Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1797 อัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องอวี่ปี้คง

ตอนที่ 1797 อัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องอวี่ปี้คง
เผชิญหน้ากับสายตาของหลินสวิน ในใจอวี่อวิ๋นเหอสั่นสะท้าน
เขามองภาพนองเลือดเต็มพื้นแล้วกัดฟันกล่าวทันที “พี่หลิน เจ้าช่วยชิงโอกาสให้ข้า ข้าสาบานว่าวันนี้ไม่ว่าผลที่ตามมาคืออะไร ข้าจะใช้ชีวิตของตัวเองปกป้องพี่หลินให้ไร้กังวล!”
น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“ไป”
หลินสวินไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง พุ่งไปยังประตูทางเข้าที่อยู่ห่างออกไป
บนภูเขาเทพนพเลิศ หน้าพื้นที่ราบมหึมาแห่งหนึ่งที่หมอกควันอบอวล ม่านแสงมหึมาหนึ่งปรากฏ บนนั้นฉายภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นนอกประตูภูเขา
“ผู้นำตระกูล ทำไมต้องเปิดกระบวนค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลด้วย”
“คนรุ่นหลังพวกนั้นก็ยังอยู่ที่เชิงเขา!”
“ผู้นำตระกูล…”
บนพื้นที่ราบ บุคคลสำคัญมากมายของตระกูลอวี่มารวมตัวกัน แต่ละคนนั่งนอนไม่เป็นสุข สีหน้าเต็มไปด้วยโทสะ
การเข่นฆ่านองเลือดนอกประตูเขากระตุ้นจนพวกเขาดวงตาแดงไปหมด
“ก่อนหน้านี้ยามคนรุ่นหลังพวกนั้นพาคนออกไปซุ่มโจมตีที่นอกประตูเขา เหตุใดพวกเจ้าไม่กล่าวขัดขวาง”
อวี่ปี้คงสองมือไพล่หลัง แววตาล้ำลึกกล่าวราบเรียบ
เขารูปร่างกำยำ สวมเสื้อคลุมมรกต ผมหนวดราวน้ำหมึก ยืนสบายๆ อยู่อย่างนั้นแต่มีอานุภาพที่กดข่มฟ้าดิน ครอบครองใต้หล้า
เขาก็คือผู้นำตระกูลอวี่คนปัจจุบัน บิดาของอวี่อวิ๋นเหอ!
บุคคลน่าเกรงขามคนหนึ่งที่ปราดเปรื่อง ฝีมือเทียมฟ้า
ได้ยินดังนั้นบุคคลสำคัญระดับสูงทั้งหมดของตระกูลอวี่ต่างสีหน้าค้างแข็ง พวกเขามีหรือจะคิดว่าเจ้าหนุ่มที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนคนหนึ่งจะมีพลังต่อสู้ที่บ้าระห่ำเช่นนี้
เสียงของอวี่ปี้คงต่ำลึก “หลายปีมานี้ลูกชายไม่เอาไหนคนนั้นของข้าเพิ่งกลับมาครั้งแรก แต่กลับถูกคนรุ่นหลังพวกนั้นขวางอยู่นอกตระกูล ข้าที่เป็นพ่อยังไม่พูดอะไร ทำไมพวกเจ้าถึงนั่งกันไม่ติด”
ชายชราผมขาวคนหนึ่งกล่าวอย่างร้อนรน “ผู้นำตระกูล ท่านก็เห็นว่าพวกอวิ๋นเจิงไม่ได้ขวางอวิ๋นเหอกลับบ้าน แต่มุ่งเป้าไปที่คนนอกคนนั้น!”
คนอื่นก็พากันพยักหน้า
อวี่ปี้คงยิ้มเยาะตรงมุมปาก “ทุกท่านอย่ามาทำไขสืออีกเลย การทดสอบประจำตระกูลใกล้จะเริ่ม เพื่อสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลน้อย พวกเจ้าทำเรื่องสกปรกโสมมไปเท่าไร คิดว่าข้าไม่รู้หรือ”
สีหน้าของทุกคนต่างอึดอัดอยู่บ้าง
อวี่ปี้คงหันกลับมาทันใด แววตาดุจอสนี อานุภาพน่าสะพรึงกลัว กวาดมองทุกคนในที่นั้นอย่างเย็นชา
“แต่พวกเจ้าไม่ควรต่ำช้าเช่นนี้! ต่อให้ลูกชายของข้าเป็นคนไร้ประโยชน์แค่ไหนก็ไม่อาจถูกรังแกเช่นนี้ มิฉะนั้นข้าผู้เป็นพ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
เสียงสะท้อนไปทั่วยอดเขาทะเลหมอกราวฟ้าผ่า
บุคคลสำคัญคนหนึ่งที่มากประสบการณ์ที่สุดสูดหายใจลึกกล่าว “ผู้นำตระกูล เรื่องของอวิ๋นเหอทุกคนมีส่วนที่ทำไม่ถูกจริงๆ เรื่องนี้พวกเราจะมอบให้ท่านจัดการ”
เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “ตอนนี้ปัญหาที่ต้องแก้ไขคือ หน้าประตูเขาของตระกูลพวกเรามีคนนอกคนหนึ่งที่สังหารคนในตระกูลของพวกเราอย่างโหดเหี้ยม นี่จะให้ฝืนทนได้อย่างไร”
บุคคลสำคัญคนอื่นก็พากันพยักหน้า พวกเขาแค้นจนกัดฟันกรอด อยากรีบไปฆ่าหลินสวินให้ตาย
“รู้ไหมว่าทำไมข้าถึงเปิดใช้กระบวนค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูล”
อวี่ปี้คงพลันกล่าวขึ้น
ทุกคนชะงักไปพร้อมกัน มีคนอดกล่าวไม่ได้ “ผู้นำตระกูลคงไม่ได้คิดว่า เจ้าคนนอกนั่นจะคุกคามมาถึงตระกูลของพวกเรากระมัง”
“ไม่ ข้าแค่ไม่อยากให้พวกเจ้าเข้าไปยุ่ง”
สีหน้าของอวี่ปี้คงเจือความเย็นชา “ต่อให้อวิ๋นเหอไม่พาคนผู้นี้กลับมา ก่อนการทดสอบประจำตระกูล พวกหน้าโง่ที่ตายอยู่นอกประตูเขาพวกนี้ก็จะถูกข้าขุดรากถอนโคนเองอยู่แล้ว จะได้ไม่ทำเรื่องต่ำทรามไร้ยางอายอีก”
ประโยคเดียวเหมือนดาบที่เย็นเยียบ หนาวสะท้านเสียดกระดูก
บุคคลสำคัญมากมายในที่นั้นหนาวเยือกไปทั้งตัว
พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าอวี่ปี้คงถึงกับยกดาบสังหารอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ยังไม่รอให้ลงดาบ การปรากฏตัวของคนนอกคนหนึ่งกลับช่วยเขาขุดรากถอนโคนเป้าหมายบางส่วนไปโดยปริยาย
“ในใจของพวกเจ้าย่อมไม่พอใจแน่ คิดว่าคนไร้ประโยชน์อย่างลูกชายของข้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลน้อย”
สายตาของอวี่ปี้คงมองไปที่ม่านแสงมหึมานั่นอีกครั้ง ในม่านแสงอวี่อวิ๋นเหอและหลินสวินกำลังไล่ฆ่าคู่ต่อสู้พวกนั้นและก้าวขึ้นบันไดมาด้วยกัน
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ายามมองภาพนี้ ส่วนลึกของนัยน์ตาอวี่ปี้คงเผยความชื่นใจอย่างยากจะได้เห็น
“น่าเสียดาย พวกเจ้าไม่เคยรู้ว่าอวิ๋นเหอเขาไม่คิดจะเป็นผู้นำตระกูลน้อยมาก่อน เขาไม่ชอบการต่อสู้กับคนรุ่นหลังในตระกูลพวกนั้น แต่หลายปีมานี้เขายังถูกพวกเจ้ามองเป็นหนามยอกอก ทำทุกวิถีทางเพื่อสาดน้ำป้ายสีใส่เขาซะอย่างนั้น”
น้ำเสียงของอวี่ปี้คงเจือความผิดหวัง “พวกเจ้าคิดว่าคนที่ไร้ความสามารถ เป็นลูกผู้ดีจอมหยิ่งคนหนึ่ง จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งคนแรกที่ก้าวสู่ระดับมกุฎมหาอริยะในหมู่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลได้หรือ”
น้ำเสียงก้องอยู่กลางที่นั้น บรรยากาศเงียบสงัด สีหน้าของทุกคนต่างปรวนแปรไม่หยุด
“ทุกอย่างนี้ล้วนถูกพวกเจ้าบีบบังคับ”
เสียงอวี่ปี้คงเย็นเยียบ “แต่จะว่าไปกลับเป็นว่าข้าต้องขอบคุณพวกเจ้า หากไม่ใช่ว่าหลายปีนี้พวกเจ้าเคี่ยวเข็ญบีบบังคับ เกรงว่าเจ้าเด็กอวิ๋นเหอคนนี้คงไม่กลับมาที่ตระกูลและเข้าร่วมการทดสอบประจำตระกูลครั้งนี้แน่”
สีหน้าของทุกคนไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิมแล้ว
“ปี้คง วันนี้มีคนตายมากเกินไปแล้ว ควรจบเรื่องทุกอย่างนี้ได้แล้ว!”
เสียงชราขุ่นมัวหนึ่งดังขึ้นทันใด
ทุกคนต่างอึ้งไป ผู้อาวุโสเสวี่ยหลิน!
ก็เห็นร่างผอมกะหร่องร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ สวมชุดคลุมเทา เบ้าตาบุ๋มลึก ดูไปแล้วไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย
แต่ทุกคนในที่นั้นกลับไม่มีใครไม่โค้งคำนับ
อวี่เสวี่ยหลิน!
ผู้อาวุโสคนหนึ่งในเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ ปลีกตัวจากทางโลกมาหลายปีแล้ว ตามลำดับอาวุโสอวี่ปี้คงก็ต้องเรียกอีกฝ่ายด้วยความยกย่องว่าท่านลุง
อวี่ปี้คงมุ่นคิ้ว เงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ก็ได้”
เขาออกคำสั่งลงไป ไม่นานกระบวนค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลที่ปกคลุมอยู่บนภูเขาเทพนพเลิศก็ถูกปลด
นี่ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างเป่าปากโล่งใจ
“น้องสาม เจ้าไปพาพวกอวิ๋นเหอเข้ามา”
อวี่ปี้คงกล่าวสั่งความ
“ได้”
ชายกลางคนในชุดผ้าไหมคนหนึ่งก้าวออกมา เคลื่อนย้ายจากไปกลางอากาศ
บนทางขึ้นเขา
พวกอวี่อวิ๋นเจิงเผยสีหน้าสิ้นหวัง แต่ละคนตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก
“เจ้าหก เจ้าจะสังหารให้สิ้นจริงหรือ”
มีคนคำราม
ห่างออกไปอวี่อวิ๋นเหอที่ยืนเคียงบ่าหลินสวินกล่าวด้วยสีหน้าเมินเฉย “ทั้งหมดนี้เป็นพวกเจ้าที่หาเรื่องเอง”
หลินสวินกำลังจะลงมือ
ฮูม…
กระบวนค่ายกลใหญ่พิทักษ์ตระกูลที่ปกคลุมทางขึ้นเขาเบื้องหน้าพลันเกิดคลื่นสะเทือนรุนแรง ก่อนหายไปโดยปริยาย
“ถูกช่วยแล้ว!”
“หนีเร็ว!”
พวกอวี่อวิ๋นเจิงเหมือนพบทางรอด ตื่นเต้นจนเกือบน้ำตาไหล หนีเตลิดเปิดเปิง
“อวิ๋นเหอ ให้เพื่อนของเจ้าหยุดมือเถอะ”
ขณะที่กระบวนค่ายกลใหญ่หายไป ร่างสูงใหญ่ล่ำสันหนึ่งก็เคลื่อนย้ายมากลางอากาศ
“ท่านอาสาม?”
อวี่อวิ๋นเหอนิ่งงัน ร่างสูงใหญ่ล่ำสันนั้นคืออวี่ปี้หยวนท่านอาสามของเขานั่นเอง เป็นคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับบิดาของเขาที่สุด
อวี่ปี้หยวนยิ้มกล่าวด้วยเสียงเรียบง่ายทรงพลัง “เหตุการณ์ที่ผ่านมาข้ากับพ่อของเจ้าล้วนเห็นอยู่ในสายตา เจ้าทำได้ไม่เลว”
เขาพูดพลางชำเลืองมองหลินสวิน สีหน้าดูแปลกออกไป กล่าวว่า “สหายน้อย กล้าไปด้วยกันกับข้าไหม”
หลินสวินเลิกคิ้วกล่าว “ที่นี่ไม่ใช่ถ้ำพยัคฆ์วังมังกร ไยต้องใช้ความกล้ามาตวงวัด”
อวี่ปี้หยวนหัวเราะลั่นขึ้นมา “อวิ๋นเหอ เจ้าได้เพื่อนที่ดีแล้ว ไปเถอะ อย่าให้พ่อของเจ้ารอนานเกินไป”
เขาหันหลังนำทางไปทันที
ขณะเดียวกันอวี่อวิ๋นเหอก็สื่อจิตกล่าว ‘พี่หลิน เจ้าวางใจได้เลย ตราบใดที่ข้าอวี่อวิ๋นเหอยังมีชีวิตอยู่ จะต้องปกป้องเจ้าให้อยู่รอดปลอดภัยแน่!’
หลินสวินยิ้มรับ ไม่พูดอะไรมากอีก
ไม่นานพวกเขาก็ปรากฏตัวตรงพื้นที่ราบบนยอดเขามหึมาลูกนั้น อวี่ปี้คงรวมถึงบุคคลสำคัญทั้งหมดของตระกูลอวี่ต่างรอคอยอยู่ตรงนั้น
พวกอวี่อวิ๋นเจิง อวี่อวิ๋นหลงก็อยู่ด้วย เพียงแต่ยามที่พวกเขาเห็นหลินสวิน แต่ละคนก็แค้นจนกัดฟันเกือบแตก
“ผู้อาวุโสทุกท่าน เป็นเจ้าชั่วนี่ที่ฆ่าคนในตระกูลของพวกเราไปมากมายอย่างเหี้ยมโหดที่หน้าประตูเขา!”
คนมากมายต่างร้องขึ้นมา
“วางใจเถอะ เชื่อว่าผู้นำตระกูลจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับทุกคน”
ชายชราคนหนึ่งกล่าวอย่างเย็นชา
“ท่านพ่อ!”
สายตาของอวี่อวิ๋นเหอมองไปทางอวี่ปี้คง เพิ่งหมายจะพูดอะไร
อวี่ปี้คงกล่าวด้วยสีหน้าชื่นใจ “กลับมาก็ดีแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ข้าล้วนเห็นอยู่ในสายตา มีพ่ออยู่ แน่นอนว่าไม่มีทางทำให้เจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม”
ในใจอวี่อวิ๋นเหอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา กล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง
“การไม่ได้รับความเป็นธรรมของอวิ๋นเหอขอไม่พูดถึงชั่วคราว ผู้นำตระกูล มือสังหารที่ฆ่าคนผู้นี้อยู่ตรงหน้า ท่านคิดจะจัดการอย่างไร”
บุคคลสำคัญคนหนึ่งก้าวออกมา สีหน้าอึมครึม
ไม่รอให้อวี่ปี้คงเอ่ยปากก็มีคนชิงพูดก่อน “แน่นอนว่าต้องฆ่า! เจ้าหมอนี่สองมือเปื้อนเลือดสดๆ ของคนในตระกูลอวี่ของข้า ถ้าไม่ฆ่าก็ไม่พอที่จะระบายความแค้นในใจของพวกเรา”
“ไม่ผิด หากให้เจ้าหมอนี่รอดชีวิต ภายหน้าสหายร่วมวิถีในโลกต้าอวี่จะเห็นพวกเราเป็นอะไร”
บุคคลสำคัญของตระกูลอวี่คนอื่นก็พากันเอ่ยปาก
พูดได้ว่าพวกเขาเกลียดหลินสวินเข้ากระดูกดำ คิดว่าหากไม่มีเขาปรากฏตัว คนไร้ประโยชน์อย่างอวี่อวิ๋นเหอย่อมไม่พอให้เป็นกังวล และไม่มีทางเกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงที่นองเลือดเช่นนี้เด็ดขาด
หลินสวินตกเป็นเป้าโจมตีทันที ถูกปลายหอกจ่อเข้าใส่
เขาสีหน้าราบเรียบ ทำเหมือนมองไม่เห็น ไม่ตื่นตระหนกสักนิด ตั้งแต่ตอนนั้นที่เริ่มลงมือ เขาก็คาดเดาว่าต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
“ท่านพ่อ ครั้งนี้หากไม่มีพี่หลิน เกรงว่าข้าคงไม่อาจกลับมาที่ตระกูลได้แล้ว! หากเขาต้องประสบเคราะห์ด้วยเหตุนี้ ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด”
อวี่อวิ๋นเหอร้อนรนกล่าวเสียงดัง
“อวิ๋นเหอ เพื่อนของเจ้าคร่าชีวิตคนในตระกูลของพวกเรา เจ้ายังจะปกป้องเขาอีกหรือ มีอย่างที่ไหน!” มีคนตวาด
กลับเห็นอวี่ปี้คงไม่ร้อนรนกระวนกระวาย ชี้ไปทางหลินสวินแล้วกล่าวราบเรียบ “เจ้าหนุ่มนี่ได้รับคำสั่งจากข้า ให้ฉวยโอกาสนี้ขุดรากถอนโคนพวกอันธพาลในตระกูลบางส่วน หากพวกเจ้าจะกล่าวโทษก็มาโทษที่ข้าก็พอ”
อวี่อวิ๋นเหอตกตะลึง เข้าใจได้ในทันที ในใจปิติยินดี รู้ว่าบิดากำลังช่วยหลินสวิน
หลินสวินก็อดตะลึงไม่ได้ ลอบทอดถอนใจ หากอวี่อวิ๋นเหอมีความสามารถเท่าบิดาของเขาสักสามส่วน เกรงว่าคงไม่ตกต่ำถึงขั้นนี้แล้ว
เพียงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของอวี่ปี้คง ทุกคนในที่นั้นต่างสีหน้าอึมครึมลงทันที พวกเขาไม่ได้โง่ มีหรือจะดูไม่ออกว่าอวี่ปี้คงกำลังปกป้องหลินสวินอย่างเห็นได้ชัด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้พวกเขาอยากคัดค้านก็ไร้กำลัง
หลินสวินฆ่าคนไปมากก็จริง แต่ถ้าเขาได้รับคำสั่งจากอวี่ปี้คง ใครจะพูดอะไรได้อีก
นอกเสียจากว่าพวกเขาจะกล้าสู้กับผู้นำตระกูลอย่างอวี่ปี้คง!
บุคคลสำคัญของตระกูลอวี่พวกนี้แทบระเบิดทันที อึดอัดหาใดเปรียบ ล้วนคิดไม่ถึงว่าอวี่ปี้คงจะใช้ลูกไม้นี้
แม้แต่คนรุ่นหลังอย่างพวกอวี่อวิ๋นเจิงก็ยังอึ้งงัน ผู้นำตระกูลยืมมือคนนอกคนหนึ่งมาขุดรากถอนโคน ‘อันธพาล’ อย่างพวกเขาหรือ…
พวกเขากลายเป็นพวกอันธพาลได้อย่างไร
เมื่อเคาะสมองดูครู่หนึ่งพวกเขาก็รู้ว่า คำพูดนี้ต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่
แต่เท่านี้ก็ทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่า ครั้งนี้ผู้นำตระกูลตัดสินใจปกป้องเจ้าแซ่หลินนั่นแล้ว!
………………….
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท