Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1776 คนเดียวกำราบสวรรค์ดำเนิน

ตอนที่ 1776 คนเดียวกำราบสวรรค์ดำเนิน

ทะเลเมฆลอยล่อง ยืนอยู่บนยานขนส่งอวกาศสามารถมองเห็นเขาขลุ่ยหิมะแต่ไกล รวมถึงสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่เรียงรายกันบนภูเขา

นั่นเป็นที่อยู่ของสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน เป็นสถานที่ที่ผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนของโลกลำนำสวรรค์ทำได้เพียงชื่นชม

หนานชิวแววตาเลื่อนลอย อึ้งงันตื่นตะลึง

มาถึงที่นี่จริงๆ นางจึงรู้สึกถึงความตื่นเต้นและกดดันอย่างบอกไม่ถูก

สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน!

สำหรับนางที่เติบโตในโลกลำนำสวรรค์ตั้งแต่เด็ก ที่นี่ราวกับแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง สูงส่งไม่อาจเอื้อม ไม่อาจดูถูกได้

ทว่าวันนี้หลินสวินพานางมา ยิ่งไปกว่านั้นยังปรากฏตัวเหนือห้วงอากาศอย่างเปิดเผยเช่นนี้!

 กลัวไหม 

หลินสวินถามเสียงเบา

หนานชิวพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า ดูสับสนมาก

หลินสวินถอนหายใจเบาๆ  ยัยโง่ ตอนที่สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินฉีกสัญญาหมั้นหมาย เคยห่วงความรู้สึกของเจ้าหรือไม่ ตอนที่มู่ซิวหย่วนเขียนหนังสือถอนหมั้น เคยคิดถึงความรู้สึกของเจ้าหรือไม่ 

หนานชิวขอบตาแดงก่ำขึ้นมาทันที ความเดือดดาลที่อัดอั้นในใจมานานพุ่งออกมาราวกับภูเขาถล่มมหาสมุทรซัดสาด นางสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่งพร้อมพูดว่า  ข้าไม่เคยชอบเขา ข้าเพียงเกลียดที่เหตุใดเขาต้องใช้วิธีเช่นนี้ดูหมิ่นข้า เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของข้า ต่อไปข้าจะสู้หน้าคนได้อย่างไร 

หลินสวินพูดอย่างอ่อนโยน  ถูกต้องแล้ว พวกเขาทำผิดก็ต้องชดใช้ความผิดที่ทำ 

 ใครกันที่กล้าขนาดนี้ ถึงกับกล้าเคลื่อนตัวทางอากาศโดยพลการ! 

เสียงตะโกนดังมาจากเขาขลุ่ยหิมะที่อยู่ไกลออกไป

ครืนโครม!

ทะเลเมฆพลิกตลบแตกกระจาย แสงกระบี่สายหนึ่งทลายห้วงอากาศราวกับรุ้งเทพทะยานเข้ามา และเปลี่ยนเป็นชายในชุดแขนกว้างคนหนึ่ง

เท้าของเขาเหยียบกระบี่บิน เสื้อผ้าโบกสะบัด ผมยาวพลิ้วไหว ปราณกระบี่ทั่วตัวอึงอล ดุดันน่ากลัว

ในเมืองใต้ภูเขามีเสียงกู่ร้องด้วยความยินดีดังขึ้นระลอกหนึ่ง

 เป็นตวนมู่เจียง มกุฎราชันที่โดดเด่น หนึ่งในหกผู้สืบทอดแท้จริงแห่งยุคของสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน ฝึก ‘กระบี่หมื่นเงาฟ้าดำเนิน’!’ 

 นี่ก็คือความองอาจของผู้สืบทอดสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน สุดยอดจริงๆ! 

 ฮ่าๆๆ เจ้าหมอนั่นซวยแน่ ขับยานสมบัติบินกลางอากาศอย่างเปิดเผย ไม่ใช่รนหาที่ตายหรือ 

ภายใต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ตวนมู่เจียงเคลื่อนสายตามองหลินสวิน แววตาแหลมคมราวปลายกระบี่ เอ่ยพูดกดดัน

 ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าได้ทำผิดกฎที่สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินของข้าตั้งไว้แล้ว ให้โอกาสเจ้ากลับใจไถ่โทษครั้งหนึ่ง ไม่เช่นนั้น ตาย! 

น้ำเสียงเย็นชา

ในโลกลำนำสวรรค์ สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินก็คือนายเหนือหัว เป็นผู้ปกครองสูงสุด นี่ทำให้ตวนมู่เจียงเผยความแข็งกร้าวอย่างที่สุด โอหังเต็มเปี่ยม

 ตายหรือ 

หลินสวินยิ้ม ผู้สืบทอดสำนักในแดนดินแห่งหนึ่งเท่านั้น กลับเผด็จการเช่นนี้ ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยจริงๆ

 ดูท่าว่าเจ้าจะไม่คิดแก้ไขข้อผิดพลาดสินะ! 

ตวนมู่เจียงสีหน้าเย็นเยียบ เสียงสวบดังขึ้นคราหนึ่ง กระบี่บินใต้เท้าพุ่งออกไป กลายเป็นรุ้งยาวทะลวงอากาศ ฟันยานขนส่งอวกาศจากไกลๆ

หลินสวินดีดนิ้วคราหนึ่ง

ปัง!

กระบี่บินระเบิดแหลก

ร่างของตวนมู่เจียงสั่นระริก กระอักเลือดออกมาทันที เขาตกใจจนหน้าถอดสี ตระหนักได้ถึงความผิดปกติจึงหมุนตัวหนีทันที

แต่สายไปแล้ว

หลินสวินจับคว้าผ่านห้วงอากาศลวกๆ ร่างของตวนมู่เจียงก็ถูกบีบแน่นราวกับลูกไก่ เสียงพรูดดังขึ้นคราหนึ่ง ร่างอีกฝ่ายระเบิดออกกลางอากาศ

ฝนเลือดสาดพรม

หนานชิวเบิกตาโต ในใจสับสนอลม่าน แข็งแกร่งมาก!

ในเมืองด้านล่างเงียบกริบ ผู้ฝึกปราณที่ตอนแรกมีท่าทางชมดูความครื้นเครง ตอนนี้แต่ละคนสีหน้าแข็งทื่อ อึ้งจนพูดไม่ออก

ฝ่ามือเดียว บีบตวนมู่เจียงตาย!?

ควรรู้ว่านี่เป็นถึงหนึ่งในหกผู้สืบทอดแท้จริงที่ยิ่งใหญ่ของสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน!

 เจ้าหมอนี่… เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาดี  มีคนพูดเสียงสั่น

 เขาเป็นใคร เหตุใดที่ผ่านมาไม่เคยเห็นมากก่อน 

ครู่หนึ่งในเมืองก็ราวกับหม้อเดือด โกลาหลแตกตื่นอย่างสิ้นเชิง แววตาที่ทุกคนมองหลินสวินต่างแฝงความประหลาดใจ

และตอนนี้หลินสวินเก็บยานขนส่งอวกาศแล้ว เอ่ยออกมาว่า

 มู่ซิวหย่วนอยู่ไหน ไสหัวออกมา! 

ประโยคเดียวราวกับฟ้าคำราม สะเทือนชั้นเมฆสิบทิศจนแหลก ดังกระจายกึกก้อง ฟ้าดินราวกับสั่นไหวขึ้นมา

ผู้ฝึกปราณไม่น้อยรู้สึกเพียงเสียงวิ้งๆ ในหัว ทรมานจนแทบจะกระอักเลือด!

 มู่ซิวหย่วน… เขาถึงกับมาหามู่ซิวหย่วน!  และมีหลายคนร้องด้วยความตกใจ

ในเมืองยิ่งแตกตื่น ศึกราชันลำนำสวรรค์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว บริเวณเขาเทพขลุ่ยหิมะมีผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่มารวมตัวตั้งนานแล้ว

ใครก็คิดไม่ถึงว่าในเวลาเช่นนี้ กลับมีคนทะยานมาทางอากาศ ปรากฏตัวหน้าประตูภูเขาสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน ทั้งยังทำการท้าทายด้วย!

นี่น่าตกใจเกินไปแล้ว สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินเป็นถึงขุมอำนาจใหญ่อันดับหนึ่งของโลกลำนำสวรรค์ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเรื่องสะท้านสะเทือนเช่นนี้มาก่อน

 น่าสนใจ กี่ปีแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นคนกล้ามาท้าทายถึงที่ 

เสียงหนักแน่นแฝงความเย็นเยียบดังขึ้น

บนเขาขลุ่ยหิมะ แสงสีแดงเข้มสายหนึ่งทะลวงอากาศเข้ามา แล้วพลันเปลี่ยนเป็นเงาร่างชายชราที่รูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อคลุมสีแดง อำนาจแผ่ออกมาท่วมฟ้า

 ผู้อาวุโสจั๋วหมิง! 

ผู้ฝึกปราณจำนวนมากในเมืองจำเขาได้ ชายชราชุดคลุมแดงคนนี้คือผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน ฉายา ‘อริยะกระบี่หมอกแดง’ อุปนิสัยรุนแรงราวกับไฟ สังหารคนนับไม่ถ้วน

ข้างหลังจั๋วหมิงยังมีชายหญิงกลุ่มหนึ่งติดตามมา ล้วนเหยียบกระบี่บินไว้ใต้ฝ่าเท้า บุคลิกลักษณะไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนโดดเด่น

ทอดสายตามองจากไกลๆ ราวกับว่าบนทะเลเมฆมีเซียนกระบี่กลุ่มหนึ่งปรากฏตัว โดดเด่นสะดุดตา

การเคลื่อนกำลังคนเช่นนี้ ทำเอาผู้ฝึกปราณในเมืองต่างตกใจ รู้ว่าคำพูดเมื่อครู่นี้ของหลินสวินได้ทำให้สำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินเดือดดาลแล้ว

ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ในสถานการณ์เช่นนี้หลินสวินราวกับมองไม่เห็น สีหน้าไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง ยังคงราบเรียบ

เขาถามเพียงว่า  ใครคือมู่ซิวหย่วน 

 กำเริบ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ศิษย์พี่มู่เป็นบุคคลระดับไหน ใช่คนที่ใครๆ ก็สามารถเจอได้ง่ายๆ หรือ 

หญิงชุดเขียวคนหนึ่งตวาด

หลินสวินมองไป ในดวงตาวาบประกายศักดิ์สิทธิ์ ราวกับปราณกระบี่คู่หนึ่งตัดสลับ พุ่งโฉบออกไปทันใด

พรวด!

หญิงชุดเขียวถูกฆ่าตายคนที่ เลือดสดสาดกระเซ็นสูงยิ่ง

ในที่นั้นพลันเงียบกริบ

แม้แต่ในเมืองยังปกคลุมด้วยบรรยากาศกดดันจนยากหายใจ

หลินสวินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว พูดไม่เข้าหูก็ฆ่าทันที ไม่สนใจสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินอะไรทั้งนั้น วิธีที่เผด็จการเช่นนี้ทำเอาผู้คนต่างสะท้านขวัญ

หนานชิวอึ้งงันอยู่กับที่ คิดจนหัวแตกนางก็คิดไม่ถึงว่า ‘พี่ชายน้อยหลิน’ ที่อยู่ข้างกายตนคนนี้ลงมือขึ้นมากลับน่ากลัวเพียงนี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น

เขา… แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่

 ไม่อยากตายก็ให้มู่ซิวหย่วนไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้ 

หลินสวินเสียงราบเรียบ นัยน์ตาดำลึกล้ำ เอามือไพล่หลัง กลิ่นอายบนร่างแทบจะไม่มี ราบเรียบจนถึงขั้นไม่สะดุดตา

นี่ก็คือทักษะการใช้พลังที่เคี่ยวกรำออกมาได้ในหกปีที่อยู่ในฟ้าดาราอันเวิ้งว้างนั่น เวลาไม่ใช้จะไม่สูญเสียงพลังแม้แต่เสี้ยวเดียว

แต่เมื่อลงมือ จะเป็นการโจมตีปานฟ้าผ่าหมื่นสาย!

 เจ้า… ช่างกล้านัก! 

สีหน้าของจั๋วหมิงคล้ำเขียว ฆ่าคนต่อหน้าต่อตาเขา เขากลับตอบสนองไม่ทัน นี่ทำให้เขาอับอายจนกลายเป็นเดือดดาล

ตูม!

เขาลงมืออย่างไม่ลังเล ปราณกระบี่ทรงพลังที่แดงเพลิงราวกับฝนทะยานฟ้า ปลดปล่อยไอเข่นฆ่าเหี้ยมโหดไร้สิ้นสุดออกมา

อริยะคนหนึ่งเดือดดาล เลือดไหลปานสายธาร

อริยะกระบี่หมอกแดงที่ชื่อเสียงสะเทือนโลกลำนำสวรรค์คนนี้เป็นถึงมกุฎมหาอริยะ ยามลงมืออานุภาพย่อมไม่ธรรมดา

เห็นเช่นนี้คนไม่น้อยต่างลอบถอนหายใจ คิดว่าจุดจบถูกกำหนดแล้ว

ทว่าครู่ต่อมาภาพที่ทำให้ทุกคนหวาดหวั่นก็เกิดขึ้น…

ก็เห็นหลินสวินทำมุทราลวกๆ ปราณกระบี่แดงเพลิงทรงพลังที่โจมตีเข้ามาก็ถูกกักไว้กลางอากาศอย่างแน่นหนา

จากนั้นเสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศ ราวกับดอกไม้ไฟระเบิดสว่างไสว เกิดพลังโจมตีสะท้านใจคน

 นี่… 

ทุกคนต่างอึ้งงัน

 ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง 

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เสียงตูมดังขึ้นคราหนึ่ง ประทับปี้อั้นควบรวบออกมา กดข่มลงจากท้องฟ้า ปิดฟ้าคลุมตะวัน อานุภาพรุนแรง

จั๋วหมิงตกใจจนหน้าถอดสี ในที่สุดก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง  แย่แล้ว เจ้า… เจ้าคือ… 

ตูม!

ครู่ต่อมาเขาถูกประทับปี้อั้นกำราบ กระแทกแหลกเละ ฝนเลือดพลันกระเซ็นกลางอากาศ

อริยะกระบี่ที่อานุภาพสะเทือนโลกลำนำสวรรค์คนหนึ่ง กลับตายเช่นนี้!

ทุกคนต่างเบิกตาโพลง แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง นี่เป็นถึงมกุฎอริยะคนหนึ่ง แต่กลับต้านการโจมตีเดียวของชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้หรือ

เหลือเชื่อเกินไป

เหล่าชายหญิงที่ติดตามจั๋วหมิงมา ตอนนี้ต่างหน้าซีดขาว เหงื่อเย็นท่วมตัว แววตาที่มองไปยังหลินสวินประหนึ่งมองเห็นเทพมาร

จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาถึงตระหนักได้ว่า คู่ต่อสู้ที่มาครั้งนี้เป็นคนน่ากลัวเพียงใด ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถต้านทานได้!

 ไม่อยากตายก็ไปตามมู่ซิวหย่วนมา 

หลินสวิน้เหลือบมองชายหญิงเหล่านั้นแวบหนึ่ง แววตาเย็นชา ราวกับมองมดปลวกที่ไม่รู้จักหนักเบาฝูงหนึ่ง

ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ แม้มีพลังเพียงสองส่วนของพลังทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่ว่าอริยะคนใดจะท้าทายได้

ทันในนั้นเสียงแก่ชราก็ดังขึ้น

 สหายยุทธ์ท่านนี้ ข้ากงหยางฉี่ หากสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนินของพวกเราล่วงเกินตรงไหนขอให้แจ้งมา 

จากนั้นชายชราที่มีสง่าราศี เงาร่างผอมตอบคนหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ ดวงตาทั้งคู่สาดประกายศักดิ์สิทธิ์

ในเมือง ผู้ฝึกปราณทุกคนต่างสูดหายใจด้วยความตกใจ

กงหยางฉี่!

เจ้าสำนักกระบี่สวรรค์ดำเนิน ระดับมกุฎมหาอริยะคนหนึ่ง!

ในเวลาเดียวกัน กงหยางฉี่ก็ถูกยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งที่ไร้ศัตรูในโลกลำนำสวรรค์ เขาก็คือนายเหนือหัวสูงสุดในโลกนี้ ฐานะสูงส่ง ที่ผ่านมาน้อยมากที่จะเห็นเขาปรากฏตัว

หนานชิวรู้สึกเพียงว่าสมองใช้การไม่ได้แล้ว แต่ละภาพที่เห็นก่อนหน้านี้และตอนนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่นางไม่กล้าคิดมาก่อน

และตอนนี้ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา!

หลินสวินมองกงหยางฉี่แวบหนึ่งแล้วขมวดคิ้วพูด  ข้าบอกว่า ให้มู่ซิวหย่วนไสหัวออกมา 

คำพูดไม่เกรงใจสักนิด

เหล่าผู้ฝึกปราณในเมืองแทบบ้าแล้ว นั่นคือกงหยางฉี่นะ ในโลกลำนำสวรรค์ใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้

กง

ที่เหนือคาดคือกงหยางฉี่กลับไม่โกรธ เขาใคร่ครวญเล็กน้อยก็ถอนใจออกมา กล่าวว่า  เอาเถอะ 

จากนั้นก็สั่งการลงไป

ไม่นานในทะเลเมฆไกลๆ แสงกระบี่ทองอร่ามสายหนึ่งโฉบพุ่ง คมประกายสะดุดตา เงาร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่บนแสงกระบี่ ทะลวงอากาศเข้ามา

คนผู้นี้ใบหน้าดั่งหยกประดับ ริมฝีปากแดงฟันขาว สวมชุดสีขาว บุคลิกโดดเด่น ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนทั่วไป

 คารวะเจ้าสำนัก 

ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึงก็โค้งกายคารวะทันที

เขาคือมู่ซิวหย่วนอย่างไม่ต้องสงสัย!

สายตาหลินสวินมองไป ใบหน้าไร้อารมณ์ ในใจกลับผิดคาดไม่น้อย

ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ระดับมกุฎราชัน มู่ซิวหย่วนด้อยกว่าอวิ๋นชิ่งไป๋ในตอนนั้นมาก

หนานชิวเองก็เงยหน้าขึ้นมอง นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจอมู่ซิวหย่วน

——

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท