มือปราบจ้าวขมวดคิ้ว พยักหน้าเคร่งเครียด “ข้าจะร่วมมือกับพวกเจ้า จากนี้พวกเจ้าคิดทำอะไรต่อ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบกล่าวว่า “ท่านมีทางหาเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพอีกคนมาพิสูจน์ศพใหม่ไหม ถึงตอนนั้นลู่เจียวก็จะขอเข้าไปดูสักหน่อย”
แม้ว่าลู่เจียวพิสูจน์ศพได้ แต่นางไม่ใช่เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพ แม้ตรวจเจอ ผู้อื่นคงไม่ยอมเชื่อ ประการที่สอง เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากให้ลู่เจียวไปสัมผัสใกล้ชิดกับศพ นางเป็นหมอ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพ
มือปราบจ้าวคิดอยู่ครู่หนึ่งรีบกล่าวว่า “ได้ ข้าหาทางไปเชิญเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพอีกคนมาพิสูจน์ศพ”
เมื่อก่อนมือปราบจ้าวมักจะไปทำคดีนอกอำเภอชิงเหอจึงได้รู้จักเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพอำเภออื่น ระหว่างอำเภอความจริงปกติก็มีเรื่องแอบแข่งขันกันอยู่ไม่น้อย ดังนั้นหากเชิญคนจากอำเภอข้างๆ มาพิสูจน์ศพที่อำเภอชิงเหอ คนผู้นั้นก็ย่อมยอมมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวกับมือปราบจ้าวแล้วก็พาลู่เจียวกลับบ้านตระกูลเซี่ย
ตลอดทางมา ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดคุยกันว่า “หากคนผู้นั้นมาพิสูจน์ศพ เจ้าให้มือปราบจ้าวบอกคนผู้นั้นสักคำว่าข้าจะตามไปดูด้วย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางอย่างเป็นห่วง “เจ้าจะกลัวไหม”
ลู่เจียวเป็นหมอ ตามหลักแล้วไม่ควรกลัว แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังคงเป็นห่วง
ลู่เจียวรีบยิ้มพลางส่ายหน้า “ข้าเป็นหมอ กลัวอะไร ไม่กลัว”
คืนนั้นมือปราบจ้าวออกจากที่ว่าการอำเภอชิงเหอก็ไปอำเภอข้างๆ เชิญเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพมาคนหนึ่ง จากนั้นก็ไปหานายอำเภอขอหนังสืออนุญาตพิสูจน์ศพใหม่อีกครั้ง
นายอำเภอหูย่อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่รองนายอำเภอหยางไม่พอใจ ลุกออกมาขวางเรื่องนี้
“มือปราบจ้าว เจ้าหมายความว่าอย่างไร งานในอำเภอชิงเหอข้า ทำไมต้องไปรบกวนเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพอำเภออื่น เจ้าจะให้ข้าเอาหน้าอำเภอชิงเหอไปไว้ที่ไหน”
มือปราบจ้าวสีหน้าเคร่งเครียดดุดัน มองรองนายอำเภอหยาง กล่าวว่า “นี่คือคดีฆ่าคนตาย ข้าเป็นมือปราบ หลิ่วไหลตี้ยืนยันว่าโดนใส่ร้าย ว่าตนเองไม่ได้ฆ่าหลัวซินซื่อ ข้าเชิญคนมาตรวจอีกครั้งเพื่อแสดงการให้ความสำคัญกับคดีนี้ ทำไมหรือ ข้าทำผิดหรือ รองนายอำเภอไม่เห็นความสำคัญของชีวิตคนหรือ”
รองนายอำเภอหยางสีหน้าไม่ดีอย่างมาก เขารู้สึกว่าระยะนี้มือปราบจ้าวแอบเอาเรื่องเขา นี่หมายความว่าอย่างไร
แววตารองนายอำเภอหยางดำทะมึน จากนั้นก็หัวเราะกลบเกลื่อนกล่าวกับมือปราบจ้าวว่า “มือปราบจ้าว ข้าทำไปก็เพื่ออำเภอชิงเหอเรา หากให้เจ้าหน้าที่อำเภออื่นมาพิสูจน์ศพ จะไม่ขายหน้าอำเภอชิงเหอเราหรือ นับประสาอันใดกับเจ้าให้คนผู้นี้มาตรวจซ้ำอีกครั้ง นี่จะบอกว่าเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพซ่งของเราไร้ความสามารถใช่ไหม เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพซ่งคงโมโหมาก เขาเป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพคนเดียวของอำเภอชิงเหอเรา หากเขาโมโหแล้วลาออกไป จะทำอย่างไร”
รองนายอำเภอหยางพยายามกล่อมเหมือนหวังดี นอกประตู เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพซ่งก็บุกเข้ามา เสียงดังว่า “มือปราบจ้าว เจ้าหมายความว่าอย่างไร ไม่เชื่อความสามารถพิสูจน์ศพข้าหรือ จึงได้ไปเชิญคนอื่นมาพิสูจน์ซ้ำ เจ้าทำอย่างนี้ข้าจะอยู่ที่ทำการอำเภอชิงเหอต่อไปได้อย่างไร หากเจ้าให้ผู้อื่นพิสูจน์ ข้าก็จะลาออกจากงานเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพอำเภอชิงเหอ”
มือปราบจ้าวหันไปมองเจ้าหน้าที่ซ่ง “นี่เจ้าหน้าที่ซ่งข่มขู่ข้าหรือ ข้าอยากถามเจ้าสักคำ หน้าเจ้าสำคัญหรือว่าชีวิตคนสำคัญ หลิ่วไหลตี้บอกว่าโดนใส่ร้าย ข้าก็ไปเชิญเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพอำเภออื่นมาพิสูจน์อีกครั้งให้รอบคอบ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องนี้ของข้าขัดขวางอะไรพวกเจ้าสองคน ทำไมแต่ละคนถึงโดดออกมาขวาง”
มือปราบจ้าวกล่าวจบก็พลันหรี่ตามองรองนายอำเภอหยางกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพซ่ง กล่าวว่า “ในเรื่องนี้คงไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ข้าไม่รู้กระมัง”
รองนายอำเภอหยางกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพซ่งเริ่มหวั่นใจ ทั้งสองคนพากันส่ายหน้าปฎิเสธ“เกี่ยวอะไรกับพวกเรา พวกเราแค่กลัวอำเภอชิงเหอขายหน้า”
มือปราบจ้าวแค่นยิ้มกล่าวว่า “ข้าทำเช่นนี้ ราษฎรมีแต่จะชมว่าอำเภอชิงเหอเราทำงานรับผิดชอบไว้ใจได้ เชิญคนมาพิสูจน์ศพอีกครั้งเพราะให้ความสำคัญกับการทำคดี”
มือปราบจ้าวกล่าวจบก็ไม่คิดจะคุยกับพวกเขาสองคนให้มากความ โบกมือกล่าวว่า “ข้าไปขอหนังสืออนุญาตเป็นลายลักษณ์จากนายอำเภอหูมาแล้ว ท่านทั้งสองอย่าได้มาขัดขวาง”
เขากล่าวจบก็หันหลังออกไป พาเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหวังจากอำเภอข้างๆ ไปห้องเก็บศพ
ลู่เจียวกับเฝิงจือสองคนแต่งกายเป็นชายเดินตามมาด้านหลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหวังไปยังห้องเก็บศพ
มือปราบจ้าวกล่าวกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหวังว่า ลู่เจียวอยากเรียนรู้เรื่องพิสูจน์ศพ จะตามไปดูด้วย
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหวังมองลู่เจียวกับเฝิงจือมองแล้วมองอีกอย่างไม่อยากจะเชื่อ เรียนอะไรไม่เรียน จะมาเรียนพิสูจน์ศพ เมื่อก่อนที่เขาเรียนก็เพราะหาทางอื่นไม่ได้แล้ว กอปรกับเรียนรู้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหวังอดเกลี้ยกล่อมลู่เจียวตลอดทางที่เดินมาไม่ได้ “เจ้าอายุน้อยๆ เรียนอะไรไม่เรียน จะมาเรียนพิสูจน์ศพนี่ให้ได้ ข้าบอกเจ้านะ เจ้าไปเรียนอย่างอื่นเถอะ อย่ามาเรียนพิสูจน์ศพเลย อาชีพนี้ไม่มีเงิน ยังทำงานหนัก ทั้งเหนื่อยทั้งลำบาก ดึกดื่นเที่ยงคืนมีคนตาย เจ้าก็ต้องตะกายตื่นขึ้นมากลางดึก ประเด็นสำคัญก็คือยังต้องเผชิญกับศพเน่าเหม็น บางครั้งทำเอากินข้าวไม่ลง”
ลู่เจียวได้ฟังเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหวังก็แอบนึกยินดีที่นางเองตอนนั้นไม่ได้ไปสอบทำงานที่ศาล แต่เลือกเป็นหมอ
“วันนี้ข้าอยากไปดูหน่อย หากไม่ได้ วันหน้าก็จะเปลี่ยนเส้นทาง”
เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหวังมองลู่เจียวอย่างชื่นชม รู้สึกว่าตนเองได้สร้างกุศลช่วยเหลือหนุ่มน้อยที่กำลังจะก้าวพลาด
“งั้นก็ไปดูกัน รับรองว่าเจ้าเห็นแล้ว วันหน้าต้องไม่อยากเรียนทางนี้แล้ว”
“ขอบคุณเจ้าหน้าที่หวังแล้ว”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
ทุกคนเดินตรงไปยังห้องเก็บศพ
แม้ว่าหลัวซินซื่อถูกฆ่าตาย แต่เพราะโดนวางยาสลบ ดังนั้นใบหน้าจึงไม่ได้มีสีหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวด เขาเหมือนนอนหลับอยู่ และศพตอนนี้ยังไม่มีรอยจ้ำช้ำเลือดช้ำหนอง นอกจากหน้าอกมีบาดแผลเปื้อนเลือดแล้ว ที่อื่นๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมองแล้วต้องกลัว
ลู่เจียวมีสีหน้าปกติ เฝิงจือก็โล่งอก เดิมนางยังกลัวอยู่ คนถูกฆ่าจะไปน่ามองได้อย่างไร แต่พอมองแล้วก็รู้สึกว่าพอได้อยู่ พอรับได้
เจ้าหน้าที่หวังเข้ามาในห้องเก็บศพก็เริ่มพิสูจน์ศพ เขาพิสูจน์ศพอย่างเต็มความสามารถ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ตรวจสอบละเอียดทุดจุด สุดท้ายแน่ใจว่าบาดแผลที่หน้าอกคนตายก็คือรอยคมมีดที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต บนตัวเขาไม่มีบาดแผลอื่น
“ดูท่าเป็นหญิงผู้นั้นสังหารจริง”
เจ้าหน้าที่หวังถอนหายใจกล่าวว่า ลู่เจียวข้างๆ ทำทีเป็นขอความรู้เจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหวัง
“เจ้าหน้าที่หวัง ข้าได้ยินคนบอกว่าตอนนั้นภรรยาเขานอนอยู่ด้านในของเตียง ท่านพี่นางนอนอยู่ด้านนอก ท่านว่าหากนางฆ่าสามีตน ร่องรอยลงมือนี้มีปัญหาหรือไม่ เช่น น้ำหนักมีด ตามสภาพธรรมชาติแรงกดน่าจะมาจากด้านใน”
ลู่เจียวพูดขึ้น ดวงตาเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพหวังพลันส่องประกาย รีบเริ่มลงมือตรวจสอบ สุดท้ายแน่ใจว่าแรงกดบาดแผลเอียงมาจากด้านนอก นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามือสังหารตอนนั้นยืนแทงจากข้างเตียง แต่ภรรยาเขานอนด้านในเตียง ตอนนั้นนางถูกคนพบ ยังตัวสั่นงันงกกำมีดนอนอยู่ด้านในเตียงอยู่เลย
เจ้าหน้าที่หวังตรวจพบตรงนี้แล้วก็ตรวจศพละเอียดอีกที กล่าวว่า “มือสังหารน่าจะเป็นคนอื่น น่าจะเป็นผู้ชาย หากผู้หญิงฆ่าคนจะหวาดกลัว ทำให้ตอนลงมือไม่เด็ดขาด ดังนั้นบาดแผลจะไม่เฉียบคมพอ เหลือร่องรอยลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่บาดแผลนี่ไม่เพียงแต่แรงกดมาจากด้านนอก คนลงมือยังแทงอย่างไม่ลังเล และแรงหนักมาก มือสังหารน่าจะเป็นวิชายุทธ์”