Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1799 ร่วมดื่มกับจักรพรรดิ

ตอนที่ 1799 ร่วมดื่มกับจักรพรรดิ
อวี่ชิงหยาง
หนึ่งในจักรพรรดิที่เจิดจรัสที่สุดในประวัติศาสตร์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ ครองอำนาจบนโลกมาแปดพันปี ถูกคนทั่วไปยกย่องว่าเป็นจักรพรรดิดาบชิงหยาง
ทั่วเขตแดนดาราจื่อเหิงก็เรียกได้ว่าเป็นบุคคลในตำนานระดับยอดจักรพรรดิ!
คนในตระกูลอวี่อย่างพวกอวี่เสวี่ยหลิน ไหนเลยจะไม่รู้จักบรรพชนคนนี้ของตน
เพียงแต่พวกเขาคิดไม่ถึง ว่าผู้อาวุโสชิงหยางที่หายไปไม่รู้กี่ปีจะปรากฏตัวในตระกูลยามนี้!
อวี่อวิ๋นเหอปากแห้งลิ้นฝืด ถูกทำให้ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ที่แท้บรรพชนคนนี้ของตนก็กลับมาที่เผ่าแล้วจริงๆ…
เขามองหลินสวินวูบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้พี่หลินจะนิ่งสงบเช่นนั้น เกรงว่าเขาคงรู้เรื่องพวกนี้อยู่ก่อนแล้วกระมัง
‘อวิ๋นเหอ รีบมาคารวะผู้อาวุโสเร็วเข้า’
อวี่ปี้คงสื่อจิต
อวี่อวิ๋นเหอพลันได้สติ รีบก้าวมาข้างหน้าคุกเข่าลงกับพื้น “ลูกหลานไม่รักดีอวี่อวิ๋นเหอ คารวะผู้อาวุโส”
“ลูกหลานไม่รักดีอวี่ปี้หยวน คารวะผู้อาวุโส”
“ลูกหลานไม่รักดี…”
ชั่วขณะเดียวบุคคลสำคัญของตระกูลอวี่ทั้งหมดในที่นั้น รวมถึงคนรุ่นหลังมากมายอย่างพวกอวี่อวิ๋นเจิงต่างคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและว้าวุ่นใจ
ในที่นั้นก็เหลือเพียงหลินสวินและชายชราชุดนักพรตสองคนที่ยังยืนอยู่ สถานการณ์เงียบสงัดน่าครั่นคร้ามหาใดเปรียบขึ้นมาทันที
นี่ก็คือมาดสง่างามของระดับจักรพรรดิ!
“ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าอวี่ชิงหยางไว้ ยามนี้ได้มาถึงภูเขาเทพนพเลิศนี่ ทว่าไม่เพียงถูกมองเป็นคนถ่อย ยังถูกคนรุ่นหลังอย่างพวกเจ้าข่มเหงประทุษร้าย ช่างไร้สาระซะจริง…”
เสียงเฉยชาของชายชราชุดนักพรตดังก้องอยู่ในที่นั้น
อะไรนะ
เจ้าหมอนั่นถึงกับเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผู้อาวุโสชิงหยางไว้หรือ…
ผู้อาวุโสระดับกึ่งจักรพรรดิเจ็ดคนอย่างพวกอวี่เสวี่ยหลินราวกับถูกฟ้าผ่าทีละคน สีหน้าซีดเผือด
ต่อให้พวกเขาผ่าสมองออกมาก็คิดไม่ถึง ว่ามกุฎมหาอริยะคนหนึ่งจะมีความเกี่ยวข้องที่ยิ่งใหญ่กับบรรพชนตระกูลตนเช่นนี้!
ในที่สุดอวี่อวิ๋นเหอก็เข้าใจว่าทำไมหลินสวินถึงมีป้ายคำสั่งของผู้อาวุโสชิงหยางป้ายนั้น ที่แท้เจ้าหมอนี่ก็เคยช่วยผู้อาวุโสชิงหยางมาก่อน…
พวกอวี่ปี้คงก็อดสูดหายใจเย็นเยียบไม่ได้ ในใจสั่นสะท้าน
“ผู้อาวุโส พวกเราไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ขอท่านโปรดอภัย!”
อวี่เสวี่ยหลินกล่าวด้วยเสียงรันทด
“ใช่แล้ว หากรู้ว่าสหายน้อยคนนี้เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผู้อาวุโสไว้แต่แรก ต่อให้มอบความกล้าคับฟ้ากับพวกเรา ก็ไม่มีทางกล้าทำเรื่องเลอะเลือนเช่นนี้เด็ดขาด”
“ขอผู้อาวุโสเมตตา!”
คนอื่นก็พากันพูดเพื่อหาทางรอดให้ตัวเอง
ชายชราชุดนักพรตสีหน้าเย็นชา สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
กึ่งจักรพรรดิเจ็ดอย่างพวกอวี่เสวี่ยหลินถูกพันธนาการในชั่วพริบตา
“ผู้อาวุโส…”
พวกอวี่เสวี่ยหลินตื่นตระหนก ขวัญหนีดีฝ่อ
บุคคลสำคัญของตระกูลอวี่คนอื่นๆ ในที่นั้นล้วนหน้าเปลี่ยนสี ร้อนอกร้อนใจ
“ถึงกับก่อเรื่องโกลาหลวุ่นวายในตระกูลเพื่อแย่งชิงอำนาจ วันนี้หากไม่มีข้าอยู่ สักวันรากฐานตระกูลที่ยิ่งใหญ่ต้องถูกทำลายด้วยมือของพวกเจ้าแน่”
เสียงของชายชราชุดนักพรตไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย “ตั้งแต่วันนี้ไปจะขังพวกเจ้าไว้ที่ ‘ถ้ำใต้พิภพ’ เขตหวงห้ามของตระกูลหนึ่งพันปี ให้สำนึกผิดไถ่บาป!”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น พวกอวี่เสวี่ยหลินก็เหมือนจะพังทลาย
ถ้ำใต้พิภพ!
นั่นเป็นถึงแดนกักขังคนบาปของตระกูล เต็มไปด้วยเพลิงนรก ถ้าถูกขังอยู่ในนั้น ต่อให้มีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิก็จะได้รับความทรมานและทุกข์ทนเหลือคณา
“พวกเรา… ขอบคุณผู้อาวุโสที่เมตตา!”
ครู่ใหญ่พวกอวี่เสวี่ยหลินจึงเอ่ยปาก อกสั่นขวัญหาย จิตใจตายด้าน
เดิมทีนี่คือการเคลื่อนไหวชิงอำนาจของตระกูลที่ทำสำเร็จแล้ว แต่ด้วยการปรากฏตัวของอวี่ชิงหยาง ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป…
ชายชราชุดนักพรตสะบัดมือ พวกอวี่เสวี่ยหลินทั้งเจ็ดคนหายไปกลางอากาศ ถูกเคลื่อนย้ายไปกักขังอย่างสมบูรณ์
“พวกเจ้าล่ะ รู้ความผิดดีใช่ไหม”
สายตาของชายชราชุดนักพรตมองไปยังบุคคลสำคัญของตระกูลอวี่คนอื่นๆ ในที่นั้น
“รู้ รู้ขอรับ!”
“ผู้อาวุโสโปรดเมตตา ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเราไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อตระกูลมาก่อน”
บุคคลสำคัญของตระกูลอวี่พวกนั้นก็ลนลานแล้ว พวกอวี่เสวี่ยหลินล้วนเป็นถึงระดับกึ่งจักรพรรดิ แต่ตอนนี้กลับถูกขังหนึ่งพันปีโดยตรง
การลงโทษที่อำมหิตเช่นนี้ทำเอาพวกเขาต่างขวัญหนีดีฝ่อ
“ปี้คง ยกให้เจ้าจัดการ”
ชายชราชุดนักพรตถอนหายใจเบาๆ เผยแววหน่ายใจอยู่บ้าง
ไม่ว่าใครเห็นลูกหลานตระกูลตัวเองไม่ได้ความเช่นนี้ ก็เกรงว่าคงรู้สึกเสียใจและผิดหวัง
“น้อมรับคำสั่งผู้อาวุโส!”
อวี่ปี้คงกล่าวอย่างเคารพ
“สหายน้อย ไป พวกเราไปดื่มเหล้ากัน”
ชายชราชุดนักพรตพูดพลางสะบัดชายเสื้อ พาหลินสวินและหนานชิวหายไปกลางอากาศ จากพื้นที่ราบแถบนี้ไปพร้อมกัน
กระทั่งพวกเขาจากไป ทุกคนจึงเป่าปากโล่งใจเฮือกใหญ่เหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน
ยามมองไปที่อวี่ปี้คงอีกครั้ง สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสับสนหาใดเปรียบ
มีคนอดกล่าวไม่ได้ “ผู้นำตระกูล เรื่องที่ผู้อาวุโสชิงหยางกลับมา เหตุใดท่านไม่เคยพูดถึงมาก่อน”
ขอแค่ตาไม่บอดก็ย่อมมองออก เห็นได้ชัดว่าอวี่ปี้คงรู้เรื่องที่ผู้อาวุโสชิงหยางกลับมาที่ตระกูลอยู่ก่อนแล้ว แต่กลับปิดบังมาตลอด ทำให้พวกเขาไม่รู้เรื่องนี้
“นี่เป็นความคิดของผู้อาวุโสชิงหยาง”
ประโยคเดียวของอวี่ปี้คงทำให้ทุกคนต่างอ้ำอึ้ง ต่อให้ในใจไม่ยอมรับก็ไม่กล้าต่อต้านอวี่ปี้คงในยามนี้อย่างสิ้นเชิง
มีคนคิดอย่างสิ้นหวัง หลังจากผ่านเรื่องในวันนี้ไป ตำแหน่งผู้นำตระกูลของอวี่ปี้คงต้องมั่นคงยิ่งกว่าเดิม ไม่มีใครสั่นคลอนได้แน่
วันนั้นเองอวี่ปี้คงได้ออกคำสั่งในฐานะผู้นำตระกูล ใช้วิธีที่ไม่คาดฝันชำระล้างตระกูลอวี่ครั้งใหญ่
คนในตระกูลอวี่อกสั่นขวัญแขวน สถานการณ์สับสนวุ่นวายขึ้นมาทันที
แต่ทุกอย่างนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหลินสวินแล้ว
ในโลกลึกลับใบเล็กแห่งหนึ่ง
“สหายน้อย ตอนนั้นที่จากกันในป่าต้นหม่อน ในใจข้าก็มีลางสังหรณ์ว่าด้วยพรสวรรค์ของเจ้า วันหน้าต้องก้าวขึ้นมาบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ได้แน่”
กระแสธารไหลเอื่อย วิหคขับขานบุปผาส่งกลิ่น หน้าบ้านหินเรียบง่ายหลังหนึ่ง หลินสวินและชายชราชุดนักพรตอวี่ชิงหยางนั่งหันหน้าเข้าหากัน ร่ำสุราเจรจาพาที
ห่างไปไม่ไกล หนานชิวนั่งอยู่ริมลำธาร กำลังนั่งสมาธิ
“มา ดื่มเหล้า”
อวี่ชิงหยางยกจอกสุรา
หลินสวินยิ้มและร่วมดื่มกับเขา นี่เป็นการนั่งดื่มสุราร่วมกับคนที่อยู่ในระดับจักรพรรดิครั้งแรกของเขา
“ผู้อาวุโส ครั้งนี้ข้ามาด้วยมีเรื่องบางอย่างที่อยากขอคำชี้แนะ” ครู่ใหญ่ให้หลังหลินสวินจึงกล่าว
อวี่ชิงหยางยิ้มกล่าว “มิกล้าให้คำชี้แนะหรอก”
เขายังจำภาพของหลินสวินที่อยู่ด้วยกันกับชายหนุ่มจักจั่นทองในปีนั้นได้ดี และรู้ว่าในมือของหลินสวินมีโคมมหามรรคไร้มลทินดวงหนึ่งที่มีความอัศจรรย์คาดไม่ถึง
หลังจากนั้นหลินสวินก็ถามข้อสงสัยในใจออกมา
อวี่ชิงหยางพูดทุกสิ่งที่รู้ ไม่หวงคำชี้แนะกับหลินสวินแม้แต่น้อย
หลินสวินถึงได้รู้ในยามนี้ว่าแดนเจินหลงตั้งอยู่ในพื้นที่ลับบนฟ้าดารา ถ้าอยากเข้าไปในนั้นมีเพียงต้องพึ่งพาพลังของเผ่าเจินหลง
จากคำพูดของอวี่ชิงหยาง ภายใน ‘โลกใหญ่หงเหมิง’ ที่เขตแดนดาราใจกลางก็มีขุมอำนาจของเผ่าเจินหลงครองอาณาเขตอยู่ในนั้น
นี่ก็หมายความว่าหากหลินสวินต้องการมุ่งหน้าไปที่แดนเจินหลง ย่อมต้องไปที่โลกใหญ่หงเหมิงก่อน
“พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณหรือ ข้าเคยได้ยินว่าในสมัยดึกดำบรรพ์ เคยมีบุคคลระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งจากดินแดนรกร้างโบราณมุ่งหน้ามาบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ร่วมกันก่อตั้งพันธมิตรสงครามนี้ขึ้นเพื่อต่อต้านขุมอำนาจที่แข็งแกร่งบางแห่ง”
“ทว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องในสมัยดึกดำบรรพ์ไปแล้ว หากเจ้าต้องการหาเบาะแสเกี่ยวกับพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ก็ลองไปเยือน ‘สำนักเร้นฤทธิ์เทพ’ ดูได้”
เมื่ออวี่ชิงหยางพูดถึงตรงนี้ หลินสวินก็ใจกระตุกเล็กน้อย
เขานึกถึงหอฤทธิ์เทพในดินแดนรกร้างโบราณขึ้นมา ที่นั่นก็มาจาก ‘สำนักเร้นฤทธิ์เทพ’
ตอนนั้นทายาทของเผ่าเจินหลงอ๋าวเจิ้นเทียน ก็เคยมุ่งหน้ามาที่ดินแดนรกร้างโบราณพร้อมกับผู้สืบทอดของสำนักเร้นฤทธิ์เทพอิ๋นฮวน ด้วยจะเชิญจ้าวจิ่งเซวียนไปร่วม ‘งานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร’ ที่แดนเจินหลงด้วยกัน!
“อ้อ สำนักเร้นฤทธิ์เทพนี้ก็อยู่ในโลกใหญ่หงเหมิงด้วย”
อวี่ชิงหยางยิ้มกล่าว “สรุปคือ ไม่ว่าเจ้าจะไปหาแดนเจินหลงหรืออยากสืบข่าวหาเบาะแสของพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ ย่อมต้องไปที่โลกใหญ่หงเหมิง”
หลินสวินสีหน้าแปลกประหลาด
ไม่เพียงแค่นี้ ในมือเขายังมีปิ่นหยกที่ศิษย์พี่เสวียนคงมอบให้ ต้องนำไปส่งให้ ‘เจียงซิงเชวี่ย’ คนของเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงด้วย
เจียงซิงเชวี่ยเป็นใคร หลินสวินไม่รู้
แต่เท่าที่เขารู้ เจียงเหิงทายาทของเผ่าจักรพรรดิตระกูลเจียงก็ฝึกปราณอยู่ที่สำนักยุทธ์เสวียนจี และสำนักยุทธ์เสวียนจีก็อยู่ในโลกใหญ่หงเหมิงเช่นกัน!
‘ดูท่าว่าต้องไปเยือนโลกใหญ่หงเหมิงแล้ว’
เวลานี้ในที่สุดหลินสวินก็ตัดสินใจ
ทางเดินโบราณฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาลเกินไป มีเขตแดนดาราและโลกหล้ากระจายอยู่ไม่รู้เท่าไหร่ หากไม่สืบข่าวพวกนี้ให้ชัดเจน ก็ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีกว่าเขาจะหาเบาะแสพวกนี้ได้
ไม่นานหลินสวินก็ถามถึงเรื่องของโลกมืดอีก
ระดับจักรพรรดิอย่างอวี่ชิงหยาง ยามพูดถึงโลกมืดก็ยังเผยสีหน้าจริงจัง
“สหายน้อย โลกมืดนี้ถูกมองเป็น ‘แดนชั่วร้าย’ ‘แดนอลหม่าน’ ตั้งแต่โบราณกาลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าเข้าไปใกล้ดีกว่า หากไปที่นั่นแม้เป็นบุคคลระดับจักรพรรดิก็อาจประสบเคราะห์ได้”
หลินสวินสายตาวูบไหวกล่าว “หลายปีมานี้ข้าเคยเจอมือสังหารที่มาจากแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพไม่น้อย ร่องรอยของพวกเขาดูลึกลับมากก็จริง แต่เหมือนว่าจะไม่ร้ายกาจอย่างที่คาดการณ์”
อวี่ชิงหยางส่ายหัว “นั่นได้แต่พิสูจน์ว่าความสามารถของคนที่ลอบสังหารเจ้าสู้เจ้าไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าขุมอำนาจยักษ์ใหญ่ทั้งสองของโลกมืดนี้ไม่น่ากลัว”
“สหายน้อย เจ้าต้องจำไว้ เป้าหมายที่ถูกขุมอำนาจโลกมืดเพ่งเล็ง นอกเสียจากว่าจะถูกฆ่า ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากพวกเขาได้”
หลินสวินพยักหน้า
“ยังดีที่บุคคลระดับจักรพรรดิของโลกมืดไม่กล้าปรากฏตัวบนทางเดินโบราณฟ้าดาราอย่างเอิกเกริกง่ายๆ มหาจักรพรรดิในโลกมืดพวกนี้ แม้จะแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่สุดท้ายก็ทำแต่เรื่องชั่วๆ เมื่อปรากฏตัวจะถูกผู้เก่งกาจบนทางเดินโบราณฟ้าดาราเพ่งเล็งทันที”
อวี่ชิงหยางพูดถึงตรงนี้สีหน้าก็ดูแปลกออกไป กล่าวว่า “บนทางเดินโบราณฟ้าดารามีประโยคหนึ่งที่พูดต่อกันมาว่า หากใต้หล้าล้วนเป็นศัตรู เมื่อถอยจนไม่อาจถอย โลกมืดจะเป็นหนทางรอดสุดท้าย”
หลินสวินอึ้งไปแล้วยิ้มกล่าว “หากข้ามีวันนั้นก็อยากไปลองดู”
อวี่ชิงหยางบื้อใบ้ไป “ทางที่ดีเจ้าอย่าไปลองจะดีกว่า โลกมืดสับสนอลหม่าน เหี้ยมโหดหาใดเปรียบ คิดอยากมีที่ยืนล้วนยากยิ่ง”
ทั้งสองคนดื่มสุราไปพลางพูดคุยกันไปด้วย หลินสวินได้รู้ความลับมากมายที่เกี่ยวข้องกับทางเดินโบราณฟ้าดาราจากปากของอวี่ชิงหยาง
ตัวอย่างเช่นเผ่าจักรพรรดิจะยึดตามความต่างของรากฐานมาแบ่งเป็นเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ เผ่าจักรพรรดิบรรพกาล และเผ่าจักรพรรดิปัจจุบัน
เหมือนเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ ก็เป็นขุมอำนาจ ‘เผ่าจักรพรรดิบรรพกาล’ ตระกูลหนึ่ง
และในเขตดาราใจกลาง แค่ขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิที่มีชื่อมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ถึงปัจจุบัน ก็มีมากถึงสามสิบหกตระกูลแล้ว
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์!
หรืออย่างในหกเรือนมรรคใหญ่ นอกจากห้าเรือนมรรคใหญ่อย่างโลกาสวรรค์ ดึกดำบรรพ์ จักรวาล เหล่ามาร ยุทธจักรแล้ว สำนักหนึ่งที่ลึกลับที่สุดมีชื่อว่า…
‘คืนกำเนิด’!
…………………….
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท