ในห้องโถง ลู่เจียวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กินข้าวอยู่ก็พลันมีสีหน้าแปรเปลี่ยน หันไปมองลู่กุ้ยพร้อมกันทันที
“เขาบาดเจ็บได้อย่างไร”
“ท่านพ่อเป็นอะไร เป็นอะไร”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตกใจร้องไห้ ไม่กินข้าวกันแล้ว ไถลตัวลงจากเก้าอี้วิ่งไปถามลู่กุ้ยอย่างร้อนใจ
ลู่กุ้ยรีบกล่าวว่า “น้าเองก็ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ลู่เจียวลุกเดินออกไป เดินไปได้สองก้าวก็สั่งการเฝิงจือว่า “ไปเอาล่วมยาข้ามา”
แม้ว่าลู่เจียวมีห้วงอากาศ แต่เพื่อไม่ให้เด่นชัดเกินไป นางต้องเตรียมล่วมยาไปด้วย ในนั้นมีอุปกรณ์ผ่าตัดและยาที่ใช้บ่อย
เฝิงจือได้ฟังรีบหันหลังกลับห้องไปหยิบล่วมยาตามไป
ลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เดินมาถึงเรือนด้านหน้า
ตลอดทางมา เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็เอาแต่ถามลู่กุ้ยไม่หยุด “น้าเล็ก ท่านพ่อบาดเจ็บตรงไหน”
“บาดเจ็บที่ขาหรือเปล่า”
“ท่านพ่อจะเดินได้อีกไหม”
ลู่กุ้ยอธิบายกล่าวว่า “ครั้งนี้พี่เขยบาดเจ็บน่าจะไม่ถึงกระดูก ได้ยินว่ามือปราบจ้าวช่วยเอาไว้ ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส”
ลู่เจียวร้อนใจอย่างมาก พร้อมกับครุ่นคิดรวดเร็ว เจ้าคนที่วางอุบายเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ในที่ลับเริ่มลงมืออีกแล้วหรือ
ทุกคนเพิ่งเข้ามาในห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็ได้ยินเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวขอบคุณมือปราบจ้าว “วันนี้ต้องขอบคุณมือปราบจ้าวที่ช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าข้าคงเสียเปรียบแล้ว ขอบคุณมาก”
มือปราบจ้าวกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “อวิ๋นจิ่นไม่ต้องเกรงใจ บาดแผลเจ้ารีบให้ลู่เหนียงจื่อรักษาให้โดยเร็วจะดีกว่า อย่าได้ปล่อยให้ติดเชื้อเข้า แม้ว่าไม่ได้ลึกถึงกระดูก แต่บาดแผลก็ใหญ่มาก หากติดเชื้อเข้าก็จะยุ่งยากมาก”
มือปราบจ้าวเพิ่งกล่าวจบ ลู่เจียวก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่กับลู่กุ้ยเดินเข้าประตูมา
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบไปที่ข้างเตียง แย่งกันถามว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อบาดเจ็บตรงไหน ตรงไหนหรือ”
“น้าเล็กว่าแขนท่านพ่อเจ็บ ไม่ใช่ขา”
“มือเขียนหนังสือได้ไหม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เป็นห่วง คิดถึงว่าก่อนหน้านี้ตอนอัมพาตนอนอยู่บนเตียงแล้วเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ต้องมาดูแลเขาแล้ว ในใจก็อดอ่อนไหวไม่ได้ ปลอบใจเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างอ่อนโยนว่า “พวกเจ้าอย่าได้เป็นห่วง พ่อแค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก”
ลู่เจียวรีบเข้าตรวจดูเซี่ยอวิ๋นจิ่น พบว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บลึกถึงกระดูกจริงๆ เพียงแค่ภายนอก แม้ดูแล้วน่ากลัว แต่ความจริงไม่ได้เป็นอะไรมาก
ลู่เจียวจึงได้วางใจลง หันหน้าไปกล่าวขอบคุณมือปราบจ้าว “ขอบคุณมือปราบจ้าวที่ช่วยชีวิตท่านพี่ไว้”
มือปราบจ้าวโบกมือ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ลู่เหนียงจื่อรีบจัดการบาดแผลให้อวิ๋นจิ่นก่อนดีกว่า จะได้ไม่ติดเชื้อทำให้บาดแผลเป็นมากขึ้นอีก”
ลู่เจียวเห็นมือปราบจ้าวร้อนใจบาดแผลเซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งกว่านาง ก็อดมองเขาอีกสองสามทีไม่ได้
ก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกว่ามือปราบจ้าวใส่ใจและดีกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาก ตอนนี้ดูท่าเป็นเช่นนี้จริง
หรือว่าในเรื่องนี้ยังมีอะไรซ่อนอยู่
ลู่เจียวครุ่นคิดในใจ แต่ก็หันไปทำบาดแผลให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นแขนที่ได้รับบาดเจ็บออกไปให้นางอย่างไม่อิดออด
บาดแผลบนแขนเขาดูแล้วเปรอะเปื้อนเละเทะไปหมด เนื้อหนังเปิดจนน่าตกใจมาก
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นแล้วก็น้ำตาไหลพราก
แต่ลู่เจียวเห็นแล้วก็โล่งอก ยังดีที่ไม่ถึงกระดูก นางกวักมือเรียกเฝิงจือเอาล่วมยาเข้ามา นางหยิบยาออกมาจัดการบาดแผลให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยืนดูอยู่ในห้องไม่พูดไม่จา ไม่ได้ส่งเสียงสักนิด
ลู่เจียวจัดการบาดแผลให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นไปพลางถามเบาๆ ว่า “ใช่คนที่ทำร้ายเจ้าก่อนหน้านี้ผู้นั้นลงมืออีกครั้งหรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่ ดูจากการลงมือที่รอบคอบอย่างมากแล้ว คนเมื่อคืนนี้เห็นได้ชัดไม่ใช่คนที่วางอุบายข้าก่อนหน้านี้ ตอนนั้นคนผู้นั้นน่าจะไม่ได้มีความสามารถอะไร ทุกครั้งล้วนฉวยโอกาสที่ข้าไม่ทันระวัง แต่เมื่อคืนนี้คนที่คิดลงมือสังหารข้าส่งคนที่เป็นวิชายุทธ์มาลงมือกันหลายคน การลงมือเช่นนี้ดูแล้วน่าจะไม่ใช่คนธรรมดา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็ชะงักไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ข้าสงสัยว่ามีคนแพร่งพรายเรื่องที่ข้าไปเป็นที่ปรึกษาหลังม่านของนายอำเภอหู คนผู้นั้นกลัวว่าข้าจะเปิดโปงโฉมหน้าอำเภอชิงเหอที่ภายนอกดูสงบ ดังนั้นจึงลงมือก่อน”
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นพูด ลู่เจียวก็ขมวดคิ้วทันที “เจ้าเป็นที่ปรึกษาหลังม่านของนายอำเภอหู เรื่องนี้เป็นความลับมาก ทำไมแพร่งพรายออกไปได้”
นอกจากมือปราบจ้าว ก็มีแต่ครอบครัวนายอำเภอหู และอีกครอบครัวก็ครอบครัวสวี่เซี่ยนเว่ย ไม่มีครอบครัวอื่นรู้แล้ว
หากว่ามีคนแพร่งพรายออกไป ก็ต้องเป็นคนในครอบครัวเหล่านี้แล้ว
คนรับใช้พวกนางยังไม่รู้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นที่ปรึกษาหลังม่านให้นายอำเภอ
ในห้องมือปราบจ้าวรีบกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่ได้พูดออกไปสักคำเดียว แม้แต่กับคนในครอบครัวข้าเองก็ไม่ได้พูด”
เช่นนั้นคนที่แพร่งพรายความลับออกไป ไม่ใช่ตระกูลหูก็ตระกูลสวี่?
เรื่องนี้ย่อมต้องตรวจสอบให้ละเอียด กล้าวางอุบายเล่นงานพวกเขา พวกเขาไม่อาจปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้ได้ อีกอย่าง คนผู้นั้นแอบอยู่ในที่ลับ หากวันหน้าพวกเขาทำการอะไรเพียงเล็กน้อยแล้วถูกแพร่งพรายออกไปทันที พวกเขายังจะไปทำอะไรได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปแจ้งตระกูลหูกับตระกูลสวี่ ต้องสืบให้กระจ่างว่าผู้ใดแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป”
เขากล่าวจบก็มองไปยังลู่เจียวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทันที กล่าวว่า “ระยะนี้ พวกเจ้าก็อยู่บ้าน อย่าออกไปไหน ไม่เช่นนั้นอาจประสบเหตุลอบสังหารได้”
ลู่เจียวสีหน้าหนักใจทันที ตัวนางนั้นก็แล้วไปเถิด นางเป็นห่วงเจ้าหนูน้อยทั้งสี่จะโดนอีกฝ่ายเล่นงาน
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
ตกค่ำ ลู่เจียวเป็นห่วงบาดแผลที่แขนเซี่ยอวิ๋นจิ่นติดเชื้ออักเสบแล้วจะมีไข้ ดังนั้นจึงอยู่เฝ้าเขาในห้อง อย่างไรเมื่อก่อนนางกับเขาก็เคยนอนด้วยกัน นอนบนเก้าอี้นอนในห้องเขาก็พอ
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เองก็คิดอยู่ดูแลเซี่ยอวิ๋นจิ่นในห้อง แต่ลู่เจียวกล่อมให้กลับไป
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับไปนอนเรือนด้านหลังด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นในห้องแอบดีใจ แต่พอเห็นลู่เจียวไปนอนบนเก้าอี้นอนก็ทนไม่ไหว สุดท้ายจึงได้เอ่ยออกไปด้วยท่าทางเหมือนไม่ได้ใส่ใจนักว่า “เจ้านอนเก้าอี้นอนน่าจะไม่สบาย หรือว่ามานอนบนเตียงด้วยกัน”
เขากล่าวจบก็ทำสีหน้าจริงจัง กล่าวว่า “วางใจ พวกเรานอนคนละครึ่ง ข้าไม่มีนิสัยนอนดิ้น”
ลู่เจียวเร่งให้เขารีบนอน “รีบนอนเถอะ ข้านอนตรงนี้สบายมาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังจะคิดพูดอะไร แต่ลู่เจียวหลับตาพักผ่อนแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้แต่เลยตามเลย
ในห้องแสงมืดสลัว ทั้งสองคนแม้ว่าหลับตาอยู่ในสภาพนอนพักผ่อน
แต่ในใจยากจะสงบลงได้ เมื่อก่อนทั้งสองคนนอนห้องเดียวกันยังสงบจิตใจได้ราวกับสายน้ำนิ่ง แต่ตอนนี้ในใจกลับวุ่นวาย จู่ๆ พลันนอนไม่หลับ
สุดท้ายลู่เจียวทนไม่ไหวเอ่ยขึ้นว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าว่าคนที่แพร่งพรายเรื่องที่เจ้าเป็นที่ปรึกษาหลังม่านของนายอำเภอหูออกไป เป็นคนตระกูลหูหรือคนตระกูลสวี่?”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นวิเคราะห์ละเอียดแล้วก็กล่าวว่า “ข้าสงสัยว่าเป็นคนในตระกูลสวี่ บ้านนายอำเภอหูคนน้อย และเรื่องที่ข้าเป็นที่ปรึกษานายอำเภอ นายอำเภอหูก็สั่งคนที่รู้แล้วว่าไม่ให้ใครพูดถึงเรื่องออกนี้ ตระกูลหูมีความหวังอย่างมากว่าข้าจะช่วยอำเภอชิงเหอทลายภาพสงบภายนอกนี้ลง พวกเขาควรจะรอบคอบอย่างมาก ย่อมไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปง่ายๆ”
“แต่ตระกูลสวี่กลับแอบวุ่นวายอยู่สักหน่อย ไม่เพียงแต่คนรับใช้ไร้ระเบียบ ในจวนยังเลี้ยงดูอนุมากมายขนาดนั้น ไม่แน่ว่าสวี่เซี่ยนเว่ยกับจางเหนียงจื่อคุยกันแล้วมีคนรับใช้หรืออนุคนไหนได้ยินเข้า”