ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 115 เรื่องในอดีต (ต้น)

ตอนที่ 115 เรื่องในอดีต (ต้น)

ป้าเซี่ยงทำเป็นขยันขันแข็งต่อหน้าหู่พั่ว ไปๆ มาๆ หู่พั่วก็รู้สถานการณ์ของครอบครัวของนาง

นางมีบุตรชายคนเดียว อายุยังไม่ถึงยี่สิบก็ป่วยตาย ทิ้งหลานสาวและหลานชายไว้ให้นางเลี้ยงดู แต่นางไม่อยากดูแลลูกสะใภ้ที่ยังอายุน้อยต้องกลายเป็นแม่ม่าย จึงให้นางไปแต่งงานใหม่ ส่วนสามีของนางเป็นคนดูแลม้าในคอกม้า กินดื่มกับที่จวน เงินเดือนเดือนละห้าร้อยเหวิน แล้วนางก็ไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง ยังต้องเลี้ยงหลานสาวและหลานชาย ชีวิตยากลำบากจริงๆ

สืออีเหนียงได้ยินเช่นนี้ก็เงียบไปครู่หนึ่ง

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ท่านป้าในเรือนของนางที่ทุ่มเทให้กับงานทุกอย่าง ถึงแม้ว่าอยากจะเปลี่ยนคนจริงๆ แต่นางก็ไม่มีทางรับคนที่พูดมากเข้ามา เมื่อก่อนชีวิตนางราบรื่นมาตลอด มาถึงจวนสกุลหลัวถูกสิ่งแวดล้อมบังคับให้ก้มหัว นางเคยขอร้องอ้อนวอนคนอื่น จึงมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากกว่าคนทั่วไป อะไรที่ตัวเองไม่ชอบ ก็อย่าไปทำกับคนอื่น ให้ความหวังที่ยิ่งใหญ่กับป้าเซี่ยงเช่นนี้ จากนั้นก็บอกว่าตอนนี้ยังไม่เปลี่ยนคน เกรงว่าผ่านไปครึ่งเดือนนางก็คงจะนอนไม่หลับ แล้วยังมีไก่ย่างสองตัวนั้น ไม่รู้ว่านางเอาเงินเก็บที่ไหนมาซื้อ ตัวเองสงสารนาง เพราะว่านางมีความเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ที่ตัวเองเคยผ่านมา แต่ตอนที่หู่พั่วพูดถึงเรื่องนี้นางรู้สึกละอายใจ มันทำให้นางแปลกใจ!

“หลานชายและหลานสาวของป้าเซี่ยงอายุเท่าใด”

หู่พั่วสายตาเป็นประกาย “หลานสาวโตกว่า ปีนี้อายุสิบสองปีเจ้าค่ะ เพราะว่าเกิดเดือนสี่จึงมีชื่อว่าฟังเฟย ส่วนหลานชายคนเล็กปีนี้อายุสิบขวบ มีชื่อว่าสั่วเอ๋อร์เจ้าค่ะ”

สืออีเหนียงนึกขึ้นได้ว่าในเรือนของหยวนเหนียงมีคนชื่อฟังเฟย “ฟังเฟยที่อยู่ที่เรือนของพี่หญิงใหญ่หรือ”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” หู่พั่วยิ้ม “ได้ยินว่าคนนั้นเป็นคนฉลาดและไหวพริบดี ดังนั้นคนในจวนจึงพากันเรียกนางว่าฟังเฟย”

สืออีเหนียงพึมพำ “ป้าเซี่ยงเป็นคนพูดมาก ไม่เหมาะที่จะอยู่ที่เรือนเรา ถึงตอนนั้นเจ้าลองหาดูว่าเรือนใดขาดสาวใช้หรือไม่ หางานให้ฟังเฟยทำ คอยสั่งสอนนาง อย่าให้นางพูดมากเหมือนย่าของนาง จะได้มีงานทำอยู่ตลอด”

หู่พั่วเป็นสาวใช้มีที่ความสามารถที่สุดของสืออีเหนียง คนในจวนสกุลสวีรู้กันดี ถึงแม้ว่าสืออีเหนียงจะยังไม่ได้เป็นคนดูแลจวน แต่หากในจวนขาดแคลนคน นางอยากจะรับคนเข้ามา ฮูหยินสามก็ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้กับนาง เรื่องนี้ไม่ยากอยู่แล้ว หู่พั่วตอบรับอย่างมีความสุข จากนั้นพวกนางก็พูดคุยกันเรื่องในจวน

“…ท่านโหวคนก่อนแต่งอนุภรรยาเข้ามาสามคน คนแรกเดิมทีเป็นสาวใช้คนสนิท คลอดคุณชายสาม อายุสามสิบกว่าก็ป่วยเสียชีวิต คนที่สองไม่มีลูก ท่านโหวคนก่อนเสียชีวิตไปไม่ถึงสองปีนางก็ป่วยเสียชีวิตตามไป คนที่สามแต่งเข้ามาตอนท่านโหวเฒ่าแล้ว ตอนที่ท่านโหวคนก่อนเสียชีวิตไปนางอายุแค่ยี่สิบกว่า ไท่ฮูหยินเอาเงินให้นางแล้วปล่อยนางไป ตอนที่ท่านโหวคนก่อนยังมีชีวิตอยู่ เขาจะไปนอนกับบรรดาอี๋เหนียงคนละห้าวัน วันอื่นก็นอนที่เรือนของไท่ฮูหยิน ฮูหยินสามแต่งเข้ามาก็ทำตามกฎระเบียบนี้ ฮูหยินใหญ่คนก่อนก็ทำตามกฎระเบียบนี้เจ้าค่ะ”

สืออีเหนียงไม่รู้ว่าคุณชายสามก็มีอนุภรรยา “…เขามีอี๋เหนี๋ยงกี่คน เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกนางมาจากที่ใด”

“มีคนเดียวเจ้าค่ะ นามสกุลอี้ ตอนที่ฮูหยินสามตั้งครรภ์คุณชายใหญ่ นางก็แต่งหน้าทำผมใหม่ ไม่มีบุตร แต่สนิทสนมกับฉินอี๋เหนียงของเราเจ้าค่ะ”

ล้วนแต่เป็นสาวใช้มาก่อนเหมือนกัน คงมีเรื่องที่พูดคุยถูกคอกัน!

สืออีเหนียงพยักหน้าเบาๆ

“…คุณชายสองเสียชีวิตไปตอนสมัยฮ่องเต้เจี้ยนอู่ครองราชย์ยี่สิบห้าปีในวันที่สิบของเดือนหนึ่ง เหวินอี๋เหนียงแต่งเข้ามาในจวนเมื่อวันที่หกของเดือนสิบเอ็ด ต่อมาฉินอี๋เหนียงและถงอี๋เหนียงก็แต่งหน้าทำผมใหม่ ท่านโหวคนก่อนเสียชีวิตไปเมื่อวันที่เจ็ดสิบสองเจ้าค่ะ”

สกุลฉินและสกุลถงล้วนแต่เป็นสกุลสาวใช้ รับใช้สวีลิ่งอี๋มาตั้งแต่เด็ก ว่ากันว่าถงอี๋เหนียงเสียชีวิตไปนานแล้ว และที่ฉินอี๋เหนียงได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นอี๋เหนียงก็เพราะคลอดบุตรชายคนโต…

“ข้าจำได้ ชิวหลัวไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอี๋เหนียงใช่หรือไม่”

“ท่านจำไม่ผิดเจ้าค่ะ นางไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอี๋เหนียง” หู่พั่วรู้ว่าสืออีเหนียงอยากจะถามอะไร นางพูดเบาๆ “ป้าเซี่ยงบอกว่า ตอนที่ถงอี๋เหนียงเสียชีวิต นางกำลังตั้งครรภ์ได้สี่เดือน หากนางคลอดลูกออกมาได้ เกรงว่าคงจะโตกว่าคุณชายใหญ่…แล้วยังว่ากันว่าหน้าตาของถงอี๋เหนียง จนถึงตอนนี้ในจวนสกุลสวีก็ยังหาคนเทียบมิได้ ตอนที่รับใช้ท่านโหว นางไม่เคยออกไปเที่ยวที่ใด แม้แต่ปีใหม่ เทศกาลไหว้พระจันทร์ ทุกคนในจวนออกไปเที่ยวกันหมด นางก็อยู่ที่เรือน อุ่นที่นอน อุ่นชาให้ท่านโหว ได้รับความโปรดปรานจากไท่ฮูหยินเป็นที่สุด แต่งหน้าทำผมใหม่แล้วถึงได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นอี๋เหนียง”

หน้าตางดงาม รู้ความ ทำตามกฎระเบียบ แต่งหน้าทำผมใหม่แล้วเลื่อนตำแหน่งเป็นอี๋เหนียง จากนั้นก็ตั้งครรภ์ลูกคนแรก…แต่สุดท้ายกลับตายทั้งแม่ทั้งลูก!

ในใจของสืออีเหนียงรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเสียชีวิตเช่นไร”

หู่พั่วสีหน้าซีดเซียว “ว่ากันว่าแท้งเสียชีวิตเจ้าค่ะ…”

ว่ากันว่าสามเดือนแรกอันตรายที่สุดมิใช่หรือ ทำไมสี่เดือนแล้วยัง…

“แล้วท่านโหวล่ะ” สืออีเหนียงถามเบาๆ “ยามที่ท่านโหวรู้ว่าถงอี๋เหนียงเสียชีวิต เขามีปฏิกิริยาเช่นไร”

“ว่ากันว่าตอนนั้นเยี่ยนจิงไม่สงบ ไท่ฮูหยินให้ท่านโหวไปไว้ทุกข์ท่านโหวคนก่อนที่บ้านเกิดที่เหอหนาน เมื่อเขากลับมา ถงอี๋เหนียงก็เสียชีวิตไปเกือบสองปีแล้ว ไม่เห็นว่าท่านโหวจะมีอะไรเปลี่ยนไป แต่ผ่านไปไม่นาน ท่านโหวก็ทะเลาะกับคุณหนูใหญ่เพราะเรื่องของฮูหยินสอง จากนั้นทั้งสองคนก็ห่างเหินกันไปเรื่อยๆ”

“หา?” สืออีเหนียงนั่งตัวตรง “เหตุใดจึงทะเลาะกัน”

“เรือนที่เราอยู่ตอนนี้อยู่ทางทิศตะวันออกของลานหลัก อยู่ทางด้านบนของเรือนฮูหยินและท่านโหวในอดีต หลังจากที่คุณชายสองแต่งงานแล้ว เดิมทีเขาอาศัยอยู่ที่เรือนที่บรรดาอี๋เหนียงของเราอยู่ตอนนี้ ตอนนั้น ยังไม่ได้รื้อโถงเตี่ยนชวน ท่านโหวและคุณหนูใหญ่อยู่ที่โถงเตี่ยนชวน คุณชายห้ายังเด็ก เขาอยู่ที่เรือนทางทิศตะวันออกของเรือนเรา ต่อมาคุณชายสองเสียชีวิต ฮูหยินสองกลายเป็นแม่ม่าย ตามหลักแล้วนางต้องย้ายออกไปอยู่เรือนข้างนอก แต่ตอนนั้นนางไม่สบายไม่ได้สติ กลางวันแสกๆ นางได้ยินเสียงไอของคุณชายสองที่ห้องหนังสือ บอกให้สาวใช้นำเสื้อคลุมไปให้คุณชายสอง…ไท่ฮูหยินได้ยินเช่นนั้นก็น้ำตาไหล ร้องไห้เป็นเพื่อนนางอยู่ที่นั่น ไม่มีใครกล้าบอกให้นางย้ายออกไป ต่อมาฮูหยินสองอาการดีขึ้น ท่านโหวคนก่อนก็มาเสียชีวิตอีก ไท่ฮูหยินล้มป่วยลง ที่จวนก็เกิดเรื่อง บอกว่าท่านโหวคนก่อนก่อกบฏ อยากแย่งชิงตำแหน่งบรรดาศักดิ์ โชคดีที่นายท่านใหญ่คนก่อนของสกุลเราออกหน้าช่วยเหลือ พวกเขาถึงได้ปลอดภัย ดังนั้นที่ท่านแต่งเข้ามา ทุกคนต่างบอกว่าสกุลสวีกำลังตอบแทนบุญคุณสกุลหลัวเจ้าค่ะ!”

สกุลสวีและสกุลหลัวยังมีเรื่องเช่นนี้ สืออีเหนียงพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

“…ท่านโหวกับคุณชายสามเอาแต่อยู่ข้างนอกทุกวัน คุณหนูใหญ่เป็นคนดูแลเรื่องในจวน ฮูหยินสามตั้งครรภ์ ไม่มีใครคอยดูแลไท่ฮูหยิน ล้วนแต่เป็นฮูหยินสองที่ลำบากคอยพาคุณชายห้ามาป้อนน้ำป้อนยาให้ไท่ฮูหยิน แล้วยังต้องดูแลเรื่องเรียนของคุณชายห้า ตอนนั้นนางผอมจนเหลือแต่กระดูก เมื่อเรื่องราวผ่านไป ท่านโหวและคุณชายสามไปไว้ทุกข์ที่เหอหนานบ้านเกิด ฮูหยินสองยังคอยช่วยไท่ฮูหยินดูแลกิจการของตระกูล ในสิบวันนางอยู่ที่เรือนของไท่ฮูหยินถึงเก้าวัน แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงเรื่องที่นางควรย้ายออกไปอยู่เรือนข้างนอก”

สืออีเหนียงตกใจ “ฮูหยินสองช่วยไท่ฮูหยินดูแลกิจการของตระกูล?”

“เจ้าค่ะ” หู่พั่วพูดอย่างเคร่งขรึม “บ่าวถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า ป้าเซี่ยงก็บอกว่า ผู้ดูแลเรือนข้างนอกมีเรื่องอะไรก็ต้องไปรายงานที่ฮูหยินสอง เรื่องของเรือนข้างในต้องไปรายงานที่คุณหนูใหญ่”

สืออีเหนียงครุ่นคิด

หู่พั่วพูดต่อว่า “ต่อมาท่านโหวและคุณชายสามกลับมาแล้ว คุณชายสามดูแลกิจการของตระกูลต่อ ฮูหยินสองจึงเสนอตัวย้ายไปอยู่สถานที่ที่ไท่ฮูหยินอาศัยอยู่ตอนนี้ ท่านโหวไม่เห็นด้วย แล้วยังบอกว่า ข้ากลับมาไม่ใช่เพื่อมาไล่นางออกไปอยู่ข้างนอก ฮูหยินสองได้ยินเช่นนี้ก็ไม่พูดถึงเรื่องย้ายออกไปอีก ไท่ฮูหยินเห็นว่าเช่นนี้ไม่ดี นางจึงให้คนสร้างเรือนสองเรือนขึ้นมาที่ข้างโถงเตี่ยนชวน ก็คือเรือนที่คุณชายห้าอยู่ตอนนี้ และเดิมทีคุณหนูใหญ่ก็เคยอยู่มาก่อน”

“เช่นนี้ แสดงว่าเรือนที่คุณชายห้าอยู่และพี่หญิงใหญ่เคยอยู่นั้นสร้างขึ้นมาทีหลัง?”

“เจ้าค่ะ!” หู่พั่วพยักหน้า “และตอนที่สร้างเรือนสองเรือนนั้นขึ้นมา คุณหนูใหญ่ได้เชิญนักบวชลิทธิเต๋าฉังชุนแห่งสำนักดาราศาสตร์มาดูฮวงจุ้ย นักบวชลิทธิเต๋าฉังชุนคนนั้นพูดไปพูดมาก็พูดถึงเรื่องบุตรชายคนโตของท่านโหว แล้วยังบอกว่า เรือนที่คุณหนูใหญ่อาศัยอยู่นั้นอยู่ที่ทิศตะวันตก ไปชนกับดวงของท่านโหว ดังนั้นบุตรจึงไม่แข็งแรง หากสามารถย้ายไปอยู่ที่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจวนสกุลสวีได้ ไม่เพียงแต่ทำให้เรื่องร้ายกลายเป็นเรื่องดี ลูกหลานก็จะเจริญรุ่งเรือง และคุณหนูใหญ่จะราวกับได้เกิดใหม่ จะได้คลอดบุตรชาย คุณหนูใหญ่ได้ยินเช่นนี้ ตอนนั้นนางก็ให้นักบวชลิทธิเต๋าฉังชุนทำพิธีทันที…”

สืออีเหนียงเคยเจอเรื่องน้ำเน่าพวกนี้มาเยอะแล้ว แค่เรื่องที่คนอื่นคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระก็อาจจะเป็นชนวนของการหย่าร้างได้ ต่อมาเกิดอะไรขึ้น นางก็พอจะเดาออก “จากนั้นเรือนที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจวนสกุลสวีจึงกลายเป็นเรือนของเราต้อนนี้!”

หู่พั่วพยักหน้าซ้ำๆ “ตอนนั้นยังไม่ได้สร้างเรือนข้างโถงเตี่ยนชวน ฮูหยินสองได้ยินเช่นนี้ก็ย้ายไปอยู่ที่เรือนข้างสวนดอกไม้หลังจววน ท่านโหวบอกว่าคุณหนูใหญ่เรื่องมาก แล้วยังบอกว่าฮูหยินสองเป็นผู้หญิงคนเดียว อยู่ที่สวนดอกไม้คนเดียวเช่นนี้ ทำไมไม่ไล่นางไปอยู่ที่สำนักอันถังเสียเลย อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อน คุณหนูใหญ่น้อยใจเป็นอย่างมาก บอกว่าตัวเองอยู่ที่เรือนข้างบนจวนสกุลสวีมาสามปียังไม่เคยบ่นอะไรสักคำ หากนางอยากจะไล่ฮูหยินสองไปจริงๆ คงไล่ไปตั้งนานแล้ว ใครจะรู้ว่าท่านโหวได้ยินเช่นนั้นกลับยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม บอกว่าคุณหนูใหญ่เอาแต่คิดถึงเรือนข้างบนนั้นทุกวัน แล้วยังบอกว่า ‘ตอนนี้ข้าเป็นหย่งผิงโหวแล้ว เลื่อนตำแหน่งแล้ว ตอนนี้เจ้าพอใจแล้วหรือยัง มีความสุขแล้วหรือยัง’ คุณหนูใหญ่โมโหจนร้องไห้ บอกกลับว่า ‘ตอนที่เจ้าไม่ได้เป็นท่านโหวข้าก็อยู่กับเจ้ามิใช่หรือ’ พวกเขาพูดคุยกันลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านโหวที่ปกติไม่เคยพูดเสียงดังต่อหน้าคุณหนูใหญ่ เขากลับทุบโต๊ะไม้หวงลี่ที่อยู่ข้างๆ จนแตกออกเป็นชิ้นๆ ทำเอาหว่านเซียงตกใจจนวิ่งไปเรียกไท่ฮูหยินมา”

“จากนั้นไท่ฮูหยินก็ต่อว่าท่านโหว?”

หู่พั่วเหลือบไปมองสืออีเหนียง “ท่านรู้ได้เช่นไรเจ้าคะ”

สืออีเหนียงยิ้ม “ไท่ฮูหยินเป็นคนตามใจคนอ่อนแอไม่ตามใจคนเข้มแข็ง ฮูหยินสองอยู่ตัวคนเดียว ดังนั้นนางจึงสงสารฮูหยินสอง คุณชายห้าราวกับเด็กที่ไม่รู้จักโต ดังนั้นนางจึงกลัวว่าคุณชายห้าจะได้รับความไม่เป็นธรรม ฮูหยินสามมีบุตรชายสองคนเป็นเพื่อน คุณชายสามก็ตามใจฮูหยินสาม ไท่ฮูหยินจึงไม่กังวลว่านางจะลำบาก นางไม่เป็นห่วงฮูหยินสาม และก็สนใจนางน้อยที่สุด” แม่สามีเช่นนี้ นางเจอมาเยอะแล้ว ลูกสะใภ้มักจะคิดว่าแม่สามีไม่ยุติธรรม แต่แม่สามีกลับหวังว่าทุกคนจะมีชีวิตที่ดี คิดว่าเจ้ามีความสามารถ เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือเจ้า “ตอนที่พี่หญิงใหญ่และท่านโหวทะเลาะกัน แน่นอนว่านางต้องช่วยพี่หญิงใหญ่ต่อว่าบุตรชายของตัวเอง ทำให้ศึกสงบลง!”

สายตาของหู่พั่วมีความชื่นชม “เพราะเช่นนี้ ท่านโหวที่ปกติไม่ค่อยพูดอะไรต่อหน้าไท่ฮูหยิน เขาจึงย้ายไปอยู่ที่เรือนในลานสวนดอกไม้เพราะความโมโห”

“เรือนปั้นเย่ว์พั่น?”

หู่พั่วพยักหน้า

“ต่อมาพี่หญิงใหญ่ก็ประชดประชัดโดยการย้ายมาอยู่ที่เรือนนี้” สืออีเหนียงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “แล้วต่อมาพวกเขาทั้งสองคนคืนดีกันได้อย่างไร”

มิฉะนั้นจะมีจุนเกอได้เช่นไรเล่า

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท