Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1789 สำแดงฝีมือ

ตอนที่ 1789 สำแดงฝีมือ
อวี่อวิ๋นเหอสีหน้าประหลาดใจ “พี่หลิน หลอมอาวุธกับวางกระบวนค่ายกลล้วนเกี่ยวข้องกับวิชาสลักวิญญาณ หรือเจ้ายังเป็นนักสลักลายมรรคคนหนึ่งด้วย”
หลินสวินไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ เอ่ยว่า “รีบลงมือเถอะ”
อวี่อวิ๋นเหอรู้สึกประหลาดอยู่ตลอด เจ้าคนที่ร้ายกาจจนกำราบระดับราชันอริยะได้อย่างง่ายดายคนหนึ่ง ถึงกับยังสลักวิญญาณเป็นด้วยหรือ
แต่แม้ในใจกังขา อวี่อวิ๋นเหอก็ยังเคลื่อนไหวอย่างว่าง่าย
“คุณชายคิดจะรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการหลอมอาวุธและวางกระบวนค่ายกลทั้งหมดในห้องภารกิจไปหรือ”
ผู้ที่รับผิดชอบงานในห้องภารกิจเป็นชายชราผอมกะหร่องที่มีเคราแพะคนหนึ่ง บุคลิกน่าเกรงขาม เมื่อได้รู้จุดประสงค์ของอวี่อวิ๋นเหอก็พลันชะงักไป
อวี่อวิ๋นเหอสีหมดความอดทน “ทำไมล่ะ ไม่ได้หรือ”
ชายชราเคราแพะมีนามว่าหูหมิง เป็นคนเก่าแก่ของหอสมบัติศิลาเมฆ วัยวุฒิสูงยิ่ง เส้นสายเทียมฟ้า พลังปราณก็ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ควบคุมดูแลที่ห้องภารกิจมาโดยตลอด
แต่หลายปีมานี้เขาเพิ่งได้ยินคำขอที่น่าขันเช่นนี้เป็นครั้งแรก แทบจะสงสัยว่าอวี่อวิ๋นเหอมาหาเรื่องหรือไม่
“คุณชาย ท่านแน่ใจหรือ”
หูหมิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยถามอย่างเข้มงวด
“ไร้สาระ เจ้าหูหนวกหรือ ต้องให้ข้าพูดอีกเป็นครั้งที่สองหรือไร”
อวี่อวิ๋นเหอไม่สบอารมณ์ ต่อหน้าหลินสวินเขาดูขี้ขลาดนัก แต่เมื่อปฏิบัติกับคนอื่น ความเย่อหยิ่งอวดดีของทายาทตระกูลชั้นสูงก็เผยออกมาทันที
หูหมิงย่อมดูออกว่าอวี่อวิ๋นเหอที่มาที่ไปไม่ธรรมดา เขายิ้มเจื่อนแล้วเอ่ยว่า “คุณชาย ท่านรู้ไหมว่าภารกิจที่เกี่ยวกับการหลอมอาวุธและวางกระบวนค่ายกลมีจำนวนนับพัน ในนั้นมีภารกิจบางอย่างที่หลายพันปีมานี้ยังไม่มีใครทำให้เสร็จสิ้นได้…”
ไม่ทันพูดจบอวี่อวิ๋นเหอก็ชักสีหน้าเอ่ยว่า “เจ้าเฒ่า เจ้าพูดจาไร้สาระเยอะจริงนะ คนอื่นทำไม่ได้แล้วเกี่ยวบ้าอะไรกับข้า! หรือจะบอกว่าเจ้าดูถูกข้า”
หูหมิงเห็นดังนี้ก็รู้ว่าปรามไม่ได้ จึงเอ่ยพึมพำว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าจะเตรียมภารกิจหลอมอาวุธกับวางกระบวนค่ายกลบางอย่างให้ก่อน ถ้าคุณชายทำสำเร็จ ข้าจะไม่ขัดขวางอีกแม้แต่นิดเดียว”
อวี่อวิ๋นเหอนิ่งคิด สายตามองหาหลินสวิน เห็นว่าฝ่ายหลังพยักหน้าแล้วจึงยิ้มเหี้ยมพูดกับหูหมิงว่า “ยังอึ้งหาอะไรล่ะ รีบไปเตรียมสิ”
หูหมิงมุมปากกระตุก ในใจโมโห แต่ปากกลับพูดว่า “คุณชายรอสักครู่”
เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก็เลือกภารกิจจากจอแสงขนาดมหึมานั้นออกมาสองสามอย่างอย่างต่อเนื่อง ล้วนไม่ถือว่ายาก แต่ก็ไม่ได้ง่าย
จุดประสงค์นั้นก็ง่ายดาย คือเพื่อดูตื้นลึกหนาบางของอวี่อวิ๋นเหอ ทันทีที่ภารกิจล้มเหลว คนที่จะเสียหน้าก็ไม่ใช่หูหมิง!
ไม่นานนักบรรทัดหยกกองหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือหูหมิง เขาส่งให้อวี่อวิ๋นเหอแล้วเอ่ยว่า “ภารกิจแต่ละอย่างของคุณชายต้องมีค่าใช้จ่ายสิบผลึกมรรค ถ้าภารกิจล้มเหลวก็จะไม่คืนผลึกมรรค ขอให้ท่านรับทราบไว้ด้วย”
ความหยิ่งทระนงของอวี่อวิ๋นเหอพลันหายไปทันที ผลึกมรรคที่อยู่กับตัวเขาถูกหลินสวินเอาไปเป็นทรัพย์หลังศึกแล้วหมดแล้ว
หลินสวินเดินมาจ่ายค่ารับภารกิจให้หูหมิง
หูหมิงเอ่ยชม “ข้ารับใช้ผู้นี้ของคุณชายพอจะตามีแววอยู่บ้าง”
อวี่อวิ๋นเหิงทำตัวไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ข้ารับใช้หรือ เจ้าหมอนี่เป็นนายท่านของระดับราชันอริยะยังได้เลย!
หลินสวินยิ้มให้ ไม่ได้อธิบายอะไร
เขารับบรรทัดหยกเหล่านั้นไป จิตรับรู้แผ่เข้าไปในบรรทัดหยกเล่มหนึ่ง
นี่เป็นภารกิจหลอมอาวุธอย่างหนึ่ง เป็นนักหลอมอาวุธคนหนึ่งประกาศไว้ว่าต้องการหลอมกระบี่บินหนึ่งเล่ม วางกระบวนผนึกลายมรรคสามพันสามร้อยชั้นบนนั้น
แต่ติดปัญหายาก วัสดุทำกระบี่บินมีพอแล้ว แต่ตอนวางกระบวนค่ายกลกลับล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในบรรทัดหยกยังกล่าวถึงชื่อกระบวนผนึกลายมรรคทั้งสามพันสามร้อยชั้นนี้มาอย่างละเอียด
เงื่อนไขของภารกิจง่ายนัก ถ้าสามารถเสนอวิธีแก้ปัญหาได้ก็จะมอบผลึกมรรคห้าร้อยก้อนเป็นค่าตอบแทน
หลินสวินมองดูแค่คร่าวๆ ก็มีหลายสิบวิธีปรากฏขึ้นในสมองในชั่วพริบตา แต่ละวิธีสามารถแก้ปัญหานี้ได้ง่ายดายทั้งนั้น
ในขณะเดียวกันหูหมิงก็เอ่ยอย่างตกใจว่า “คุณชาย ข้ารับใช้ของท่านผู้นี้รู้วิชาสลักรอยวิญญาณด้วยหรือ”
อวี่อวิ๋นเหอยิ่งทำตัวไม่ถูกไปหมด เขาจะไปกล้าเป็นเจ้านายของหลินสวินได้อย่างไร
เขาฝืนยิ้ม ไม่พูดสักแอะ
และในตอนนี้เอง หูหมิงก็สังเกตเห็นว่าพอหลินสวินมองดูบรรทัดหยกเล่มที่สอง เขาก็ยิ้มขึ้นทันทีแล้วเอ่ยว่า “บรรทัดหยกเล่มแรกเป็นประกาศของผู้อาวุโสสำนักปราณศิลาเมฆคนหนึ่ง ต้องการวางผนึกสามพันสามร้อยชั้นลงบนกระบี่บินเล่มหนึ่ง คงยากอยู่บ้าง”
เขาคิดไปตามจิตใต้สำนึกว่าหลินสวินไม่มีทางแก้ภารกิจนี้ได้
อวี่อวิ๋นเหอมองดูหลินสวินอย่างอดไม่อยู่ พอเห็นว่าฝ่ายหลังสีหน้าราบเรียบไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ในใจก็ปลอบตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่ ก็ถือเสียว่าเล่นสนุกเป็นเพื่อนเจ้าหมอนี่ เขามีความสุขก็ดีแล้ว ถึงอย่างไรต่อให้สุดท้ายจะล้มเหลว ที่เสียหน้าก็ไม่ใช่ตน…
“ได้แล้ว”
เพียงครู่เดียวเท่านั้นหลินสวินก็ดึงจิตรับรู้กลับมา ทำเอาอวี่อวิ๋นเหอกับหูหมิงต่างงุนงงไปหมด
“พี่หลิน พบปัญหายุ่งยากเข้าหรือไม่”
อวี่อวิ๋นเหอเห็นดังนี้ สายตาก็มองไปทางหูหมิงอย่างชั่วร้าย “เจ้าเฒ่า เจ้าจงใจเอาพวกภารกิจที่รับมือได้ยากออกมา อยากเห็นพวกเราเป็นตัวตลกใช่ไหม”
หูหมิงเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ “คุณชาย แม้ภารกิจเหล่านี้จะไม่ง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับยากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายอย่างลืมสิว่าถ้าข้าไม่ปราม เกรงว่าพวกเจ้าต้องรับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการหลอมอาวุธกับวางกระบวนค่ายกลไปหมดแน่!”
อวี่อวิ๋นเหอพูดไม่ออกในทันใด
เห็นเขาเงียบไปในใจหูหมิงก็สะใจไม่หยุด ปากยังจงใจยุแหย่ว่า “คุณชาย อย่าลืมล่ะ ผลึกมรรคที่จ่ายมาคืนไม่ได้นะ”
อวี่อวิ๋นเหอพูดอย่างหงุดหงิด “เจ้าคิดว่าคุณชายอย่างข้าขาดเงินเท่านี้หรือไ
หูหมิงยิ้มแต่ไม่พูด
“ใครว่าข้าล้มเหลวแล้วกัน”
หลินสวินเอ่ยปาก รู้สึกขบขันอยู่หน่อยๆ เขายกมือขึ้นโยนบรรทัดหยกเหล่านั้นให้หูหมิง “วิธีแก้ไขบันทึกไว้ในนั้นหมดแล้ว เจ้ารีบยืนยันจะดีที่สุด อีกเดี๋ยวพวกเราจะไปแล้ว”
หูหมิงชะงักไปทั้งอย่างนั้น สีหน้าฉงนไปหมด แทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพียงครู่สั้นๆ เท่านั้น ภารกิจสิบกว่าอย่างก็แก้ไขได้หมดแล้วหรือ
อวี่อวิ๋นเหอก็สีหน้างุนงง หรือนี่จะเป็นเรื่องจริง
หูหมิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สังเกตบรรทัดหยกเหล่านั้นคร่าวๆ ก็พบว่าบนภารกิจแต่ละอย่างบันทึกวิธีแก้ไขไว้อย่างละเอียดแล้ว
เขาไม่กล้าร่ำไรรีบเอ่ยว่า “เด็กๆ ใช้ยันต์ส่งข่าวหมื่นลี้แจ้งผู้ประกาศภารกิจเหล่านี้ แล้วยืนยันภารกิจพวกนี้ให้ที”
คนคุ้มกันสองคนเดินเข้ามารับคำสั่งแล้วจากไป
“คุณชาย หรือข้ารับใช้ของท่านคนนี้จะเป็นปรมาจารย์สลักลายมรรคคนหนึ่ง” หูหมิงสีหน้าฉงนไปหมด กระทั่งตอนนี้เขายังไม่กล้าทำใจเชื่อนัก
อวี่อวิ๋นเหอสีหน้ามืดทะมึน กัดฟันเอ่ยแก้ว่า “ข้ารับใช้อะไร นี่เป็น… สหายของข้า! เจ้าเฒ่าอย่างเจ้ามีตาหามีแววไม่จริงๆ”
หลินสวินกลับพูดว่า “เวลามีค่า มาต่อเถอะ”
“ยังจะรับภารกิจอีกหรือไอลีน”
อวี่อวิ๋นเหองุนงง “ไม่รอภารกิจที่แก้ไปแล้วเหล่านั้นได้รับการยืนยันแล้วค่อยทำต่อหรือ”
ในใจเขาไม่สงบนัก
หูหมิงเอ่ยว่า “ใช่แล้ว เรื่องแบบนี้จะให้เกิดเหตุไม่ได้”
เขาก็สงสัยนักว่าในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ภารกิจที่หลินสวินแก้ไปเหล่านั้นจะสำเร็จหรือล้มเหลวกันแน่
หลินสวินเลิกคิ้ว เอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่ต้องรอแล้ว พวกเราจะทำต่อ”
เขาพูดพลางส่งผลึกมรรคออกมากองหนึ่ง
หูหมิงเห็นดังนี้ แม้จะฉงนใจไม่หยุดแต่ก็ยังเคลื่อนไหว เลือกเอาภารกิจกองหนึ่งให้หลินสวิน ค่าตอบแทนสูงกว่ากองที่แล้ว แต่ระดับความยากก็สูงกว่าด้วย
ครู่หนึ่งผ่านไป
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย แก้ภารกิจเหล่านั้นทั้งหมดแล้วส่งให้หูหมิง
“เร็วขนาดนี้เลยหรือ”
อวี่อวิ๋นเหอสูดหายใจเย็น
หูหมิงท่าทางเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ ตอนนี้เขาร้อนใจใคร่รู้ว่าภารกิจกองแรกที่ถูกหลินสวินแก้ไปจะสำเร็จสักกี่อย่างกันแน่
เช่นนี้เขาถึงอนุมานได้ว่าหลินสวินกำลังตั้งใจเล่นตุกติก หรือมีฝีมือจริงๆ
“ต่อไป”
หลินสวินเอ่ยกระชับได้ใจความ คร้านจะพูดพร่ำทำเพลง เวลามีค่า การหาเงินย่อมเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
“ได้”
หูหมิงกัดฟัน เคลื่อนไหวเลือกภารกิจให้หลินสวินอีกครั้ง
……
หอสมบัติศิลาเมฆเป็นหอสมบัติที่ใหญ่ที่สุดในเมืองศิลาเมฆ มีชื่อเสียงเป็นที่สุด ทุกวันต่างมีผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนมาเยือน
และเงาร่างที่ปรากฏขึ้นใกล้กับห้องภารกิจก็มีมาอย่างไม่ขาดสาย
เหตุการณ์ที่หลินสวินรับเอาภารกิจมา ไม่นานก็ถูกผู้ฝึกปราณมากมายสังเกตเห็น พากันยืนดูด้วยความสงสัยอยู่ด้านหนึ่ง
“หรือหมอนี่จะเป็นปรมาจารย์สลักลายมรรคคนหนึ่ง”
“พวกเจ้าไม่ได้เห็นว่าเขาทำภารกิจเสร็จเร็วขนาดไหน ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็ทำภารกิจเสร็จไปราวสิบอย่าง!”
“นี่พูดจริงหรือล้อเล่น”
“พูดจริงอยู่แล้ว แต่ภารกิจที่เขาทำเสร็จไปยังไม่ได้รับการยืนยัน ยังไม่อาจตัดสินได้ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เหอะๆ คราวนี้ได้ดูเรื่องสนุกแล้ว ถ้าล้มเหลวขึ้นมาต้องกลายเป็นตัวตลกแน่ แต่ถ้าสำเร็จ… ไม่แน่ว่าจะมีชื่อในคราวเดียว”
ผู้คนพากันออกความเห็น
สายตาที่มองดูหลินสวินต่างเจือแววสงสัยไม่มากก็น้อย
หลินสวินคล้ายไม่รับรู้ถึงเรื่องพวกนี้โดยสิ้นเชิง สุขุมเยือกเย็น จดจ่อแต่กับแผนการหาเงิน
อวี่อวิ๋นเหอกลับเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม สีหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย
เขาไม่ได้ใจเย็นอย่างหลินสวิน พอเห็นว่าเงาร่างที่มาดูเรื่องสนุกมีมากขึ้น ในใจเขาก็กังวลอย่างอดไม่ได้ไปครู่หนึ่ง
ถ้าเกิดภารกิจที่หมอนี่ทำเสร็จได้รับการพิสูจน์ว่าล้มเหลวหมด… ก็คงเสียหน้ายกใหญ่ ต้องกลายเป็นตัวตลกแน่
มีเพียงหนานชิวที่ยืนอยู่ข้างกายหลินสวิน ตั้งแต่ออกจากโลกลำนำสวรรค์มาจนตอนนี้ หลังจากได้ประสบกับเรื่องราวน่าเหลือเชื่อมากมาย ก็ทำให้นางเชื่อมั่นในตัวหลินสวินอย่างหน้ามืดตามัว
“คุณชายยังจะทำต่อไหม”
สุดท้ายหูหมิงก็ทนไม่ไหว ปรามว่า “ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่สองเค่อ คุณชายทำภารกิจเสร็จไปแล้วหนึ่งร้อยสิบเก้าอย่าง ไม่สู้คุณชายพักผ่อนสักหน่อย รอผลลัพธ์เสียหน่อยดีไหม”
ผู้คนที่มุงดูก็พากันพยักหน้า
ความเร็วที่หลินสวินทำภารกิจเสร็จเรียกได้ว่าน่าตกใจ ว่องไวจนน่าเหลือเชื่อ ทำเอาพวกเขามองดูจนตาลาย ทำใจเชื่อได้ยาก
หลินไม่แม้แต่จะเงยหน้า เอ่ยว่า “ไม่ต้องหรอก ทำต่อ”
หูหมิงมุมปากกระตุก เจ้าหมอนี่บ้าระห่ำจริงๆ ต่อให้ปฐมาจารย์สลักลายมรรคมาเอง เกรงว่ายังทำไม่ได้ขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ เท่านี้เลย
เขาสงสัยนักว่าหลินสวินตั้งใจเล่นตุกติกอยู่หรือเปล่า
เพราะภารกิจที่เขาช่วยเลือกให้หลินสวินในช่วงนี้ยากขึ้นทุกครั้ง ทว่าเวลาที่หลินสวินใช้ในการทำภารกิจเหล่านี้ให้เสร็จแทบไม่เปลี่ยนไปเลย!
ยังคงว่องไวปานนั้น ผ่อนคลายสบายใจปานนั้น เหมือนในสายตาเขา ความยุ่งยากพวกนั้นไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นความยุ่งยาก
“ใต้เท้าหูหมิง ผลลัพธ์แรกออกมาแล้วขอรับ!”
ทันใดนั้นคนคุ้มกันคนหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งมา สีหน้าตื่นเต้น
“อ้อ ผลลัพธ์เป็นอย่างไร”
หูหมิงก็ตื่นเต้นเช่นกัน เขารอคอยเวลานี้มานานแล้ว
อวี่อวิ๋นเหอกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก
ผู้คนที่มุงดูอยู่ใกล้ๆ ก็หูผึ่งขึ้นในขณะนี้
“สำเร็จแล้ว!”
คนคุ้มกันเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น สีหน้าประหลาดใจไปหมด
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท