ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 137 เรื่องไม่คาดคิด(กลาง)

ตอนที่ 137 เรื่องไม่คาดคิด(กลาง)

ขณะที่กำลังนั่งลง ม่านห้องปีกทิศตะวันตกก็เปิดขึ้น

ฮูหยินห้าประคองไท่ฮูหยินเดินนำหน้าออกมา

นางใบหน้ายิ้มแย้มสดใส แต่สีหน้าของไท่ฮูหยินกลับดูเคร่งขรึมเล็กน้อย

พี่น้องสกุลสวีเดินตามหลังออกมา สีหน้าของสวีลิ่งอี๋ซีดเผือก คุณชายห้าสวีลิ่งควนเดินตามหลังพี่ชายอย่างระมัดระวัง เขาก้มหน้ารู้สึกผิด

เมื่อฮูหยินสามเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปต้อนรับทันที

“ท่านแม่” นางพยุงแขนอีกข้างของไท่ฮูหยิน จากนั้นก็มองฮูหยินห้าด้วยรอยยิ้ม “น้องสะใภ้ห้า”

ฮูหยินห้ายิ้มทักทายฮูหยินสามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เหตุใดพี่สะใภ้สามพึ่งมาเล่า พวกเรารอมาตั้งนานแล้ว”

ฮูหยินสามหัวเราะ “ข้ามาตั้งนานแล้ว ได้ยินว่าพวกเจ้ากำลังปรึกษาหารือกันอยู่ ก็เลยนั่งคุยอยู่กับน้องสะใภ้สี่” ท่าทางดูมีความสุขเหมือนยืนอยู่บนหอนกกระเรียนมองดูเรือพลิกคว่ำ

สายตาของฮูหยินห้าฉายแววดูแคลนอยู่ครู่หนึ่ง นางยิ้มแล้วประคองไท่ฮูหยินไปที่ห้องปีกทิศตะวันออก

สืออีเหนียงกับคุณชายสามเข้ามาคำนับไท่ฮูหยิน พี่น้องและบรรดาสะใภ้ทักทายกัน แบ่งที่นั่งตามลำดับแล้วให้บรรดาสาวใช้ยกอาหารมาวาง

ทุกคนทานอาหารกันอย่างเงียบๆ ระหว่างรับประทานอาหารมีเพียงเสียงกระทบเครื่องลายครามเบาๆ เท่านั้น

หลังจากทานอาหารเสร็จทุกคนก็เดินห้อมล้อมไท่ฮูหยินไปทางห้องปีกทิศตะวันออกตามปกติ

เมื่อถึงห้องโถงจู่ๆ ไท่ฮูหยินก็หยุดเดินกะทันหัน

“นี่ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว” นางมองฮูหยินห้า “โดยเฉพาะตานหยาง เจ้าอาศัยอยู่ที่สวนดอกไม้หลังจวน ทางเดินไม่ค่อยสะดวก”

“ท่านแม่วางใจได้เจ้าค่ะ มีคุณชายห้าคอยประคองข้าอยู่” ฮูหยินห้ายิ้มพลางมองไปทางคุณชายห้า

คุณชายห้ารีบเข้ามาพยุงฮูหยินห้า “ท่านแม่ พวกเราขอตัวกลับก่อนขอรับ” ท่าทางเหมือนอยากจะรีบไปตั้งนานแล้วจึงเดินด้วยความรีบร้อน

เมื่อไท่ฮูหยินได้เห็นก็มีแววตาหม่นหมอง มุมปากขยับเล็กน้อยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ฮูหยินห้าก็พูดขึ้นมาว่า “ท่านแม่ เช่นนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ” เพื่อปกป้องคุณชายห้า

“รีบกลับไปกันเถิด” น้ำเสียงของไท่ฮูหยินมีความเหนื่อยหน่ายแฝงอยู่เล็กน้อย

เมื่อคุณชายห้าได้ฟังก็มีท่าทางเป็นกังวล แต่ว่าฮูหยินห้าได้เดินออกไปแล้ว

เขาพยุงภรรยาและหันกลับมาอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เดินออกไปพร้อมกับฮูหยินห้า

เมื่อทั้งสองคนจากไปบรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายขึ้น

สวีซื่อฉินยิ้มแล้วพาสวีซื่ออวี้กล่าวลา ไท่ฮูหยินกำชับพวกเขาด้วยความใส่ใจ ฮูหยินสามก็พูดเช่นกันว่า“เดินทางระมัดระวังด้วย”จากนั้นก็รับเสื้อคลุมจากสาวใช้มาผูกให้สวีซื่อฉินด้วยตัวเอง เมื่อสวีซื่ออวี้เห็นก็หัวเราะ ทำเอาสวีซื่อฉินทำตัวไม่ถูก คุณชายสามที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นเพื่อคลายความอึดอัดให้บุตรชาย “เอาล่ะ เอาล่ะ เขาก็โตขนาดนี้แล้ว รู้จักดูแลตัวเองแล้ว” ส่วนสวีซื่อเจี่ยนก็หันไปซุบซิบกับจุนเกออยู่ข้างๆ เมื่อเจินเจี่ยเอ๋อร์เห็นก็หัวเราะ บรรยากาศช่างครึกครื้นเป็นอย่างมาก

สืออีเหนียงเห็นสวีลิ่งอี๋ยืนอยู่ไกลๆ สีหน้าเย็นชา นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเสี่ยวหลาน เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้อยู่กับไท่ฮูหยินเพียงลำพัง จึงเดินเข้าไปหาเงียบๆ “ท่านโหว เดี๋ยวข้าจะกลับไปก่อน ท่านโหวอยู่พูดคุยกับท่านแม่เถิด”

ข้อเสนอของนางตรงกับความตั้งใจของสวีลิ่งอี๋ พยักหน้าแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเจ้าก็เดินระมัดระวังด้วย”

“ท่านโหววางใจได้” สืออีเหนียงยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ข้าจะระมัดระวังเจ้าค่ะ”

เมื่อส่งสวีซื่อฉินกับสวีซื่ออวี้ไปแล้ว คุณชายสามกับฮูหยินสามก็พาสวีซื่อเจี่ยนกลับไป

จุนเกอชอบสวีซื่อเจี่ยนเป็นอย่างมาก จึงเดินไปส่งถึงหน้าประตู จากนั้นเจินเจี่ยเอ๋อร์ก็พาเขาไปพักผ่อน

ภายในห้องเหลือเพียงไท่ฮูหยิน สวีลิ่งอี๋ และสืออีเหนียง

สีหน้าของไท่ฮูหยินหม่นหมองเล็กน้อย นางเดินเข้าไปในห้องด้านในโดยไม่พูดไม่จา

สืออีเหนียงส่งสายตาให้สวีลิ่งอี๋ ทั้งสองเดินตามเข้าไปพร้อมกัน

ป้าตู้มาพยุงไท่ฮูหยินไปนั่งบนตั่ง

สืออีเหนียงยิ้มแล้วเดินเข้าไปหยิบเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกที่ไท่ฮูหยินใช้เป็นประจำมาคลุมให้ไท่ฮูหยิน พูดเสียงเบาว่า “เทียบรายชื่อที่ท่านแม่ให้มาข้ายังต้องอ่านอีกรอบ ต้องขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ”

ไท่ฮูหยินดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่มีเรื่องที่ต้องการจะพูดคุยกับสวีลิ่งอี๋อยู่แล้วจึงไม่ได้รั้งสืออีเหนียงไว้ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วให้ป้าตู้ออกไปส่งนาง

สืออีเหนียงรีบปฏิเสธ “ดึกมากแล้ว ข้างกายข้ายังมีบรรดาสาวใช้อยู่ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”

ไท่ฮูหยินมีสีหน้าอ่อนเพลีย “เด็กดี เจ้าจะให้ข้าวางใจได้อย่างไร”

สวีลิ่งอี๋พูดขึ้นมาว่า “ให้ป้าตู้ไปส่งเจ้าเถิด”

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากสืออีเหนียงพูดมากไปกว่านี้ก็จะดูเหมือนเสแสร้ง นางยิ้มขอบคุณไท่ฮูหยิน มีป้าตู้เดินออกไปเป็นเพื่อน

หิมะด้านนอกได้หยุดตกแล้ว แต่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม ลมหนาวพัดเข้ามาเย็นถึงกระดูก เกล็ดหิมะปลิวว่อน ราวกับเกล็ดเงินงดงาม

“ฮูหยินสี่ระวังนะเจ้าคะ” ป้าตู้เข้ามาพยุงสืออีเหนียงด้วยตัวเอง

สืออีเหนียงไหนเลยจะกล้าให้นางช่วยพยุง จึงพลิกข้อมือออกแล้วจับมือป้าตู้ไว้ “ป้าตู้ก็ระมัดระวังด้วย”

ป้าตู้มองมือที่กำลังจับกันอยู่ ยิ้มเล็กน้อยแล้วส่งสืออีเหนียงกลับเรือน

“ป้าตู้เข้ามาดื่มชาสักถ้วยแล้วค่อยไปเถิด” สืออีเหนียงรั้งนางไว้ “อากาศข้างนอกค่อนข้างหนาว”

“ข้างกายไท่ฮูหยินจะขาดคนไม่ได้” ป้าตู้ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม “ไว้วันหลังค่อยมารบกวนฮูหยินสี่เจ้าค่ะ”

สืออีเหนียงยิ้มแล้วให้หู่พั่วไปส่งป้าตู้

มีเงาของคนผ่านไปที่ประตูสอง

อาศัยโคมไฟสีแดงใต้ชายคา สืออีเหนียงเห็นแสงแวววับที่เป็นเอกลักษณ์ของผ้าไหม

นางตะโกนว่า “ใครทำลับๆ ล่อๆ อยู่ที่นั่น”

ทันใดนั้นสาวใช้ก็รีบเดินเข้าไปดึงคนออกมาทันที

หญิงสาวรูปร่างสูงปานกลางสวมเสื้อคลุมลายดอกไม้สีดำ เมื่อลมพัดมาผ้าไหมก็พลิ้วไหวขึ้น

“ซิ่วหยวน เจ้ามาทำอะไรที่นี่”

สืออีเหนียงมองสาวใช้แก้มแดงด้วยสีหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็เข้าใจในทันที “เจ้ามารอท่านโหวใช่หรือไม่ กลับไปรายงานเฉียวอี๋เหนียงว่าท่านโหวมีธุระจะกลับมาดึกหน่อย พวกเจ้าอย่าลืมจัดคนเฝ้าเวรยามด้วย” จากนั้นก็ตักเตือนนางว่า “ต่อไปนี้หากมีเรื่องอันใดให้บอกกับหู่พั่วก็พอแล้ว อย่ามาทำท่าทางลับๆ ล่อๆ เช่นนี้อีก เจ้าไม่ใช่สตรีต่ำศักดิ์ที่ไหนเสียหน่อย”

ซิ่วหยวนหน้าแดงด้วยความอาย ตอบเสียงเบาว่า “เจ้าค่ะ”

เดิมทีสืออีเหนียงตั้งใจจะสั่งสอนนางต่อหน้าป้าตู้ แต่ก็ไม่อยากทำให้มันเกินขอบเขตมากเกินไป นางยิ้มพลางพูดหยอกล้อว่า “เอาล่ะ เจ้ารีบกลับไปเถิด เฉียวอี๋เหนียงของเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล อากาศหนาวเย็นเช่นนี้หากป่วยเป็นอะไรขึ้นมาข้าก็ต้องส่งสาวใช้น้อยไปดูแลเจ้าอีก”

ซิ่วหยวนอายจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา รู้เพียงว่าต้องรับปาก จากนั้นก็เดินหันหลังจากไปเหมือนนักโทษที่ได้รับการอภัยโทษแล้ว

เมื่อป้าตู้ที่อยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นก็พยักหน้าอย่างไม่ได้ใส่ใจ

สืออีเหนียงเดินออกมาส่งป้าตู้ “เดินระมัดระวังด้วย”

ป้าตู้กล่าวลานางสองสามประโยค จากนั้นหู่พั่วก็พยุงป้าตู้กลับไปส่งที่เรือนไท่ฮูหยิน

สืออีเหนียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วรีบเดินกลับเข้าห้องไป

ในห้องมีการเผาธูปหอม ไอร้อนผสมกลิ่นหอมของดอกบ๊วยโชยมาปะทะหน้า

สืออีเหนียงสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกว่าทั้งร่างกายเริ่มผ่อนคลายขึ้น

ลี่ว์อวิ๋นกับซวงอวี้รีบเข้าไปช่วยนางถอดเสื้อคลุม เทน้ำร้อนให้นางล้างมือ แล้วปรนนิบัตินางล้างหน้า หวีผม

เมื่อสืออีเหนียงอาบน้ำเสร็จแล้วก็เลี้ยวเข้าห้องหน่วนเก๋อที่อยู่หลังเตียง หู่พั่วกลับมาจากที่ไปส่งป้าตู้นานแล้ว กำลังรอนางอยู่ที่ห้องหน่วนเก๋อ

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ทำไมซิ่วหยวนถึงมาอยู่ที่ประตูใหญ่ได้” สืออีเหนียงกำลังสางผมแล้วเอนตัวพิงหมอนสีเหลืองใบใหญ่ สวมชุดสีแดงลายดอกไม้สีทอง ดวงตามองเทียบรายชื่อที่ไท่ฮูหยินมอบให้ ถามหู่พั่วเบาๆ ว่า “อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น”

หู่พั่วหัวเราะอย่างได้ใจ “นางเอาแต่ทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ทั้งวันเพื่อมาสืบข่าวว่าท่านโหวกลับมาหรือยัง…นึกไม่ถึงว่าจะเป็นป้าตู้ที่กลับมากับท่าน หากเป็นท่านโหวละก็…” น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเสียดายเล็กน้อย

เสียง เพี๊ยะ! ดังขึ้น ฝ่ามือของสืออีเหนียงตบลงบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ

“ดังนั้นเจ้าจึงได้กำชับให้สาวใช้ที่เฝ้าเวรยามกลางคืนปล่อยให้นางมาแอบดูที่ประตูใหญ่!”

สายตาคมกริบดั่งมีด สีหน้าเย็นชาราวน้ำแข็ง

หู่พั่วใจเต้นระรัว รีบอธิบายว่า “บ่าว บ่าว…”

“เจ้ายอมไม่ได้” สืออีเหนียงมองนางด้วยสีหน้าเย็นชา ขัดจังหวะการพูดของนางขึ้นมากะทันหัน แล้วพูดประโยคนั้นขึ้นมา

“เปล่า เปล่านะเจ้าคะ…” หู่พั่วยังไม่เคยเห็นสืออีเหนียงโมโหเช่นนี้ ในใจของนางตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ลึกๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองทำดีแล้ว จึงยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและไม่เต็มใจมากกว่า “ฮูหยิน…”

สืออีเหนียงไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูด

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดไท่ฮูหยินจึงเอ็นดูแต่ฮูหยินสอง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดทั้งๆ ที่ฮูหยินสามรู้ว่าตัวเองจะได้ดูแลจวนแค่เพียงชั่วคราวแต่กลับยังโกงกำไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ครอบครัวคุณชายห้าเกิดเรื่องอันใดขึ้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านโหวคิดอย่างไรกับอนุทั้งสาม แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าในต้าโจวมีผู้ทำกิจการรายใหญ่มากเพียงใด แล้วเพราะอะไรจึงมีเพียงสกุลเหวินที่สามารถให้บุตรสาวภรรยาเอกแต่งเข้ามาในจวนสกุลสวีได้” นางถามคำถามติดต่อกันราวกับประทัด แต่ละคำถามก็ใช่ว่าจะอธิบายสั้นๆ ได้ หู่พั่วรู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง ในสมองสับสนไปหมด แต่สืออีเหนียงกลับพูดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้ารู้หรือไม่!”

นางเวียนหัวกับเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้น มองสืออีเหนียงอย่างงุนงง ส่ายหน้าตามสัญชาตญาณ“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ”

“เจ้าไม่รู้!” น้ำเสียงของสืออีเหนียงแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและความผิดหวัง “เจ้าไม่รู้แต่เจ้าก็ตัดสินใจแทนข้า!”

ความเหนื่อยล้าและความผิดหวังราวกับเข็มทิ่มแทงหัวใจของหู่พั่ว สืออีเหนียงชื่นชมนางมาเสมอ มีบางครั้งที่ความคิดเห็นของนางกับตงชิงขัดแย้งกัน แม้ว่าสืออีเหนียงจะไม่พูดอะไรแต่ก็แอบให้สาวใช้ทำตามที่นางบอก…เมื่อคิดได้เช่นนี้นางก็ตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ ไม่ ไม่…นางไม่เหมือนกับตงชิง ตงชิงรับใช้สืออีเหนียงมาตั้งแต่นางกลับมาจากฝูเจี้ยน แต่ตนเป็นคนที่นายหญิงใหญ่มอบให้!

นางคุกเข่าลงทันที “ฮูหยิน บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและอ้อนวอน

เส้นทางข้างหน้านั้นขรุขระ ในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะดูแลตัวเองอย่างไร อาศัยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองคนเดียวก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไปได้ไกลขนาดนั้น อย่างไรก็ต้องมีพรรคพวกของตัวเอง คนของสกุลหลัวก็ดี ป้าเถาก็ดีแต่ต่างก็เข้าข้างจุนเกอ ส่วนพวกป้าเซี่ยงนั้นความสามารถมีจำกัด ส่วนคนของสกุลสวีที่มีความสามารถแท้จริงก็ถูกเรือนอื่นดึงตัวไปหมดแล้ว ที่เหลือส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงคนธรรมดา คนที่นางสามารถพึ่งพาได้มีเพียงสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ เท่านั้น แต่ตงชิงไม่ถนัดกับเรื่องพวกนี้ ปินจวี๋ก็ไม่เหมาะกับเรื่องพวกนี้ จู๋เซียงก็อายุน้อยเกินไป มีเพียงหู่พั่วที่นางพอใจมากที่สุด เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ยังเป็นรองนายหญิงใหญ่หนึ่งขั้น ต้องคิดหาวิธีรวบตัวนางมาถึงจะถูก จะว่าไปแล้วเรื่องที่ซิ่วหยวนมาแอบสอดส่องนั้นนางสามารถทำเป็นไม่สนใจได้เหมือนตอนที่ฉินอี๋เหนียงเดินมาต้อนรับสวีลิ่งอี๋ระหว่างทาง พวกนางไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ขอเพียงแค่พวกนางไม่ทำตัวเกินขอบเขต นางก็ยินดีที่จะปิดตาหนึ่งข้างเพื่อทำให้บรรยากาศภายในเรือนมีชีวิตชีวาขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนก็จะดีขึ้น แต่ว่าหู่พั่วกลับตัดสินใจเอาซิ่วหยวนมาให้ตนเหยียบย่ำโดยที่ไม่ถามนางสักคำ แล้วกลับเป็นการตัดสินใจที่ผิด…ก็ดีเหมือนกัน จะได้ให้โอกาสนางได้เผชิญกับความลำบาก

จะให้นางจดจำก็ต้องใจร้ายกับนาง

สืออีเหนียงมองหยาดเหงื่อใสๆ บนหน้าผากของหู่พั่ว รู้สึกว่าเห็นแก่สมควรแล้ว

นางถอนหายใจยาวแล้วเอื้อมมือออกไป “มาสิ มานั่งข้างๆ ข้า”

หู่พั่วมองมือคู่นั้นแล้วตัดสินใจลุกขึ้น

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท