก็จะมา สองคนจะได้ฝังเข็มพร้อมกัน
“อบไอร้อนวันละสองรอบ เรื่องนี้จะทำอย่างไร ข้าก็จะเขียนใบสั่งยาให้พวกเจ้า พวกเจ้าต้มแล้วก็ใช้ผ้าชุบให้เปียกหุ้มศีรษะไว้เพื่ออบไอร้อน จำไว้ จะต้องรักษาระดับความร้อน ใช้อะไรห่อหุ้มศีรษะไว้ก็ได้ แต่ต้องให้ไอร้อนเป็นเวลาเหนึ่งก้านธูป อีกอย่างยังมียาต้มกินเช้าเย็น”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ไม่ได้ให้สองพี่น้องตระกูลเถียนเอายามาให้นางเติมน้ำพุจิตวิญญาณ เถียนจิ้นอานเป็นโรคทางสมอง ไม่ใช่ร่างกาย
ดังนั้นนางตัดสินใจว่าทุกวันตอนเที่ยง ตอนฝังเข็มให้เถียนจิ้นอาน จะใช้เข็มเงินชุบน้ำพุจิตวิญญาณ เช่นนี้เส้นประสาทสมองก็จะค่อยๆ ฟื้นคืน
ส่วนเถียนจิ้นอานจะฟื้นคืนได้สมบูรณ์หรือไม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางจะคาดเดาได้
ลู่เจียวกล่าวจบ สองพี่น้องตระกูลเถียนพยักหน้าอย่างดีใจหงึกๆ “ได้ พวกเราจะจัดการตามเจ้าบอก”
หลายปีมานี้ ตระกูลเถียนหาหมอมามากมาย หมอที่ตรวจส่วนใหญ่ก็บอกว่าไม่มีทางรักษา ปัญญาอ่อนขนาดนี้และปัญญาอ่อนมาหลายปีแล้ว จะรักษาได้อย่างไร
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้มาเจอหมอที่ว่ารักษาได้ แม้ว่าไม่ได้รับปากว่าจะรักษาหาย แต่ดีขึ้นได้นิดหน่อยเท่าไรก็เท่านั้น
สองพี่น้องตระกูลเถียนขอบคุณไม่หยุด “ขอบคุณ ขอบคุณเจ้าแล้ว”
ลู่เจียวถูกพวกนางทำเอาเขิน โบกมือกล่าวว่า “ไม่เป็นไร หากจะขอบคุณ ก็ให้รอว่าวันไหนเถียนจิ้นอานหาย พวกเจ้าค่อยมาขอบคุณข้า”
เถียนหว่านกับเถียนฮวนส่ายหน้าไปมา “ไม่ ไม่ แม้รักษาไม่หาย แต่พวกเราก็ซาบซึ้งน้ำใจเจ้า”
คนทุ่มเทกายใจ รักษาไม่หาย ก็มีน้ำใจที่ทุ่มเท เมื่อก่อนพวกเขาไปหาหมอ ก็ถูกปฏิเสธการรักษาตรงๆ ตลอด
ลู่เจียวไม่เกรงใจกับพวกนางอีก เรียกเฝิงจือเข้ามาส่งสองพี่น้องตระกูลเถียนกลับ สองพี่น้องก่อนกลับยังเชิญลู่เจียวให้วันหน้าไปเป็นแขกตระกูลเถียน ลู่เจียวคิดถึงว่าตนเองร่วมงานเลี้ยงทุกครั้งก็จะเจอเรื่องยุ่งยาก จึงรีบปฏิเสธ
แต่สองพี่น้องตระกูลเถียนก็ยังคงยืนกราน ลู่เจียวจึงได้แต่รับปาก
ตกค่ำ ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่าถึงสองพี่น้องตระกูลเถียน “ช่างมีน้ำใจจริงๆ มีน้ำใจจนไม่อาจรับไว้ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวท่าทางรับไม่ไหวก็อดหัวเราะไม่ได้ ที่แท้ลู่เจียวก็มีช่วงเวลาที่รับไม่ไหวด้วยเช่นกัน
แต่เห็นท่าทางนางเช่นนี้ น่ารักจริง
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกว่าไม่ว่าลู่เจียวทำอะไรก็ดูดีไปหมด น่ารักไปหมด เมื่อไรเขาจะจู่โจมหัวใจลู่เจียวได้ เมื่อไรจึงจะได้เรียกนางว่าเจียวเจียวเหมือนคนอื่นได้บ้าง
บนโต๊ะอาหาร เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เล่าเรื่องที่เรียนกันในวันนี้ เล่าถึงหันตงเซิ่งให้ลู่เจียวฟัง
“วันนี้ทั้งวันเขาไม่พูดอะไรเลย หากทุกวันเขาไม่พูดเลยก็จะดีมาก”
หันตงเซิ่งไม่พูดยังพอยอมรับได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว มองไปยังเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ คนเขาเศร้าใจอยู่นะ พวกเจ้ากลับมาเบิกบานได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “หันตงเซิ่งกำลังเศร้าอยู่ พวกเจ้าควรช่วยปลอบใจเขา คุยเป็นเพื่อนเขา อย่าได้ไม่เล่นกับเขาเพราะก่อนหน้านี้เขาทำผิด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวถึงสุดท้ายก็เตือนสติเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “ก่อนหน้านี้ท่านพ่อเขาช่วยเหลือพ่อไว้นะ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบรับรอง “พรุ่งนี้พวกเราจะพูดกับเขา ปลอบใจเขา”
วันรุ่งขึ้นหลังกินอาหารเช้า ก็จัดให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปเข้าเรียน ลู่เจียวตั้งใจว่าจะพาเฝิงจือไปหอยาเป่าเหอจัดการเรื่องผ่าตัดของสวี่เซี่ยนเว่ยสักหน่อย
ทว่าพอนางเพิ่งจะพาเฝิงจือเดินไปถึงเรือนด้านหน้า ก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้ามาในลานบ้านอย่างรีบร้อน สีหน้าดูไม่ดีอย่างมาก
ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ก็เข้าไปหาอย่างเป็นห่วง
“เกิดเรื่องอะไร”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงยหน้ามองลู่เจียว กล่าวน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “ก่อนหน้านี้มือปราบจ้าวมาหาข้า บอกข้าเรื่องหนึ่ง เมื่อคืนวานนี้หลัวซินซื่อถูกฆ่าตาย”
ลู่เจียวพลันคิดถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ถานเสี่ยวยาเล่าว่าหลัวซินซื่อทำร้ายหลิ่วไหลตี้
ตอนนี้ผู้ชายที่ทำร้ายหลิ่วไหลตี้ตายแล้ว กรรมตามสนอง สมน้ำหน้า
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เดิมข้ากำลังหาโอกาสพูดกับเจ้าอยู่เลย หลัวซินซื่อไม่ใช่คนดี ลงมือตบตีภรรยา ข้าฟังถันเหนียงจื่อเล่าว่าหลิ่วเหนียงจื่อถูกเขาตบตีบ่อยๆ ตามตัวมีแต่บาดแผล”