หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 33 หย่งชังจวิ้นจู่ (1)

ตอนที่ 33 หย่งชังจวิ้นจู่ (1)

 

“พี่สะใภ้สาม ในที่สุดท่านก็มาแล้ว” น้ำเสียงสดใสเอ่ยขัดความสงสัยของทุกคนขึ้นมา หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นพลันมองเห็นหญิงวัยกลางคนในชุดหวาฝู[1]เดินเข้ามา ยิ้มให้พระชายาเยี่ยนอ๋อง จากนั้นพระชายาเยี่ยนอ๋องจึงยิ้มตอบพลางพยักหน้ารับ “ทำให้ทุกท่านต้องรอนานแล้ว” หญิงผู้นี้คงจะเป็นพระชายาโจวอ๋อง 

พระชายาโจวอ๋องมองสำรวจหนานกงมั่วที่ยืนอยู่ด้านหลังพระชายาเยี่ยนอ๋อง สายตาดุจเหยี่ยวยิ้มพลางเอ่ย “ท่านนี้คือคุณหนูใหญ่สกุลหนานกงหรือ” 

หนานกงมั่วก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ย่อตัวทำความเคารพได้อย่างงดงาม “หนานกงมั่วถวายพระพรพระชายาโจวอ๋องเพคะ” 

“เป็นเด็กฉลาดทีเดียว” พระชายาโจวอ๋องยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ “จวินมั่วช่างเป็นเด็กมีวาสนา พี่สามกับน้องหกคงจะวางใจได้แล้ว” เมื่อพระชายาโจวอ๋องกล่าวจบ ทุกคนพลันรู้ถึงฐานะของหนานกงมั่ว ทันใดนั้นสายตาที่มองไปยังหนานกงมั่วก็วุ่นวายสับสนยิ่งขึ้น มีทั้งประหลาดใจและเสียดายอนาคตข้างหน้าของนาง แน่นอนว่าพบทุกข์ก็ต้องเจอสุขด้วย เพียงแต่ไม่ว่าสถานะของนางจะเป็นเช่นไรก็ทำให้ผู้คนต่างอิจฉาได้ทั้งนั้น 

พระชายาเยี่ยนอ๋องดึงมือหนานกงมั่วมา “นั่นสิ ท่านอ๋องเองยังชื่นชมเด็กคนนี้ไม่แพ้กัน กล่าวว่าเพราะฝ่าบาททรงรักจวินมั่วจึงได้หาภรรยาที่ดีเช่นนี้ให้” 

สำหรับการชื่นชมเกินจริงของพระชายาเยี่ยนอ๋อง หนานกงมั่วจึงแสร้งทำท่าทางเขินอายให้ความร่วมมืออย่างดี ทำให้พระชายาโจวอ๋องต้องหัวเราะออกมาอีกครั้ง 

แน่นอนว่าฝ่าบาทคงไม่มีเวลามาดูว่าหนานกงมั่วเป็นภรรยาที่ดีได้หรือไม่ แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายพึงพอใจแน่นอนว่าต้องขอบคุณฝ่าบาทที่มีสายตาอันกว้างไกลทำให้มีการแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อได้ยินคำกล่าวของพระชายาเยี่ยนอ๋อง ทุกสายตาที่มองมายังหนานกงมั่วนั้นมีแววครุ่นคิดและระแวดระวัง เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนอ๋องทรงพึงพอใจต่อหลานสะใภ้ผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง ทุกคนต่างก็รู้ดี ถึงลักษณะนิสัยของเยี่ยนอ๋อง การทำให้เขาพอใจนั้นยากกว่าการเอาใจรัชทายาทเสียอีก เยี่ยนอ๋องปกครองโยวโจวตั้งแต่อายุสิบเก้า ต่อสู้กับกองกำลังของเป่ยหยวนปีแล้วปีเล่า นับว่ามีฝีมือการสู้รบเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาองค์ชายเลยก็ว่าได้ กองกำลังของโยวโจวและกองทัพไท่หนิงของสีโจวรวมกันกลายเป็นด่านสำคัญที่ช่วยปกป้องรักษาความสงบในเขตภูเขาและแม่น้ำ เมื่อเทียบกับเหล่าองค์ชายคนอื่นๆ ที่เอาแต่หลบอยู่ในเมือง เยี่ยนอ๋องที่มีกองกำลังมากมายจึงเป็นเป้าหมายของรัชทายาทเพื่อดึงตัวมาเข้าร่วมเป็นพวกเดียวกันกับเขา 

เพราะเหตุนี้ เมื่อคุณหนูใหญ่หนานกงมีเยี่ยนอ๋องเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าใครก็ต้องชั่งน้ำหนักก่อนเข้าหา 

พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยขึ้นต่อหน้าหลากหลายคนเพื่อเปิดเส้นทางให้กับหนานกงมั่ว เมื่อกวาดตามองสายตาของทุกคนแล้วนางจึงลูบหลังมือของหนานกงมั่วเบาๆ “เราคุยกันหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าคงจะเบื่อแย่ มั่วเอ๋อร์ออกไปสนทนากับเหล่าคุณหนูเถิด พวกเจ้าอายุไล่เลี่ยกันน่าจะเข้ากันได้ดี” 

พระชายาเยี่ยนอ๋องโยนกิ่งมะกอก[2]มาให้ หากไม่คิดจะรับก็โง่แล้ว 

หญิงสาวชุดเขียวผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ขอบพระทัยพระชายา เจอกันครั้งแรกพวกเราเองก็อยากทำความรู้จักกับคุณหนูหนานกงเพคะ” 

พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มพลางมองหญิงสาวผู้นั้น “นี่คือ…คุณหนูสามแห่งสกุลเซี่ยใช่หรือไม่ ข้าเคยเจอเมื่อสองปีที่แล้ว โตขนาดนี้แล้ว” 

หญิงสาวอีกคนที่อยู่ด้านข้างเอ่ย “ถูกแล้วเพคะ พระชายายังจำนางได้นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ยังไม่รีบถวายพระพรพระชายาอีก” 

“เพ่ยหวนจากสกุลเซี่ยถวายพระพรพระชายาเพคะ” 

“เด็กดี พวกเจ้าออกไปเล่นกันเถิด” พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มให้ หญิงสาวชุดเขียวทำความเคารพจากนั้นจูงมือหนานกงมั่วเดินออกไป หญิงสาวคนอื่นช้าไปหนึ่งก้าวได้แต่มองตาม ทำได้เพียงนึกกล่าวโทษเพ่ยหวนที่มาแย่งโอกาสอยู่ในใจเท่านั้น 

“พี่สะใภ้สามช่างดีกับคุณหนูหนานกงเหลือเกิน” ในห้องโถง พระชายาโจวอ๋องกล่าวด้วยรอยยิ้ม 

พระชายาเยี่ยนอ๋องตอบ “ท่านอ๋องมีจวินมั่วเป็นหลานชายเพียงคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคุณหนูหนานกงเป็นเด็กฉลาด ข้าชอบนางมากทีเดียว” 

เมื่อได้ยินคำพูดของพระชายาเยี่ยนอ๋อง ทุกคนต่างไตร่ตรองอยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้คือคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกง เมื่อก่อนเคยได้ยินเพียงชื่อเท่านั้น น้อยคนจะเคยพบหน้า ทุกคนต่างคาดเดาว่าเพราะหนานกงซูไม่อยากแต่งกับเว่ยจวินมั่วจึงนึกถึงหนานกงมั่วขึ้นมา เพียงแต่ดูเหมือนจวนเยี่ยนอ๋องจะไม่โกรธทว่ากลับพึงพอใจมาก ดูเหมือนคุณหนูหนานกงผู้นี้จะไม่ธรรมดาทีเดียว 

“ข้าคิดว่าคุณหนูใหญ่เหมาะสมกับจวินมั่วมากกว่าคุณหนูรองเสียอีก ฉังผิงมีจวินมั่วเพียงผู้เดียว ต้องเป็นคุณหนูใหญ่สกุลหนานกง ฐานะจึงจะเหมาะสมกัน คุณหนูรองยังขาดคุณสมบัติอยู่บ้าง” 

พระชายาเยี่ยนอ๋องเหลือบตามองพระชายาโจวอ๋อง เอ่ยตอบกลับ “น้องสะใภ้พูดอะไรกัน ฝ่าบาทพระราชทานสมรส เดิมก็เป็นคุณหนูใหญ่หนานกง พระองค์คงไม่คิดจะสู่ขอเชื้อสายรองให้จวินมั่วหรอกกระมัง” ความหมายคือ ฝ่าบาทหมายถึงหนานกงมั่วตั้งแต่แรก ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหนานกงซูมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หากใครเข้าใจผิดก็ลืมมันด้วยตนเองไปเสีย ฝ่าบาทไม่ผิดเป็นแน่ ดังนั้นคนที่ผิดคือคนที่เข้าใจความหมายรับสั่งของฝ่าบาทผิดไป สำหรับหนานกงซูแล้ว หากมีราชวงศ์คนใดที่คิดจะสู่ขอบุตรีเชื้อสายรองของกงของโหวไปเป็นฮูหยิน ก็คงจะมีเพียงแต่บุตรชายคนรองที่ไม่ได้รับอำนาจต่อจากบิดาเท่านั้น 

เมื่อออกมาจากห้องโถงใหญ่ หญิงสาวมากมายต่างมุ่งหน้าไปยังสวนพฤกษา หนานกงมั่วถูกเซี่ยเพ่ยหวนลากออกมาจึงได้แต่เดินตาม พลางสำรวจหญิงสาวตรงหน้าไปด้วย เซี่ยเพ่ยหวนไม่ได้เป็นหญิงที่งดงามที่สุดในที่แห่งนี้และไม่ได้สวมอาภรณ์หรูหรา แต่ให้ความรู้สึกรื่นหูรื่นตาอย่างไรชอบกล เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาสำรวจของหนานกงมั่ว เซี่ยเพ่ยหวนจึงหันมายิ้มแล้วเอ่ย “เรารีบไปเร็ว” 

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว วิ่งตามนางไป นางไม่คิดว่าจะมีคนมากมายอยากเข้ามาทำความรู้จักกับนาง อย่างไรนางก็เป็นคุณหนูหนานกงที่ไม่เคยปรากฏตัวที่จินหลิงมาก่อน หญิงสาวที่ได้รับพระราชทานสมรสกับผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงผู้ไม่มีอนาคตอย่างเว่ยจวินมั่ว เมื่ออยู่ต่อหน้าพระชายาเยี่ยนอ๋องให้เกียรตินางถือว่าเป็นเรื่องที่สมควร แต่หากอยู่เพียงลำพังแล้วทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องเข้ามาทำความรู้จักกับนางแต่อย่างใด 

เป็นจริงเช่นนั้น เมื่อทั้งสองมาถึงสวนพฤกษาแล้ว มีเพียงสองถึงสามคนที่ตามมาเท่านั้น 

เซี่ยเพ่ยหวนมองไปด้านหลัง ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ทั้งต้องการเสนอหน้าต่อหน้าพระชายาเยี่ยนอ๋อง ทั้งอยากรักษาหน้าตนเอง แล้วก็เอาแต่ลังเล…หึหึ น่าโมโหซะจริง” 

หนานกงมั่วยิ้มแล้วเอ่ยตอบกลับไป “แต่เจ้าเองก็ทำ?” 

เซี่ยเพ่ยหวนเอ่ยว่า “ข้าเองก็อยากโผล่หน้าไปให้พระชายาเยี่ยนอ๋องได้เห็น ทั้งยั่วโมโหพวกนางด้วย นอกจากนี้ ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่เหมือนใครดี” 

“ข้าก็รู้สึกว่าเจ้าไม่เหมือนใคร ข้าคือหนานกงมั่ว เป็นเกียรติที่ได้รู้จักกับเจ้า” 

เซี่ยเพ่ยหวนหัวเราะ “ข้าคือเซี่ยเพ่ยหวน คุณหนูสามตระกูลเซี่ย” 

คุณหนูสามตระกูลเซี่ย และเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของตระกูลเซี่ย 

เอ่ยถึงตระกูลเซี่ยแล้ว แม้จะบอกว่าผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดจะเป็นจวนฉู่กั๋วกง จวนเอ้อกั๋วกง จวนจิ้งเจียง ตระกูลผู้ก่อตั้งแคว้นเหล่านี้มีอำนาจมากก็จริง ทว่าด้านความร่ำรวยนั้น ใครก็สู้ตระกูลเซี่ยไม่ได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลขุนนางเก่าอย่างตระกูลเซี่ยแล้ว จวนฉู่กั๋วกงนับว่ายังใหม่ แน่นอนว่าแม้แต่ราชวงศ์เองก็นับว่ายังใหม่เช่นกัน แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครกล้าดูหมิ่นผู้มีอำนาจที่พุ่งพรวดขึ้นมาใหม่เหล่านี้อยู่ดี 

หากเอ่ยถึงที่มาของตระกูลเซี่ย คงต้องย้อนไปไกลถึงพันปีก่อน ระหว่างนั้นมีขึ้นมีลง มีหลายตระกูลสาบสูญไปตามกาลเวลา ทว่าที่เหลืออยู่นั้นมีเพียงตระกูลเซี่ยและตระกูลเมิ่งสองตระกูลนี้เท่านั้น และตอนนี้ก็คงเหลือเพียงตระกูลเซี่ยเพียงหนึ่งเดียว เป็นที่รับรู้กันในเมืองจินหลิงโดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวใดๆ 

 

 

[1]หวาฝู เครื่องแต่งกายประจำชาติของชาวฮั่นโบราณ 

[2]โยนกิ่งมะกอก การแสดงมิตรไมตรีอันดี หรือแสดงความปรารถนาที่จะร่วมมือกับอีกฝ่าย 

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท