Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1803 โลกผนึก

ตอนที่ 1803 โลกผนึก

ตูม!

เสียงพุ่งชนปานสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น

เงาร่างของหลินสวินนิ่งไม่ขยับ ชายชราชุดเทาที่โจมตีมาจากฝั่งตรงข้ามกลับถูกซัดสะเทือนจนเงาร่างส่ายไหว เพิ่งจะทรงตัวได้ในยามนี้

ทั้งที่นั้นสั่นสะเทือนไปด้วย ทุกคนเบิกตาโพลง

แม้เป็นเหล่าบุคคลพลิกฟ้าอย่างพวกหลิงจื่อ สุ่ยปี้อวิ๋น ตอนนี้ต่างเผยสีหน้าประหลาดใจ

การแข่งขันในระดับเดียวกัน พวกเขาเองก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถกำราบจางไป๋หรงได้ แต่ถ้าข้ามระดับต่อสู้กับราชันอริยะ ระยะห่างนั้นเหลื่อมล้ำไม่น้อย

ทว่ามกุฎมหาอริยะคนหนึ่ง กลับสามารถประชันกับราชันอริยะคนหนึ่งได้ นี่ดูน่าตกใจเกินไปแล้ว

เขาเป็นใคร

เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินว่าในโลกต้าอวี่กลับมีบุคคลเช่นนี้

 เจ้าเฒ่า หากเจ้ายังไม่รู้ความอีกอย่าหาว่าข้าใจร้าย 

เสียงของหลินสวินเย็นชา

ที่เขาช่วยอวี่อวิ๋นเหอครั้งนี้ ก็เพราะอวี่ชิงหยางมีบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อเขา มีเขาอยู่ แน่นอนว่าต้องไม่ยอมให้อวี่อวิ๋นเหอถูกรังแก

ชายชราชุดเทาสีหน้าทั้งโกรธทั้งตกใจ เปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้ง สุดท้ายสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่งก่อนจะพูดว่า  ปล่อยจางไป๋หรงซะ เรื่องนี้ก็จบเพียงเท่านี้ 

 ขอโทษก่อนค่อยปล่อย 

หลินสวินพูดอย่างเด็ดขาด

 เจ้า… 

ชายชราชุดเทาเดือดดาล แขนเสื้อสั่นไหว อานุภาพดุร้ายพลุ่งพล่านเพิ่มสูง ผู้ฝึกปราณมากมายที่อยู่รอบข้างล้วนสูดหายใจพร้อมกัน

นี่ก็คืออานุภาพของราชันอริยะ

 หากเจ้าอยากเห็นเขาตาย ก็ทำต่อเลย 

หลินสวินดีดนิ้วอย่างไม่ใส่ใจสักนิด

อานุภาพที่ราวกับภูเขาถล่มสมุทรซัดสาด ยามพุ่งมาถึงตัวหลินสวินกลับเหมือนสายลมโชยผ่านภูเขา แม้แต่ชายเสื้อของเขาก็ไม่ได้ถูกพัดขึ้นมา

ส่วนจางไป๋หรงที่ถูกกดไว้บนพื้นทรมานจนตาลายแล้ว ทั้งร่างรู้สึกเหมือนจะพังทลาย

ผู้ฝึกปราณหลายคนบริเวณนั้นไม่สามารถสงบได้ ในโลกต้าอวี่ ใครจะกล้าต่อสู้กับผู้สูงส่งสำนักยุทธ์เตาโอสถเช่นนี้ ถึงขั้นยังข่มขู่อีกด้วย

มีเพียงอวี่อวิ๋นเหอที่ในใจสงสัยยิ่ง หลังจากผู้อาวุโสหม่าไท่เจิ้นกลับสำนัก ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาเคยถูกหลินสวินกำราบหรือ

ไม่เช่นนั้นชายชราชุดเทาจะมีความกล้ามาสู้กับหลินสวินได้อย่างไร รนหาที่ตายแท้ๆ

 ข้า… ขอโทษ! 

ยามนี้จางไป๋หรงก็เป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นก่อน ความรู้สึกที่ความตายมาเยือนกระตุ้นจนเขาไม่ห่วงหน้าตาอีกต่อไป

ชายชราชุดเทาถอนหายใจยาว

ผู้แข็งแกร่งสำนักยุทธ์เตาโอสถแต่ละคนต่างเผยสีหน้าอับอาย การก้มหัวของจางไป๋หรงทำให้พวกเขาเองก็รู้สึกเสียหน้าอย่างที่สุด

 รู้ผิดแล้วแก้ไขนับว่าเยี่ยมนัก หวังว่าเจ้าจะจำบทเรียนครั้งนี้เอาไว้ หากครั้งหน้ายั่วโมโหข้าอีกจะไม่โชคดีแบบนี้แล้ว 

หลินสวินยกฝ่ามือขึ้น จางไป๋หรงราวกับหลุดพ้น ทั้งร่างเหมือนสลัดภูเขาใหญ่หนักอึ้งออก เขาถูกผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เตาโอสถคนอื่นๆ พยุงขึ้นมา ไม่กล้าอยู่ที่นี่และไม่มีหน้าอยู่ที่นี่อีก

 เจ้าหนุ่ม การชี้แนะนี้พวกเราจดจำไว้แล้ว! 

ชายชราชุดเทาแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ ความดุดันแวบผ่านในดวงตา

หลินสวินยิ้มอย่างไม่สนใจ

หากเป็นตัวเขา เพียงแค่ท่าทีของชายชราชุดเทาคงลงมืออย่างเด็ดขาดไปนานแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ผู้ฝึกปราณโลกต้าอวี่ ฆ่าคนแล้วจากไปก็สิ้นเรื่อง

แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนกัน ข้างกายยังมีอวี่อวิ๋นเหอ อีกฝ่ายเป็นผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เตาโอสถ หากฆ่าจางไป๋หรงกับชายชราชุดเทาคนนี้ จะต้องทำให้อวี่อวิ๋นเหอพลอยเดือดร้อนไปด้วยแน่

มองพวกจางไป๋หรง มู่ซิวฉีจนลับตาไป ในใจอวี่อวิ๋นเหอเองก็เบิกบานอย่างที่สุด

และยามผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ในที่นั้นมองมายังพวกหลินสวิน แววตาก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้แล้ว

โดยเฉพาะตอนที่มองหลินสวิน สีหน้าต่างแฝงความหวาดกลัว

แน่นอนว่าสำหรับบุคคลพลิกฟ้าอย่างพวกชื่อหลิงจื่อ สุ่ยปี้อวิ๋น ตัวตนของหลินสวินยังไม่สามารถข่มขวัญพวกเขาได้

เหตุผลแรกเพราะพวกเขามั่นใจว่าพลังต่อสู้ของตนแทบจะไร้ศัตรูในระดับเดียวกัน เหตุผลที่สองเพราะข้างกายพวกเขาล้วนมีผู้แข็งแกร่งระดับราชันอริยะติดตามมาคุ้มกันอยู่

ย้อนมองพวกหลินสวิน มีเพียงสี่คนเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นมกุฎมหาอริยะทั้งหมด การรวมตัวเช่นนี้ไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องข่มขวัญอะไร

ฮูม…

ไม่นานกระแสน้ำเย็นเยียบที่ปกคลุมบนแม่น้ำเก้าแคว้นเริ่มถอยร่นไป และบนอากาศเหนือแม่น้ำนั่นกลับปรากฏบานประตูลึกลับบานหนึ่ง

 ไป! 

 รีบลงมือ! 

ทันใดนั้นผู้ฝึกปราณมากมายพุ่งเข้าไปทันที นอกจากพวกชั้นยอดเหล่านั้น ผู้ฝึกปราณธรรมดาหลายคนก็ลงมือด้วย

แม้พวกเขาไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้รับศุภโชคใหญ่อะไร แต่ถ้าเก็บของมีค่าอย่างพวกสมบัติ ลูกกลอนโอสถ วิชายุทธ์ได้ก็เป็นผลเก็บเกี่ยวที่ไม่น้อยเลย

 พี่หลิน พวกเราก็เริ่มเคลื่อนไหวดีหรือไม่ 

สายตาของอวี่อวิ๋นเหอมองไปยังหลินสวิน

 ไป 

หลินสวินพยักหน้า คนทั้งกลุ่มพุ่งเข้าไป

……

แดนลับต้าอวี่ ภูเขาโบราณทอดยาวเป็นคลื่น บนท้องฟ้าไอขุ่นมัวอบอวล ปรากฏสภาพบรรยากาศที่รกร้างดั้งเดิม

สวบๆๆ!

กลางฟ้าดินแสงเคลื่อนไหวพร่างพรายสะดุดตานับไม่ถ้วนบินทะยาน บ้างขี่นกเซียน บ้างเหยียบกระบี่บิน บ้างควบคุมยานสมบัติ…

แน่นขนัดเต็มไปด้วยความเกรียงไกร

หลินสวินและพวกอวี่อวิ๋นเหอทะยานอยู่ในนั้นแล้วไม่สะดุดตาสักนิด

 พี่หลิน สถานที่แห่งวาสนาที่บรรพบุรุษตระกูลอวี่ของข้าทิ้งเอาไว้ตั้งอยู่ใน ‘เทือกเขาเก้ากระถาง’ ด้วยความเร็วของพวกเรา ไม่เกินครึ่งวันก็สามารถไปถึงที่นั่นได้ 

ระหว่างทางอวี่อวิ๋นเหอรีบแนะนำ  แต่ที่แห่งนั้นไม่ใช่ที่ที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าไปได้ ปกคลุมด้วยพลังผนึกที่น่ากลัวอย่างที่สุด 

 โดยทั่วไปแล้ว อยากได้วาสนาในเทือกเขาเก้ากระถาง ข้างกายจะต้องมีปฐมาจารย์สลักลายมรรคคอยช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นจะถูกขังตายอยู่ในนั้นได้ง่ายๆ 

พวกเขาพูดคุยพลางทะยานไปอย่างรวดเร็ว

แดนลับต้าอวี่ยิ่งใหญ่มาก ราวกับโลกใบหนึ่ง ทว่าระหว่างทางพวกหลินสวินก็ยังเจอผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อย สามารถมองเห็นรุ้งยาวมากมายเคลื่อนผ่านอากาศเป็นระยะๆ วาบผ่านไป

 ฆ่า! 

ระหว่างทางยังมีการเข่นฆ่าและการต่อสู้ปรากฏขึ้น บางคนทำเพื่อแย่งชิงโอสถสมบัติชั้นเลิศที่ถือกำเนิดในแดนลับ และบางคนทำเพื่อช่วงชิงสมบัติสูงค่าซึ่งกระจายอยู่กลางภูเขาแม่น้ำ

แน่นอนว่ามีเรื่องฆ่าคนปล้นสมบัติปรากฏขึ้น และไม่น้อยเลยทีเดียว!

ฆ่าคนได้เข็มขัดทอง ซ่อมทางกลับไม่เหลือซากศพ[1]

เทียบกับการเสาะหาวาสนาอย่างยากลำบาก ไม่สู้ฆ่าคนปล้นสมบัติโดยตรง วิธีเช่นนี้ชั่วช้าและง่ายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ผลเก็บเกี่ยวก็เห็นได้ชัดที่สุด

ระหว่างทางพวกหลินสวินไม่ได้เจอคนที่ตาไร้แวว อีกทั้งเป้าหมายของพวกเขาชัดเจนมาก ไม่สนใจวาสนาอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างทาง พุ่งตรงไปที่เทือกเขาเก้ากระถาง

จนกระทั่งตอนหลังผู้ฝึกปราณที่เจอระหว่างทางน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว ทว่าผู้แข็งแกร่งที่กล้าเข้ามาลึก อย่างน้อยล้วนเป็นผู้สืบทอดสำนักใหญ่ที่ชื่อเสียงสะเทือนฝั่งหนึ่ง

ครึ่งวันหลังจากนั้น ในที่สุดพวกหลินสวินก็มาถึงเทือกเขาเก้ากระถาง

มองไปไกลๆ ภูเขาเทพเก้าลูกผุดขึ้นจากพื้นดิน ครองตำแหน่งเก้าวัง ราวกับกระถางใหญ่เทียมฟ้าเก้าใบ มอบแรงสะเทือนให้ผู้พบเห็น

ตอนนี้หน้าเทือกเขาเก้ากระถางนั่นมีผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่งรวมตัวอยู่

 ภูเขาเทพเก้าลูก มีเส้นทางเข้าสู่แกนหลักกลางภูเขาเก้าทาง แต่ทุกเส้นทางล้วนปกคลุมด้วยกระบวนผนึกที่น่ากลัว 

อวี่อวิ๋นเหอชี้ไปยังไกลๆ  พี่หลินโปรดดู นี่ก็คือเค้าโครงของเก้ากระถางสยบหล้า จักรพรรดิอวี่บรรพชนตระกูลข้า ตอนนั้นเคยรวบรวมกฎเกณฑ์บ่อเกิดแรกกำเนิดของเก้าโลกใหญ่ สร้างศาสตราจักรพรรดิเก้ากระถางที่นี่ ที่แห่งนี้ก็กลายเป็นสถานที่แห่งศุภโชคที่รู้จักกันไปทั่วหล้า 

 ขอเพียงเป็นผู้ที่สามารถเข้าไปได้ ล้วนมีโอกาสทะลวงด่านกลายเป็นระดับราชันอริยะ ยิ่งไปกว่านั้นกฎเกณฑ์บ่อเกิดแรกกำเนิดที่กระจายอยู่ภายใน ก็มีส่วนช่วยอย่างไม่อาจประเมินต่อการควบรวมและหลอมเขตแดนมรรค 

หลินสวินพยักหน้ากล่าว  เช่นนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหวเถอะ 

จิตรับรู้เขาแผ่ขยาย สังเกตเห็นนานแล้วว่าบุคคลชั้นยอดที่มาจากเก้าโลกใหญ่มากมายต่างเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เข้าสู่เทือกเขาเก้ากระถางที่ปกคลุมด้วยพลังผนึกน่ากลัวจากทิศทางที่แตกต่างกัน

ในนั้นยิ่งมีพวกชื่อดังสะดุดตาจากโลกต่างๆ อย่างพวกชื่อหลิงจื่อ สุ่ยปี้อวิ๋น ลี่โยว เลี่ยตงจั้น เซียวปู้ตู้

และเช่นเดียวกัน หลินสวินก็สังเกตเห็นว่าพวกสำนักยุทธ์เตาโอสถอย่างจางไป๋หรง มู่ซิวฉีก็เข้าไปข้างในแล้ว

เพียงแต่การทลายผนึกไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น อยากเข้าสู่ใจกลางเทือกเขาเก้ากระถางนั่น ใช่ว่าใครจะสามารถทำได้ง่ายๆ

 พี่หลิน พวกเราจะเข้าทางไหน 

อวี่อวิ๋นเหออดถามไม่ได้ เขารู้ดีว่าหลินสวินเองก็เป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรคคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังแข็งแกร่งกว่าอาจารย์โม่!

 คงต้องให้พวกเจ้าอดสูสักครู่ 

หลินสวินว่าแล้วสะบัดแขนเสื้อ เก็บพวกอวี่อวิ๋นเหอเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด

สวบ!

เขาไม่ลังเลสักนิด ไม่ได้เลือดทิศทางอะไรด้วยซ้ำ พุ่งตรงไปยังเทือกเขาเก้ากระถางซึ่งอยู่ไกลๆ

ฮูม…

ทันทีที่เข้าไปหลินสวินก็รู้สึกได้ว่าเวลาหมุนย้อน จักรวาลกลับด้าน ทั้งเทือกเขาเก้ากระถางราวกับเปลี่ยนเป็นโลกที่ขาวโพลนผืนหนึ่ง

แม่น้ำที่ปกฟ้าคลุมดินไหลพุ่งเชี่ยวกราก แม่น้ำเหล่านั้นถึงกับแปลงมาจากพลังผนึกน่ากลัวนั่น

ไม่ธรรมดาตามคาด

ตอนนี้หลินสวินเพิ่งจะเข้าใจ ว่าเหตุใดพลังผนึกของเทือกเขาเก้ากระถางนี้จึงทำให้ผู้คนยำเกรง

กระแสน้ำที่น่ากลัวนั่น เพียงพอจะสังหารระดับอริยะ ต่อให้เป็นมกุฎมหาอริยะ หากบุกเข้ามาโดยพลการก็ยากจะรอดได้

หลินสวินแผ่จิตรับรู้ออกไป กระจายไปทั่วฟ้าดินผืนนี้ เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าในโลกใบนี้มีกระบวนผนึกลายมรรคไร้รูปมากมายโคจรอยู่ อานุภาพไม่อาจทัดเทียม ไอสังหารผุดทั่วทิศ

กลิ่นอายกร้าวแกร่งหลายสายเดินหน้าอย่างยากลำบากในเส้นทางที่แตกต่างกันของโลกใบนี้

เห็นได้ชัดว่าพวกนี้ล้วนเป็นบุคคลพลิกฟ้าที่เข้าสู่โลกใบนี้จากเส้นทางต่างๆ เช่นเดียวกับหลินสวิน

พวกเขาก้าวเดินอย่างระมัดระวัง มีระดับราชันอริยะคุ้มกัน ปฐมาจารย์สลักลายมรรคนำทาง เดินทางมุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางของโลกใบนี้

หลินสวินไม่ได้ปกปิดการสำรวจของตน และไม่ยั้งมืออีกต่อไป จิตรับรู้ยิ่งใหญ่แผ่กว้าง พริบตาก็มองทะลุความลึกลับของกระบวนผนึกลายมรรคแต่ละกระบวน

จากนั้นทั้งร่างเขาพุ่งขึ้นฟ้าโดยตรง เปลี่ยนเป็นรุ้งเทพพร่างพราว มุ่งหน้าไปยังแกนหลักของโลกที่แปลงมาจากพลังผนึกนี้

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบ่อเกิดแรกกำเนิดที่ลึกลับอัศจรรย์ชนิดหนึ่งอยู่ที่นั่น

ตูม โครมๆ…

กลางฟ้าดิน กระบวนผนึกใหญ่ที่สามารถทำให้ปฐมาจารย์สลักลายมรรครู้สึกเหมือนศัตรูตัวฉกาจมาเยือน เมื่ออยู่ตรงหน้าหลินสวินกลับประหนึ่งของปลอม

เมื่อเขาทะยานไปเบื้องหน้า พลังผนึกเป็นชั้นๆ เหล่านั้นพลันเกิดคลื่นเสียงปานฟ้าร้อง ดังอยู่เนิ่นนานไม่เสื่อมคลาย

มองจากไกลๆ ทั้งร่างของเขาราวกับรุ้งเทพ ทะลวงผ่านมุ่งหน้าอย่างอิสระอยู่ในพลังผนึกที่สลับทับซ้อนกันแน่นขนัด

ชั่วขณะนี้เหล่าผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่โลกผนึกนี้ต่างตกตะลึง สังเกตเห็นเงาร่างสว่างไสวที่ทะลวงฟ้าไป

 นั่นใคร ถึงกับกล้าพุ่งชนเช่นนี้ อยากตายหรือไง 

คนไม่รู้เท่าไหร่สูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ ตะลึงจนอ้าปากค้าง แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

………………

[1] ฆ่าคนได้เข็มขัดทอง ซ่อมทางกลับไม่เหลือซากศพ หมายถึงคนทำดีไม่ได้รับสิ่งตอบแทน คนทำชั่วกลับได้ได้รับผลประโยชน์ไป

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท