ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 1 ฤดูหนาว

ตอนที่ 1 ฤดูหนาว

 

หิมะตกติดต่อกันสองสามวันแล้ว บนหลังคา ยอดต้นไม้และบนพื้นล้วนถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะเป็นชั้นๆ แสงพระอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างสว่างกว่าปกติ ในห้องจึงสว่างไสวราวกับคริสตัล  

สืออีเหนียงวางหนังสือเรื่อง ‘เก้าแคว้นแห่งต้าโจว’ ที่อ่านไปได้ครึ่งเล่มลง เปิดหน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก 

ต้นไม้ที่อยู่ข้างนอกหอลู่จวินถูกปกคลุมไปด้วยหิมะชั้นหนาๆ เมื่อมีลมพัดมา หิมะที่อยู่บนยอดต้นหวงหยางก็ร่วงหล่นลงมา เผยให้เห็นใบไม้สีเขียว มองดูแล้วรู้สึกสดชื่น 

ที่แท้แล้วอวี๋หังที่นางอาศัยอยู่นั้นอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของหังโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้มีเขาต้าตี๋ซาน ทางตะวันตกเฉียงเหนือมีเขาจิ้งซาน ทางใต้มีแม่น้ำเสาซี มีต้นกำเนิดมาจากเขาเทียนมู่ซานในมณฑลอวี๋เฉียน… 

ข้อมูลน้อยเกินไป! 

เมื่อก่อนนางก็เคยมาที่อวี๋หัง แต่ครั้งนั้นเป็นการออกไปทำงาน ภรรยาของนายจ้างพาบุตรกลับไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่อวี๋หังบ้านเกิด นางไปถึงอวี๋หัง เกลี้ยกล่อมภรรยาคนนั้นให้สละสิทธิ์ในการดูแลบุตร ในฐานะทนายความ นางได้รับค่าจ้างเป็นเงินเจ็ดหลัก นี่คือเงินก้อนแรกในอาชีพของนาง! 

คิดเช่นนี้ สืออีเหนียงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ 

ตอนนี้คิดเรื่องพวกนี้จะมีประโยชน์อะไร! 

มาอยู่ที่แห่งนี้สามปีแล้ว สถานที่ที่ไกลที่สุดที่นางเคยไปก็คือประตูทางเข้าที่สองของเรือนหลังในจวนสกุลหลัว ไปส่งนายหญิงใหญ่ของสกุลหลัวซึ่งก็คือท่านแม่ใหญ่ของนาง ภรรยาเอกจากสกุลสวี่ ไปจุดธูปที่วัดฉืออาน 

ตอนนี้ที่อวี๋หังเป็นเช่นไร ไกลจากหังโจวแค่ไหน เกี่ยวข้องอันใดกับนางกันเล่า 

ถึงแม้ว่าจะรู้เรื่องทั้งหมดนี้และเห็นมันด้วยตาตัวเอง แล้วมีประโยชน์อะไร 

โลกนี้ไม่ใช่โลกหน้า! 

สืออีเหนียงถอนหายใจยาวๆ ราวกับจะเป่าทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตออกไปให้หมด! 

“คุณหนูสิบเอ็ด!” เมื่อปินจวี๋สาวใช้ของสืออีเหนียงยกชาร้อนๆ และขนมเข้ามา นางก็เห็นสืออีเหนียงเอาหน้าผากวางตรงขอบหน้าต่าง “ท่านเปิดหน้าต่างอีกแล้ว วันนี้มีลมทางตอนเหนือเจ้าค่ะ” นางพูดพร้อมกับวางถาดน้ำชาบนโต๊ะเล็กข้างๆ แล้วเดินเข้าไปจับสืออีเหนียงเอาไว้ “วันนี้บ่าวทำขนมไส้ดอกเหมย ท่านลองชิมสิเจ้าคะ” 

สามปีก่อน นางหกล้มและนอนหลับไม่ได้สตินานกว่าสามเดือน จากนั้นก็นอนอยู่บนเตียงอีกครึ่งปี หากไม่มีปินจวี๋และตงชิงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แม้ว่านางจะฟื้นขึ้นมา แต่ก็คงไม่มีทางมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ 

สืออีเหนียงจึงปฏิเสธความหวังดีของนางไม่ลง เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอย่างเชื่อฟัง รับชาร้อนที่นางยื่นให้มาจิบทีหนึ่ง 

ชาแดงที่กลมกล่อม ใส่น้ำผึ้งอีกเล็กน้อย ของโปรดของนาง 

สืออีเหนียงหรี่ตาลงอย่างไม่รู้ตัว เผยให้เห็นสีหน้าที่พึงพอใจเป็นอย่างมาก 

ปินจวี๋มองแล้วยิ้มมุมปาก จากนั้นนางก็หันไปปิดหน้าต่าง 

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะดังมาจากชั้นบน ทำให้พวกนางไม่สบายใจ 

สีหน้าของปินจวี๋เปลี่ยนไป เงยหน้าขึ้นมองเพดานข้างบน เหมือนกำลังจะพูดอะไร แต่สืออีเหนียงกลับพูดออกมาราวกับสวดมนต์ “อดทนนาง ปล่อยนางไป อย่าเข้าใกล้นาง แล้วแต่นาง อดทนนาง ไม่สนใจนาง ผ่านไปสองสามปีค่อยสังเกตนาง!” 

จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาที่ประตู 

สืออีเหนียงกับปินอวี๋หันไปมองตามเสียง หญิงสาวที่สวมเสื้อสีชมพูคนหนึ่ง ถือห่อผ้ายืนอยู่หน้าผ้าม่าน 

“พี่ตงชิง!” สายตาของปินจวี๋เป็นประกายขึ้นมา “เจ้ากลับมาสักที!” พูดพร้อมกับเดินออกไปช่วยนางถือห่อผ้า  

ตงชิงเป็นคนมณฑลอวี๋ น้องสาวของนางแต่งงาน นายหญิงใหญ่ให้นางหยุดห้าวัน วันนี้พึ่งจะวันที่สี่ คิดไม่ถึงว่ายังไม่ถึงเที่ยงนางก็กลับมาแล้ว  

“เหตุใดจึงไม่อยู่ที่บ้านนานๆ เล่า” สืออีเหนียงยิ้ม “โอกาสเช่นนี้ไม่ได้มีมากนัก!” 

“ไม่มีอะไรให้น่าอยู่เจ้าค่ะ” ตงชิงปล่อยให้ปินจวี๋เอาห่อผ้าของตัวเองไป “พี่ชายแต่งงานกับพี่สะใภ้ มีหลานชายเพิ่มมาอีกคน ที่บ้านเดิมทีก็แคบอยู่แล้ว บ่าวกลับไปก็ไม่มีห้องนอน…สู้ไม่กลับไปเสียดีกว่า” 

สองสามปีนี้ ครอบครัวของตงชิงอาศัยเงินเดือนสาวใช้ของนางคอยช่วยเหลือ ฤดูร้อนปีก่อน พี่ชายของนางอยากจะซื้อที่ดินข้างๆ แต่ไม่มีเงิน พี่สะใภ้ของนางยังมาขอยืมเงินนางถึงที่จวน  

เห็นสีหน้าที่ลำบากใจของตงชิง ปินจวี๋ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ครั้งนี้เพื่ออะไรอีกล่ะ” นางพูดพร้อมกับรินชาให้ตงชิง  

ตอนนั้นปินจวี๋ให้ตงชิงยืมเงินร้อยกว่าเหรียญ สืออีเหนียงให้ปิ่นปักผมทองคำสองอัน 

ตงชิงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ นางยิ้มและแกะห่อผ้าที่ปินจวี๋เอาวางไว้บนโต๊ะ “ท่านแม่ของบ่าวทำรองเท้ามาให้คุณหนูสองสามคู่ บอกให้บ่าวเอามาด้วย…” 

ในขณะที่พวกนางพูดคุยกัน เสียงที่ดังมาจากชั้นบนก็ยังดังไม่หยุด กลับยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม จนทำให้ผู้คนรอบข้างอยู่ไม่เป็นสุข 

แต่ทั้งสามคนที่อยู่ข้างล่างกลับทำตัวปกติ ราวกับกำลังนั่งอยู่ในสวนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ 

“…ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เอาให้ปินจวี๋… นี่คือน้ำจิ้มถั่วเหลือง เอาให้ป้าซิน…” 

“ปีนี้ทำน้ำจิ้มถั่วเหลืองอีกแล้ว?” ปินจวี๋ได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะ “ดูเหมือนว่าปีนี้ครอบครัวของเจ้าเก็บเกี่ยวได้ไม่เลว…คุณหนูก็ชอบกิน เจ้าควรเอากลับมาเยอะหน่อย” 

ตงชิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก 

คนในครอบครัวคิดได้รอบคอบ แม้แต่ป้าซินที่คอยดูแลในเรือนของคุณหนูก็มีของฝาก แต่เรื่องคืนเงินกลับไม่พูดถึงสักคำ… 

เมื่อนางไม่รู้จะอธิบายเช่นไร สืออีเหนียงยิ้มแล้วถามนางว่า “ไปกล่าวขอบคุณท่านแม่หรือยัง” 

ตงชิงรีบตอบ “ไปแล้วเจ้าค่ะ แล้วยังเจอป้าสวี่ บ่าวเอาน้ำจิ้มถั่วเหลืองให้นางไปสองโถ” 

สืออีเหนียงยิ้มและพยักหน้า หยิบรองเท้าที่มารดาของตงชิงทำให้นางมามองซ้ายมองขวา “ตงชิง ฝีมือของท่านแม่ของเจ้าดีจริงๆ…” 

“แน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ปินจวี๋ยิ้มอยู่ข้างๆ “พี่ตงชิงสืบทอดมาเต็มๆ!” 

ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ สืออีเหนียงก็นึกถึงตอนที่ตัวเองเรียนหนังสือ…เปิดเรียนหลังจากเทศกาลตรุษจีน แต่ละคนก็เอาอาหารของบ้านเกิดตัวเองกลับมาให้พี่ๆ น้องๆ ที่อยู่ห้องนอนเดียวกันชิม… มีแค่ตัวเองที่ในห่อผ้ามีแต่ขนมที่แพงที่สุดที่สามารถซื้อได้ในร้านค้าตลอด… 

สีหน้าของนางมืดมนลง 

ตงชิงเห็นเช่นนี้ นางก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองกังวลมาตลอด 

“คุณหนูสิบเอ็ด” น้ำเสียงของนางไม่สบายใจเล็กน้อย “เพื่อเรื่องของบ่าว…” 

สืออีเหนียงตกใจ ผ่านไปไม่นานถึงได้เข้าใจว่านางกำลังพูดถึงอะไร 

ตงชิงหน้าตาสวยงาม สงบเสงี่ยมเจียมตัว เย็บปักถักร้อยก็เป็น ถูกใจป้าเหยาของนายหญิงใหญ่ นางอยากให้ตงชิงแต่งงานกับหลานชายตัวเอง แต่หลานชายคนนั้นของป้าเหยาหน้าตาไม่หล่อเหลา แล้วยังชอบไปหอนางโลมชอบเล่นการพนัน ไม่ต้องพูดถึงสืออีเหนียง แม้แต่ตงชิงเองก็ไม่ชอบเขา ปีก่อน ป้าเหยามาพูดเรื่องนี้กับสืออีเหนียง สืออีเหนียงยังรับปากอย่างดิบดี บอกว่าได้แต่งงานกับครอบครัวของป้าเหยาคือวาสนาของตงชิง แต่เมื่อป้าเหยาเดินจากไป นางก็เดินออกไปหานายหญิงใหญ่ทันที ไปนวดขาให้นายหญิงใหญ่พร้อมกับถามนายหญิงใหญ่ด้วยความสับสน “…ป้าเหยาบอกว่าหลานชายของนางกำลังจะแต่งภรรยา แต่มาถูกใจตงชิง…ข้าอยู่กับตงชิงทุกวัน ไม่รู้เหมือนกันว่าหลานชายของนางเคยเจอกับตงชิงที่ไหนกัน…” 

ตั้งแต่นั้นมา นายหญิงใหญ่ก็ไม่ค่อยสนใจป้าเหยา เรื่องนี้จึงเงียบไป แต่ความโกรธเคืองระหว่างสืออีเหนียงกับป้าเหยาก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน! 

ผ่านไปไม่นาน นายหญิงใหญ่ก็เรียกใช้งานป้าเหยาอีกครั้ง ป้าเหยาได้หน้าแล้วยังพูดว่า “พวกเจ้าคอยดู ไม่เกินสองปี ข้าจะทำให้นางชั้นต่ำคนนั้นไปนอนอยู่ใต้หลานชายของข้า ให้หลานชายข้าขี่ตามอำเภอใจ…” 

กฎระเบียบที่ไม่ได้เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรของเหล่าตระกูลเศรษฐีในต้าโจว หากสาวใช้อายุยี่สิบแล้วยังไม่มีคู่ครอง จะต้องถูกไล่ออก จะได้ไม่ผิดธรรมเนียม 

ปีนี้ตงชิงอายุสิบแปดปีแล้ว… 

หลู่อี๋เหนียง มารดาแท้ๆ ของสืออีเหนียงอดไม่ได้ที่จะตักเตือนนาง ‘เหตุใดถึงได้ทะเลาะกับป้าเหยาเพราะสาวใช้คนเดียวกันเล่า…นางเป็นคนสนิทของนายหญิงใหญ่…ทางออกของเจ้าเองอยู่ที่ใดก็ไม่รู้ ยังจะทำให้นางไม่พอใจเพราะสาวใช้คนเดียว…’ 

นึกถึงเรื่องนี้ สืออีเหนียงพลันรู้สึกหงุดหงิด 

นางไม่ได้เสียใจที่ออกหน้าแทนตงชิง  

การอาศัยอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยสตรีอย่างจวนสกุลหลัว คนดีมักจะถูกคนอื่นรังแก หากแม้แต่สาวใช้ของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ ใครจะมองเห็นหัวเล่า แล้วอีกอย่าง ตงชิงทำเพื่อนางตั้งมากมาย… 

นางเป็นห่วงอนาคตของตงชิง! 

บุตรีอนุภรรยา หน้าตางดงาม แต่มารดาไม่เป็นที่โปรดปราน…ชะตากรรมอยู่ในเงื้อมมือของนายหญิงใหญ่ 

หากนายหญิงใหญ่เป็นฮูหยิน[1]ที่พูดประโยคน่าฟังให้ฟังเพียงสองสามประโยคแล้วสามารถถูกล่อลวงได้ง่ายก็คงดี แต่นางเกิดในตระกูลที่มีฐานะในเฉียนถัง ท่านพ่อเป็นถึงขุนนางรองเจ้ากรมพิธีกรรม เลื่อนตำแหน่งตามท่านพ่อตั้งแต่เด็ก ไปมาแล้วครึ่งต้าโจว ถูกเลี้ยงดูมาราวกับเด็กผู้ชาย อายุสิบสามปีแต่งเข้ามาในจวนสกุลหลัว อายุสิบห้าปีดูแลตระกูล นายท่านใหญ่มีภรรยาตั้งหกคน นอกจากบุตรชายของเคออี๋เหนียง[2] สาวใช้ส่วนตัวคนก่อนของนายหญิงใหญ่ ที่มีอายุน้อยกว่าบุตรชายคนโตแค่เก้าปี บุตรคนที่เหลือแท้งบ้าง เป็นบุตรสาวบ้าง…ทุกครั้งที่เห็นสีหน้าที่ราวกับพระโพธิสัตว์ของนายหญิงใหญ่ สืออีเหนียงมักจะรู้สึกไม่สบายใจราวกับนั่งลงบนเข็ม 

ความคิดนั้นวาบขึ้นมา สืออีเหนียงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองเพดานข้างบนด้วยสีหน้าแปลกๆ  

หอลู่จวินที่มีสามห้องสองชั้น สืออีเหนียงอยู่ชั้นหนึ่งทางด้านตะวันออก สือเอ้อร์เหนียงอยู่ทางด้านตะวันตก สือเหนียงอยู่ชั้นบน 

หลู่อี๋เหนียงมารดาแท้ๆ ของสืออีเหนียงและหยางอี๋เหนียงมารดาแท้ๆ ของสือเหนียงต่อสู้กันมาแล้วครึ่งชีวิต สุดท้ายอี๋เหนียงทั้งสองคนก็ถูกลู่อี๋เหนียงมารดาแท้ๆ ของสือเอ้อร์เหนียงจัดการ…สือเหนียงนึกขึ้นมาแล้ว นางก็สั่งให้สาวใช้เอาค้อนมาเคาะที่พื้น เคาะจนทำให้ทั้งสองคนอยู่ไม่เป็นสุข  

สืออีเหนียงทนได้ เพราะว่านางมีจิตวิญญาณที่เป็นผู้ใหญ่ แต่สือเอ้อร์เหนียงที่อายุแค่เจ็ดปีก็ทนได้เหมือนนาง มันทำให้นางต้องมองสือเอ้อร์เหนียงใหม่จริงๆ  

“พี่ตงชิงไม่ต้องห่วง” เห็นว่าสืออีเหนียงไม่พูดไม่จา บรรยากาศที่มีความสุขในห้องก็ลอยหายไป ปินจวี๋ยิ้มปลอบใจตงชิง “เหลืออีกตั้งสองปีไม่ใช่หรือ คุณหนูฉลาดขนาดนี้ ในสองปีนี้นางต้องมีทางออกได้แน่นอน!” 

ตงชิงสีหน้าหม่นลง พูดอะไรไม่ออก  

สืออีเหนียงเห็นเช่นนี้ก็ใจหวั่น นึกถึงสีหน้าของตงชิงตอนที่พึ่งกลับมา 

นางถามอย่างเคร่งขรึม “ตงชิง ป้าเหยาส่งคนไปขอเจ้าที่บ้านหรือ” 

ตงชิงหลับตาลง 

ได้คำตอบกลับมาอย่างเงียบๆ ในใจของงสืออีเหนียงลุกเป็นไฟ 

นางถอนหายใจอย่างเย็นชา กำลังจะพูดอะไรขึ้นมา แต่ชิวจวี๋สาวใช้คนหนึ่งตั้งใจตะโกนเสียงดังขึ้นมา “ป้าเหยา หิมะตกหนักขนาดนี้ ท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ เร็วเข้า รีบเข้ามาดื่มชาร้อนๆ ให้หายหนาว” 

ทุกคนในห้องต่างตกใจ 

ปินจวี๋หน้าซีดเซียวจับแขนเสื้อของสืออีเหนียง “ทำเช่นไรดีเจ้าคะ ทำเช่นไรดี” 

สายตาที่อ่อนโยนของตงชิงพลันแหลมคมขึ้นมา  

“ตกใจทำไมกัน” สืออีเหนียงยิ้มพลางยืนขึ้น พูดกับทั้งสองคนอย่างสงบนิ่ง “ตงชิงเจ้าไปเอาเสื้อคลุมสีแดงที่นายหญิงใหญ่มอบให้ข้าครั้งก่อนมาต้อนรับแขก ปินอวี๋ เจ้าไปเชิญป้าเหยาเข้ามา” 

ความสงบนิ่งของนางแพร่ใส่ตงชิงและปินจวี๋ 

ทั้งสองคนตอบรับและกำลังจะแยกทาง แต่ป้าเหยากลับเปิดม่านเข้ามาเองแล้ว มองดูพวกนางสามคนที่อยู่ในห้องด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย “คุณหนูสิบเอ็ดเจ้าคะ นายหญิงใหญ่เชิญท่านไปพบ” 

 

 

[1] ฮูหยิน ภรรยาหลวง 

[2] อี๋เหนียง อนุภรรยา 

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท