ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 30 พี่หญิง (ปลาย)

ตอนที่ 30 พี่หญิง (ปลาย)

 

หยวนเหนียงและนายหญิงใหญ่ต่างก็โศกเศร้า บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที 

จุนเกอชะโงกหัวออกมาจากอ้อมแขนของท่านแม่และเบิกตาโตมองดูนายหญิงใหญ่ด้วยดวงตาที่ไร้เดียงสา ราวกับว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมท่านยายถึงร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเหตุผล 

อู่เหนียงหันมามอง นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเดินไปยื่นให้นายหญิงใหญ่เช็ดน้ำตา “วันนี้ท่านแม่กับพี่หญิงได้มาเจอกัน เป็นเรื่องที่น่ายินดี ทำไมท่านแม่ถึงร้องไห้ล่ะเจ้าคะ!” 

นายหญิงใหญ่ได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มทั้งน้ำตา รับผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา “ดูข้าสิ ยิ่งแก่ยิ่งไม่ได้เรื่อง” 

รอยยิ้มนั้น มันยังไม่ค่อยธรรมชาติสักเท่าไหร่นัก 

หยวนเหนียงกระพริบตา “ท่านแม่อยู่กับข้า ไม่ต้องพิธีรีตองมากนักหรอกเจ้าค่ะ” 

นายหญิงใหญ่พยักหน้า 

จากนั้นก็มีสาวใช้ตักน้ำมาให้นายหญิงใหญ่และหยวนเหนียงล้างหน้าล้างตา 

หยวนเหนียงมีคนคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่แล้ว ส่วยนายหญิงใหญ่ก็มีสืออีเหนียงช่วยยกกะละมัง อู่เหนียงช่วยจับแขนเสื้อให้นาง 

ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว หยวนเนียงก็พูดกับสาวใช้ “ไปหยิบแป้งกงเฝิ่นที่ฮองเฮามอบให้ครั้งก่อนมา” 

สาวใช้ตอบรับ “เจ้าค่ะ” จากนั้นก็นำกล่องเล็กๆ ลายครามออกมา  

“ท่านแม่ลองใช้ดูเจ้าค่ะ ของในพระราชวัง” หยวนเนียงยิ้ม “ข้าไม่ได้ใช้ของพวกนี้ ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ หากท่านอยากได้ ข้าบอกให้คนเอาไปให้สองสามกล่อง” 

สาวใช้รีบถือกระจกออกมา 

นายหญิงใหญ่รับกล่องแป้ง ฐานสีเหลืองอ่อน ลวดลายสีฟ้าสลับซับซ้อน ช่างสง่างามและเรียบง่าย 

“สมแล้วที่เป็นของในพระราชวัง” นางถือเล่นในมือสองสามครั้ง จากนั้นก็เปิดกล่องอย่างเบามือ 

ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอมที่สดชื่นของดอกมะลิพุ่งออกมา กลิ่นอบอวลไปทั่วห้อง ทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่นขึ้นไม่น้อย 

สืออีเหนียงสั่นไหว นางเหลือบมองไปที่กล่องนั้น 

ผงแป้งข้างในเป็นสีเหลืองอ่อน… 

นางอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว 

เทคนิคการแต่งหน้าสมัยใหม่ เติมแป้งสีเหลืองลงบนรองพื้นแล้วทาบนใบหน้า ทำให้ผิวสีเหลืองกระจ่างใสเรียบเนียน…หญิงสกุลหลัวล้วนแต่ใช้แป้งสีขาว ไม่เพียงเท่านั้น ยังคิดว่ายิ่งขาวเท่าไหร่ยิ่งดี… นี่เป็นสองแนวคิดที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง 

ของในพระราชวัง ดีกว่าของในท้องตลาดมากจริงๆ ! 

ในขณะที่คิด นายหญิงใหญ่ก็ทาแป้งบนใบหน้า 

เป็นอย่างที่สืออีเหนียงคิดไว้ไม่มีผิด ผงแป้งนุ่มนวลอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้นายหญิงใหญ่ดูเด็กลงไปไม่น้อย 

อู่เหนียงนั่งตกใจอยู่ข้างๆ สายตาของนางเป็นประกายขึ้นมา แม้แต่ป้าสวี่ก็ยังตกใจ 

หยวนเนียงยิ้มแล้วบอกสาวใช้ว่า “พรุ่งนี้เจ้าไปบอกซ่งไหม่ปั้น บอกว่าแป้งกงเฝิ่นที่ฮองเฮามอบให้ครั้งก่อนไม่เลวเลยทีเดียว บอกให้เขาส่งมาให้อีกสักสองสามกล่อง” 

สาวใช้ย่อเข่าลง แต่นายหญิงใหญ่กลับสะบัดมือ “ไม่ต้องๆ ไม่ต้องเป็นหนี้บุญคุญใครเพียงเพราะแป้งกงเฝิ่นดีกว่า” 

หยวนเหนียงยิ้มและพูดว่า“ไม่ต้องเป็นห่วง ผู้ที่ดูแลกรมพระราชวังตอนนี้คือซุ่นอ๋อง เขาโตมากับท่านโหว พวกเขาสนิทสนมกันมาก” 

นายหญิงใหญ่ก็ยังคงปฏิเสธ จู่ๆ ก็มีสาวใช้รายงานว่า “ฮูหยิน เหวินอี๋เหนียงมาเจ้าค่ะ!” 

หยวนเหนียงตกใจ นางยิ้มและพูดว่า “หูของนางช่างไวเสียจริง…ให้นางเข้ามา!” นางไม่ได้โมโหอะไร แต่กลับนิ่งสงบและเป็นธรรมชาติ ราวกับได้ยินว่าเพื่อนบ้านที่ดีมาเยี่ยม… 

นายหญิงใหญ่มองลูกสาวด้วยความสับสนและพูดเบาๆ ว่า “คนของตระกูลเหวินแห่งหยางโจว…” 

หยวนเหนียงพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านแม่ก็ทำความรู้จักไว้เถิดเจ้าค่ะ ล้วนแต่เป็นคนเจียงหนาน ถึงแม้ว่าสกุลเหวินจะเป็นตระกูลทำเกลือ แต่สองสามปีมานี้กิจการผ้าไหมก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว รู้จักเพิ่มอีกคนหนึ่งก็มีเส้นทางเพิ่มอีกเส้นทางหนึ่ง หากมีโอกาส ให้อู๋เซี่ยวเฉวียนไปที่หยางโจว เห็นแก่ข้า คนของสกุลเหวินจะต้องต้อนรับนางเป็นอย่างดีแน่นอน!” 

ทรัพย์สินของสกุลหลัวนอกจากที่ดินก็คือร้านผ้าไหม แท้จริงสกุลหลัวนั้นเป็นสกุลนักปราชญ์ หากไม่ใช่เพราะว่าการเก็บเกี่ยวต้องพึ่งพาสวรรค์ และกำไรของผ้าไหมก็ทำให้จิตใจสั่นคลอนเสียจริง พวกเขาก็คงไม่เปิดร้านทำกิจการ ดังนั้นถึงแม้ว่าผ้าไหมหยวนเต๋อของสกุลหลัวจะมีชื่อเสียงมายาวนานในเจียงหนาน แต่กลับทำกิจการอยู่ใกล้กับหังโจว ไม่ได้มีสาขาในที่อื่น ถึงแม้ว่าจะทำกิจการมาแล้วหลายชั่วอายุคน แต่ก็ด้อยกว่าคนที่อยู่ข้างหน้า ดีกว่าคนที่อยู่ข้างหลังเท่านั้น  

สืออีเหนียงได้ยินน้ำเสียงของหยวนเหนียง ราวกับว่านางจะให้นายหญิงใหญ่ใช้อำนาญของสกุลเหวินขยายกิจการ! 

นางอดไม่ได้ที่จะตกใจ  

คนที่รู้สึกตกใจเหมือนสืออีเหนียงก็ยังมีนายหญิงใหญ่ “เจ้าหมายความว่า…” 

หยวนเหนียงยิ้มให้ท่านแม่และพูดว่า“เรื่องนี้ประเดี๋ยวเราค่อยพูดคุยกันทีหลัง” นางหันหน้าไปพูดกับสาวใช้ “ไปเอากระจกเพชรตาแมวลายครามของข้ามาให้นายหญิงใหญ่” จากนั้นก็อธิบายให้นายหญิงใหญ่ฟัง “ท่านเอาเป็นของขวัญให้นางเถิด!” 

สืออีเหนียงครุ่นคิด 

นายหญิงใหญ่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับมีเสียงที่ดังออกมาจากม่านกันลม “พี่หญิง นายหญิงใหญ่มาเยี่ยมท่านหรือเจ้าคะ!” 

ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็มองไปที่ม่านกันลม เห็นผู้หญิงรูปร่างผอมคนหนึ่งเดินเข้ามา  

นางสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีเหลืองขมิ้น เสื้อกั๊กยาวลายดอกสีแดง กระโปรงสีขาว หวีผมมัดหางม้าต่ำๆ ด้านซ้ายประดับด้วยไข่มุกสีเขียวมรกต ด้านขวาปักปิ่นปักผมดอกสือหลิวสีทองสามดอก สวมต่างหูจี้หยกรูปหยดน้ำห้อยระยิบระยับอยู่ข้างแก้ม ทำให้ผิวของนางขาวราวกับหิมะ ช่างมีเสน่ห์และเย้ายวน 

สายตาของสืออีเหนียงเป็นประกาย 

ช่างเป็นคนที่งดงาม! 

“นายหญิงใหญ่ ข้าสะใภ้เหวิน คารวะนายหญิงใหญ่!” สะใภ้เหวินยิ้มและพูดอย่างคล่องแคล่ว เดินเข้ามาย่อคำนับนายหญิงใหญ่อย่างมั่นคง  

นายหญิงใหญ่ยิ้มอยู่ตั้งนานแล้ว “รีบลุกขึ้นเร็ว รีบลุกขึ้น ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนี้!” ป้าสวี่ก็ยื่นกล่องสีแดงให้นายหญิงใหญ่ นายหญิงใหญ่เห็นกล่องนั้นวิจิตรงดงาม ลวดลายก็สง่าผ่าเผย มันไม่ใช่ของของสกุลตัวเอง นายหญิงใหญ่รู้ว่ามันก็คือกระจกที่ลูกสาวของนางพูดถึงเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่นางก็ยิ้มรับมันมาแล้วยื่นให้สะใภ้เหวิน “เจ้ารับเถิด!” 

สะใภ้เหวินยิ้มและรับมันมา เหลือบมองไปที่กล่องกล่องนั้นแล้วยื่นให้สาวใช้ที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นก็เดินไปคารวะหยวนเหนียง “พี่หญิง ดีขึ้นแล้วหรือยังเจ้าคะ?” 

หยวนเหนียงยิ้ม “เจ้ามาหาข้าเช่นนี้ ไม่ดีก็ต้องดีแล้วล่ะ!” 

เหวินอี๋เหนียงได้ยินเช่นนี้ก็หน้าเสีย “พี่หญิง อย่าให้ท่านโหวได้ยินคำพูดเช่นนี้นะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้น ชีวิตของข้าคงจะเป็นอันตราย จะต้องถูกท่านโหวส่งไปต้มทำเป็นซุปที่หมอหลวงหวังแน่นอน…” 

จู่ๆ จุนเกอที่อยู่ในอ้อมแขนของหยวนเหนียงก็พูดขึ้นมาว่า “อี๋เหนียง ท่านพูดผิดแล้ว ป้าหวงต่างหากที่ดูแลโรงครัว…” 

หยวนเนียงหัวเราะออกมา 

ทุกคนก็พากันหัวเราะตาม 

มีแค่จุนเกอที่มองซ้ายมองขวา เขาไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงหัวเราะ แต่พอเห็นว่าทุกคนหัวเราะ เขาก็มุดเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของท่านแม่ด้วยความเขินอาย  

เหวินอี๋เหนียงเดินเข้าไปยิ้มให้จุนเกอหน้าเตียง “จุนเกอเด็กดี หากท่านโหวถามขึ้นมา เจ้าจะต้องบอกเหมือนเมื่อครู่นะ บอกว่าหมอหลวงหวังไม่ได้ดูแลโรงครัว คนที่ดูแลโรงครัวคือป้าหวง” 

จุนเกอเงยหน้าขึ้นและพยักหน้าให้เหวินอี๋เหนียง จากนั้นก็มุดเข้าไปในอ้อมแขนของท่านแม่อีกครั้ง  

ทุกคนต่างพากันหัวเราะอีกครั้ง 

อาจจะเป็นเพราะว่าหัวเราะบ่อยเกินไป หยวนเหนียงจึงไอออกมา 

เหวินอี๋เหนียงรีบเดินเข้าไปลูบหลังหยวนเหนียง จากนั้นก็รับชาที่สาวใช้ยื่นมา รินใส่ถ้วยจิบแล้วก็นั่งปรนนิบัติหยวนเหนียงดื่มชาบนเตียง 

การกระทำของนางช่างชำนาญ ไม่กระตุกเลยสักนิด เห็นได้ว่านางมักจะทำเช่นนี้บ่อยๆ 

สายตาของสืออีเหนียงเป็นประกาย แต่อู่เหนียงกลับมีสีหน้าตกใจ 

ดื่มชาไปแล้ว หยวนเนียงก็ดีขึ้น เหวินอี๋เหนียงมองไปที่อู่เหนียงและสืออีเหนียงที่ยืนอยู่หน้าเตียงด้วยความเป็นห่วง“สองท่านนี้น่าจะเป็นคุณหนูห้าและคุณหนูสิบเอ็ดใช่หรือไม่” 

หยวนเนียงยิ้มและพยักหน้า 

เหวินอี๋เหนียงมองดูพวกนางทั้งสองคนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรวดเร็ว ยิ้มและเดินเข้าไปจับมืออู่เหนียง “เจอกับพี่หญิงครั้งแรก ข้ามักจะรู้สึกราวกับว่าได้เจอกับนางฟ้า แต่พี่หญิงมักจะบอกว่าน้องหญิงที่บ้านต่างหากที่งดงามจริงๆ ได้เจอกันวันนี้ ถึงรู้ว่าเป็นเรื่องจริง” 

อู่เหนียงรีบยิ้มแล้วพูดว่า“พี่หญิงดูแลและห่วงใยพวกเรามาตลอดไม่เคยลำเอียง อี๋เหนียงพูดเล่นแล้วเจ้าค่ะ” 

สายตาของเหวินอี๋เหนียงเป็นประกาย “ตายแล้ว ช่างเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ” จากนั้นนางก็มองกลับมาที่หยวนเหนียง “นิสัยเหมือนข้า” 

หยวนเนียงหัวเราะ 

เหวินอี๋เหนียงโบกมือให้สาวใช้ของตัวเอง สาวใช้คนนั้นก็ถือกล่องออกมาสองกล่อง  

“เพิ่งรู้ว่านายหญิงใหญ่จะพาน้องหญิงสองคนมาที่เรือน ข้าจึงรีบไปหน่อย คุณหนูทั้งสองอย่าถือสาเลยนะเจ้าคะ” 

อู่เหนียงกับสืออีเหนียงกล่าวขอบคุณแล้วก็รับกล่องนั้นมา  

เจอกันเช่นนี้ก็จะต้องมีของขวัญ ตัวเองยังเด็กโชคดีจริงๆ… 

สืออีเหนียงแอบยิ้มในใจ  

จากนั้นก็มีสาวใช้รายงานผ่านม่านกันลม “พี่เหยาหวงสาวใช้ของไท่ฮูหยินมาเจ้าค่ะ” 

มากันทีละคน ราวกับงานรวมตัวกันจริงๆ เลย! 

สืออีเหนียงอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง 

“รีบเชิญนางเข้ามา!” หยวนเหนียงยิ้ม จากนั้นก็มีสาวใช้รูปร่างสูงเดินอ้อมม่านกันลมเข้ามา  

นางอายุแค่สิบเจ็ดสิบแปด รูปร่างผอมเพรียว แต่กลับมีใบหน้ากลมอ้วนท้วม มองดูแล้วราวกับตุ๊กตาหัวโต ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สัดส่วน แต่ก็ดูน่ารักเป็นอย่างมาก 

เห็นคนอยู่เต็มห้อง นางก็ยิ้มและเดินเข้ามาคารวะทุกคน จากนั้นก็พูดกับนายหญิงใหญ่ “ไท่ฮูหยินให้ข้ามาบอกว่า รู้ว่านายหญิงใหญ่จะมา เดิมทีต้องมาต้อนรับด้วยตัวเอง แต่บังเอิญฮูหยินของเฉิงกั๋วกงพาหลานสาวมาเยี่ยม ท่านจึงรบกวนขอให้นายหญิงใหญ่นั่งก่อนสักประเดี๋ยว นายหญิงใหญ่ได้โปรดอย่าถือสานะเจ้าคะ” 

สืออีเหนียงที่เฝ้าสังเกตหยวนเนียงอย่างระมัดระวังอยู่ตลอดก็เห็นความเย็นชาในสายตาของพี่หญิงใหญ่  

แต่นายหญิงใหญ่กลับตอบกลับไปอย่างสุภาพ “ไท่ฮูหยินอายุเยอะกว่าข้า เดิมทีก็ต้องเป็นข้าที่ไปหาไท่ฮูหยิน จะให้ไท่ฮูหยินเดินมาเองได้เช่นไรกัน” พูดจบ นางก็ลังเลแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าฮูหยินเฉิงกั๋วกงยังจะอยู่อีกนานแค่ไหน แต่ในเมื่อข้ามาแล้ว ข้าจะไม่ไปคารวะไท่ฮูหยินได้เช่นไร…” 

ไม่รอให้เหยาหวงตอบกลับมา หยวนเหนียงยิ้มแล้วพูดว่า“ท่านแม่ ท่านย่าเป็นเจ้าบ้าน จะทิ้งแขกมาไม่ได้ แต่ท่านก็คือแขก แน่นอนว่าแขกต้องทำตามเจ้าบ้าน ทำไมท่านถึงจะไปไม่ได้” พูดจบก็สั่งสาวใช้ข้างๆ “พวกเจ้าช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้า” นางทำเหมือนจะไปหาไท่ฮูหยินกับนายหญิงใหญ่  

นายหญิงใหญ่อดไม่ได้ที่จะลังเล 

สุขภาพของลูกสาวเป็นเช่นนี้ ให้นางไปด้วยตัวเองไม่สบายใจ ไม่ให้นางไปด้วยก็คงจะเสียมารยาท  

ทันใดนั้น นางก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก 

เหวินอี๋เหนียงสายตาเป็นประกาย นางยิ้มและพูดว่า “พี่หญิง ให้ข้าไปกับนายหญิงใหญ่ดีกว่าเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้น หากไท่ฮูหยินเห็นว่าพี่หญิงไม่ห่วงสุขภาพตัวเองเช่นนี้ ท่านจะเสียใจเอาได้นะเจ้าคะ” 

หยวนเหนียงครุ่นคิด 

เหวินอี๋เหนียงพูดอีกว่า “ข้าอุ้มจุนเกอไปกับนายหญิงใหญ่” 

“ก็ได้!” หยวนเนียงยิ้ม “ถึงคราวนั้นให้จุนเกอคารวะท่านแม่แทนข้า” 

เหวินอี๋เหนียงยิ้มและพูดว่า “พี่หญิงไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราไปประเดี๋ยวก็กลับมา” 

หยวนเหนียงมองไปที่ท่านแม่ของตัวเองด้วยความรู้สึกผิด นางยังไม่ทันได้อ้าปากพูด นายหญิงใหญ่ก็ยิ้มและพูดว่า “ความคิดนี้ของอี๋เหนียงไม่เลว ให้จุนเกอไปหาไท่ฮูหยินกับข้า” นางพูดอีกว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง มีข้าอยู่ ข้าไม่มีทางให้จุนเกอตากลมหนาวเป็นหวัดแน่นอน” 

สายตาที่มองท่านแม่ของหยวนเหนียงก็ค่อยๆ จริงจังขึ้นมา “เช่นนั้นข้าก็ฝากจุนเกอกับท่านด้วย” 

นายหญิงใหญ่พยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม 

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท