หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 19 ครอบครัวที่มาช้าไป

ตอนที่ 19 ครอบครัวที่มาช้าไป

 

หนานกงชวี่ฟังเงียบๆ เขาเข้าใจที่ท่านพ่อต้องการให้เขาไปอธิบายกับน้องสาว ทว่ามั่วเอ๋อร์จะฟังคำอธิบายพวกนั้นจริงๆ หรือไม่ก็ไม่อาจเดาได้ หลายปีมานี้…พวกเขาไม่ได้มีความรับผิดชอบใดๆ ต่อนางเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่นึกสงสัยว่ามั่วเอ๋อร์รู้สึกผูกพันต่อครอบครัวนี้มากน้อยเพียงใด 

“เจ้าไปบอกนาง แม้นผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงออกจะ… แต่เอาเป็นว่าเมื่อมีองค์หญิงฉังผิงและเยี่ยนอ๋องอยู่ ก็จะไม่มีใครกล้ารังแกเขา นางแต่งเข้าไปก็จะกลายเป็นสะใภ้ของจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ถึงยามนางต้องแต่งออกไปพ่อก็จะช่วยนางเตรียมสินสมรสเอง ต้องให้นางได้มีหน้ามีตาอย่างแน่นอน” หนานกงไหวบอก 

หนานกงชวี่พยักหน้าตอบ “ลูกเข้าใจแล้วขอรับ ลูกจะช่วยเกลี้ยกล่อมมั่วเอ๋อร์ให้เอง แล้วฮูหยิน…” 

หนานกงไหวขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องสนใจท่านแม่ของเจ้า ข้าจะพูดกับนางเอง” 

“ลูกเข้าใจแล้วขอรับ ลูกจะไปดูท่านแม่ก่อน จากนั้นจะไปหามั่วเอ๋อร์” หนานกงชวี่บอก 

หนานกงไหวพยักหน้า มองหนานกงชวี่พลางกล่าวว่า “เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว แม่ของเจ้านั้น…สำหรับนางแล้ว หลายปีมานี้คงไม่ง่ายเลย ดูแลพวกเจ้าไม่ต่างจากบุตรที่แท้จริง เจ้าเป็นพี่ใหญ่สุดในจวนฉู่กั๋วกง ข้าไม่ต้องการให้ตระกูลหนานกงต้องมีปัญหาอันใดอีก เจ้าเข้าใจหรือไม่” 

“ขอรับ ท่านพ่อ” 

“ไปเถิด” 

“ลูกขอตัวลาแล้ว” 

รอจนหนานกงชวี่พ้นออกไปแล้ว หนานกงไหวก็กลับมามองรอยหมึกที่เปรอะเปื้อนอยู่บนโต๊ะ จากนั้นพ่นลมหายใจออกมา เขียนตัวอักษรตัวใหญ่ลงบนกระดาษ ‘มั่ว’ อดที่จะตกใจไม่ได้ ถูกเด็กคนนั้นก่อกวนจนวุ่น จนลืมเลือนเรื่องที่นางดื้อดึงจะเปลี่ยนนามตนเองให้ได้ไป 

จวนหนานกงที่ตั้งอยู่ในเมืองนี้แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่าจวนฉู่กั๋วกงในเมืองจินหลิง แต่ก็ยังใหญ่กว่าเรือนของบรรพบุรุษที่หมู่บ้านซีเฟิง ตั้งแต่สร้างพระราชวังที่จินหลิงแล้ว ผู้มีอำนาจและเหล่าขุนนางต่างพากันสร้างจวนบริเวณโดยรอบพระราชวัง แม้จวนเหล่านี้จะมีโอกาสมาพักเพียงปีละหนึ่งเดือนเท่านั้น ทว่าเมื่อเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ต้องรักในสิ่งที่ฮ่องเต้รัก และหนานกงไหวที่มีบ้านเกิดเมืองนอนเดียวกันกับฝ่าบาทก็ไม่อาจล้าหลังได้ จวนของตระกูลหนานกงถือเป็นผู้นำไม่ว่าจะเป็นด้านความยิ่งใหญ่หรือความหรูหราก็ตาม 

ห้องที่จัดเตรียมไว้ให้หนานกงมั่วนับว่าไม่เลวทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหนานกงสองพี่น้องเกิดละอายใจต่อหนานกงมั่ว หรือเจิ้งซื่อที่จำเป็นต้องเล่นละครต่อหน้าหนานกงไหว ก็ไม่อาจบกพร่องต่อการรับรองหนานกงมั่วในยามนี้ โดยเฉพาะเจิ้งซื่อที่รู้ว่าหนานกงมั่วไม่ใช่บุคคลไร้พิษสงอย่างที่นางเข้าใจทีแรก ยิ่งต้องจัดเตรียมห้องที่ดีที่สุดรองจากหนานกงไหวให้แก่หนานกงมั่ว 

“มั่วเอ๋อร์ เจ้าดูว่าเรือนไม้ไผ่นี้เป็นเช่นไร สั่งให้บ่าวจัดเตรียมไว้ให้แล้ว ยังไม่มีใครเคยเข้าพัก” หนานกงฮุยเอ่ยด้วยท่าทีตื่นเต้น 

หนานกงมั่วต้องรู้แน่นอนอยู่แล้ว เรือนหลังนี้ถูกสร้างเมื่อหกปีที่แล้ว เมื่อสร้างเสร็จตระกูลหนานกงก็ไม่เคยกลับมาอีกเลยตลอดหกปี ในส่วนนี้นั้นถือว่าหนานกงไหวเทียบกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่ได้ อย่างน้อยฝ่าบาทก็ทรงส่งลูกหลานมาไหว้บรรพบุรุษในทุกๆ ปี 

“ไม่เลวเลย ลำบากแล้ว” หนานกงมั่วพยักหน้า คำนี้นางเอ่ยจากใจจริง เรือนหลังนี้ไม่เลวจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือการตกแต่งล้วนเป็นแบบที่นางชื่นชอบ หนานกงฮุยรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ถอนหายใจออกมา “ต้องเกรงใจกับพี่รองแบบนี้จริงๆ หรือ” มองท่าทางหดหู่ของเขา หนานกงมั่วทำได้เพียงนิ่งเงียบ นางสัมผัสได้ หนานกงฮุยมีความตั้งใจเต็มที่เพื่อทำดีกับตน ความดีนี้ เมื่อเทียบกับหนานกงไหวและหนานกงชวี่แล้วยังดูบริสุทธิ์กว่ามาก แต่ว่า…นี่จะมีประโยชน์อันใดกัน หนานกงชิงตัวจริงนั้น…ไม่อยู่แล้ว 

เมื่อนางเข้ามาอยู่ในร่างของหนานกงชิง ความทรงจำของหนานกงชิงและกระทั่งตัวตนของหนานกงชิงก็ด้วย นางรับรู้ได้ทั้งหมด ทว่ากลับไม่อาจล่วงรู้ความรู้สึกของหนานกงชิงได้ นอกจากความคับแค้นนั่นแล้ว บางทีหนานกงชิงอาจมีความรู้สึกผูกพันกับบิดาและพี่ชายของตน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ทุกข์ใจเยี่ยงนี้ เด็กสาวอายุสิบเอ็ดปีถูกบิดาทอดทิ้งหลังจากเสียมารดาไป 

สำหรับหนานกงมั่ว นางเลือกจะไม่แค้นเคืองอะไรหนานกงฮุย เพราะตอนนั้นหนานกงฮุยเป็นเพียงคุณชายอายุสิบสามเท่านั้น พวกเขาไม่ได้เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต แต่ว่า…ท่านมาช้าไปเสียแล้วล่ะ ช้าไปถึงห้าปีแล้ว 

“เอาล่ะ เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก วันนี้มั่วเอ๋อร์พักผ่อนเถิด” ไม่นานหนานกงฮุยก็ละทิ้งความหดหู่บนใบหน้านั้น เผยรอยยิ้มออกมา “รอพรุ่งนี้มีเวลาว่าง พี่รองจะพาเจ้าออกไปเที่ยวเล่นนอกเมือง” 

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ท่านไม่ต้องไปดูฮูหยินหว่านหรอกหรือ” 

เมื่อได้ยินคำเรียกขานฮูหยินหว่าน หนานกงฮุยจึงยกยิ้มมุมปาก ก้าวเข้ามาดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด ยกมือขึ้นมาลูบเส้นผมสวยเบาๆ พร้อมทั้งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่จะจัดการเอง เด็กอย่างเจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก” 

หนานกงมั่วพยักหน้ารับแล้วจึงก้าวถอยออกมา เอ่ยว่า “ข้าจะพักผ่อนแล้ว” 

“ช้าก่อน” หนานกงฮุยดึงนางเอาไว้ “เด็กๆ” 

“ขอรับคุณชายรอง คุณหนูใหญ่” 

ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้จำนวนหนึ่ง ทำความเคารพพวกเขาทั้งสอง 

หนานกงฮุยยิ้มบอก “พวกนี้คือคนที่จะมาคอยรับใช้ปรนนิบัติเจ้า มั่วเอ๋อร์ดูสิ เจ้าชอบหรือไม่ หากไม่ชอบค่อยเปลี่ยน และหากพอใจ ต่อไปก็พากลับจินหลิงด้วยก็ได้ คนเหล่านี้เป็นคนของเรือนนี้ทั้งนั้น” 

หนานกงมั่วเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ เพราะเป็นบ่าวที่อยู่รับใช้มานาน ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นคนของเจิ้งซื่อจึงลดน้อยลงไปมาก หากพาคนเหล่านี้กลับจินหลิงไปด้วย ความจงรักภักดีย่อมต้องมีมากกว่าเมื่อเทียบกับบ่าวรับใช้ที่อยู่ในจวนฉู่กั๋วกงมา ทว่าหนานกงมั่วกลับไม่ได้นึกกังวลอะไรเลย ในโลกใบนี้ คนที่มีโอกาสหักหลังได้ก็มีแต่คนที่เชื่อใจเท่านั้น อีกทั้ง นางจะทำให้ดูว่าคนที่กล้าหักหลังนางจะมีจุดจบอย่างไร 

หนานกงฮุยเข้าใจไปว่านางไม่ยอมเลือกจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น “เมื่อก่อนเจ้าไม่มีใครคอยดูแล รอกลับไปถึงบ้านแล้ว คงมีคนเข้ามาต่อแถวไม่ขาดสาย ช่วงนี้คงเลี่ยงไม่ได้ต้องติดต่อกับคน มั่วเอ๋อร์ลองดูสักหน่อยเถิด” 

ความจริงหนานกงฮุยคิดมากเกินไปแล้ว แม้หนานกงมั่วจะไม่ใช่คนยุคนี้ก็ยังมีความทรงจำของหนานกงชิงที่เหลืออยู่ ไยจะไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น ตัวนางเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร ในชีวิตไม่มีความเท่าเทียมใดๆ เหลืออยู่แล้ว เรื่องสาวใช้พวกนี้เป็นความคิดของมารดา นางเป็นนักฆ่า แม้จะไม่ถึงกับมองชีวิตเป็นเหมือนดอกหญ้า ทว่าในสายตาของนางนั้น ชีวิตของมนุษย์ไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้นเช่นกัน เมื่อก่อนไม่มีบ่าวรับใช้เพราะไม่มีความจำเป็น แต่เมื่อตอนนี้มีความจำเป็นแล้ว ถึงจะเป็นเพียงส่วนที่เอาเข้ามาเสริมเติมแต่งยามเดินไปเดินมาในนี้ก็เถอะ 

“ไม่ต้องเลือกหรอก เลือกมาสักสองสามคนที่อยู่ที่นี่ก็พอแล้วเจ้าค่ะ” หนานกงมั่วบอก 

หนานกงฮุยคิดเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “ตามหลักแล้วเรือนของเจ้าต้องมีบ่าวรับใช้สี่คน สาวใช้ขั้นสองหกคน สาวรับใช้เล็กๆ อีกสิบสองคน รวมทั้งหัวหน้าหญิงรับใช้คอยกำกับดูแลจวนอีกสองคน เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าสองคน คอยรับใช้คุณหนูเถิด ที่เหลือ พ่อบ้านหวัง ท่านเลือกมาเถิด เลือกดีๆ หน่อย…อย่าลืมคำสั่งสอนของหัวหน้าพ่อบ้านหลี่ล่ะ” สุดท้ายหนานกงฮุยต้องเอ่ยเพื่อตักเตือนบ้างเล็กน้อย 

พ่อบ้านหวังสั่นเทาอยู่ในใจ หัวหน้าพ่อบ้านหลี่คือผู้ที่คอยดูแลเรือนตระกูลหนานกง ดูแลการเช่าสำหรับการเกษตรทั้งหมดของตระกูลหนานกงในเมืองตานหยาง เดิมเป็นชายอ้วนที่ใครต่างเฝ้าอิจฉา แต่น่าเสียดายได้ยินว่าเขาละเลยคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหนานกง จึงถูกนายท่านสั่งโบยอย่างหนักและขับไล่ออกจากจวนฉู่กั๋วกง บ่าวรับใช้ที่ถูกขับออกจากจวนฉู่กั๋วกง อย่างน้อยในเมืองฉูโจวก็ไม่มีใครกล้าให้ทำงานอีก 

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท