“ท่านป้า เจียวเอ๋อร์ล่ะเจ้าคะ” หนานกงเจียวรีบถาม
สายตารังเกียจฉายวาบเข้ามาในแววตาเจิ้งซื่อชั่วครู่ ทว่าไม่นานก็ปกปิดเอาไว้ ยิ้มตอบ “ท่านป้ามีของเล่นมาให้เจ้า เดี๋ยวจะส่งไปให้”
“ท่านป้าดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ” หนานกงเจียวเอ่ยด้วยท่าทางยินดี
“คุยอันใดกันถึงได้ดีใจถึงเพียงนี้” หนานกงไหวเดินเข้ามา มองเห็นทุกคนกำลังพูดคุยหัวเราะ กวาดตามองไปรอบๆ มองไม่เห็นหนานกงมั่ว หนานกงไหวก็ไม่แปลกใจ เพียงแต่รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย เจิ้งซื่อรีบลุกขึ้นพลางเอ่ย “ท่านมาแล้ว พอดีมีเรื่องอยากหารือกับท่านสักหน่อย”
หนานกงไหวเดินมานั่งลงยังตำแหน่งของตน หันไปเลิกคิ้วให้เจิ้งซื่อเล็กน้อย เจิ้งซื่อเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อครู่คุณหนูใหญ่ให้คนมาแจ้งให้ข้าส่งบัญชีกิจการของพี่สาวส่งไปให้นาง นางจะดูแลด้วยตนเอง ข้าคิดว่าคุณหนูใหญ่อายุยังน้อย อีกทั้งยังไม่เคยเรียนรู้เรื่องพวกนี้…” หนานกงไหวพยักหน้าเอ่ยตอบ “งานแต่งงานของมั่วเอ๋อร์และจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องกำหนดเรียบร้อยแล้ว คิดว่าอีกไม่นานจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องคงส่งคนมาสู่ขอ กำหนดวันพิธีแล้ว ช่วงนี้เจ้าก็สั่งสอนนางในเรื่องเหล่านี้เสีย สินสมรสก็ต้องจัดเตรียม สำหรับกิจการของมารดาของนางนั้น…สตรีเพียงลำพังจะเข้าใจอันใดได้ ให้เจ้าดูแลไปก่อน เพียงแต่นางพึ่งกลับมาเมืองหลวงคงต้องใช้เงินจำนวนมาก เจ้าให้คนส่งเงินไปให้นางหนึ่งพันตำลึงเพื่อใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ รวมทั้งดูแลเรื่องเสื้อผ้าว่านางขาดเหลืออันใด ให้คนจัดเตรียมให้เรียบร้อย”
เจิ้งซื่อชะงัก หน้าเสียไปชั่วครู่ “ท่านพี่…พันตำลึงนั้นค่อนข้าง…” ท่านพี่เคยใจดีกับซูเอ๋อร์เช่นนี้เมื่อใดกัน แม้จะเป็นบุตรีเพียงคนเดียวในจวน นอกจากอั่งเปาในเทศกาลต่างๆ แล้ว แต่ละเดือนก็ได้เพียงสิบห้าตำลึงเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะนาง ไหนเลยชีวิตของซูเอ๋อร์จะดีได้ถึงเพียงนี้ หนึ่งพันตำลึง…เพียงพอกับการใช้ได้หลายปีของบรรดาคุณหนูทั่วไป ทว่าท่านพี่กลับบอกว่าเป็นเงินใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ
หนานกงไหวเองก็ตกใจ ทว่าไม่นานก็โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “สตรีตระกูลใหญ่ มีเงินในมือน้อยไปยามอยู่นอกบ้านก็น่าเกลียด”
ใบหน้าของเจิ้งซื่อยิ่งไม่น่ามองยิ่งขึ้นไปอีก หรือว่าซูเอ๋อร์ของนางไม่ใช่สตรีตระกูลใหญ่อย่างนั้นหรือ
ความจริงไม่อาจโทษหนานกงไหวที่ไม่ใส่ใจหนานกงซู เมื่อครั้งหนานกงไหวพึ่งรู้จักเมิ่งซื่อที่มีเชื้อสายสำคัญก็เป็นเช่นนี้ สาวใช้ตามติดเป็นฝูง คอยประคบประหงม อาหารการกินต้องงดงามและเพียบพร้อม ไม่เคยขาดตกบกพร่อง บรรดาคุณหนูตอนนี้ไหนเลยจะเทียบได้ พูดให้ไม่น่าฟัง หญิงในวังทั้งหลายในตอนนี้ยังไม่ถูกเอาอกเอาใจเท่าเมิ่งซื่อด้วยซ้ำ เพราะเหตุนี้หนานกงไหวจึงคิดว่าบุตรีของเมิ่งซื่อเองก็ต้องได้รับการประคบประหงมเช่นกันจึงจะสมเหตุสมผล สำหรับหนานกงซูก็เพียงเลี้ยงดูเหมือนคุณหนูทั่วไปในเมืองหลวง
“เจ้าค่ะ ท่านพี่ เดี๋ยวข้าจะให้คนส่งไปให้” เจิ้งซื่อลอบกัดฟัน ฝืนยิ้มออกมา
หนานกงไหวจึงพยักหน้าลงอย่างพอใจ มองท่าทางไม่พอใจของหนานกงซูแล้วบอกด้วยรอยยิ้ม “ซูเอ๋อร์ก็ไปตัดชุดใหม่เถิด เลือกผ้าที่ดีที่สุด” แต่กลับไม่เอ่ยถึงว่าจะให้เงินแก่หนานกงซู คุณหนูบ้านอื่นก็เลี้ยงดูกันเช่นนี้ เงินเดือนของตระกูลหนานกงนับว่าได้มากพอสมควรแล้ว หนานกงไหวจึงไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดไม่ถูกต้อง
หนานกงซูจึงฝืนยิ้ม “ซูเอ๋อร์ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ”
จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง
กลิ่นธูปลอยล่องอยู่ในห้องพระอันเงียบสงบ หญิงสาวในอาภรณ์สีขาวกำลังนั่งคุกเข่าสวดมนต์อยู่ต่อหน้าองค์พระพุทธรูป ใบหน้าเรียบนิ่งราวกับไม่มีสิ่งใดสามารถกระทบกระเทือนอารมณ์ความรู้สึกของนางได้
“องค์หญิง ซื่อจื่อกลับมาแล้วเพคะ” ที่ด้านนอก เสียงรายงานจากบ่าวรับใช้ดังเข้ามา
หญิงสาวลืมตาขึ้น ดวงตาว่างเปล่าฉายแววยินดีขึ้นมา รีบลุกขึ้น เอ่ยว่า “จวินเอ๋อร์กลับมาแล้ว ให้เขาเข้ามาเถิด”
ไม่นาน เว่ยจวินมั่วก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู หญิงสาวยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ออกไปครั้งเดียว เจ้าดูเปลี่ยนไปมากทีเดียว”
“ท่านแม่” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงทุ้ม “ช่วงนี้ร่างกายของท่านเป็นเยี่ยงไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่สบายตรงไหนกันเล่า เพียงเป็นห่วงเจ้าที่อยู่ข้างนอกเพียงเท่านั้น เห็นว่าเจ้ากลับมาโดยปลอดภัยแม่ก็วางใจแล้ว” สตรีผู้นี้คือธิดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน น้องสาวของเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋อง ชายาเอกของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง องค์หญิงฉังผิง
“ทำให้ท่านแม่ต้องเป็นกังวลแล้ว”
องค์หญิงฉังผิงส่ายหน้า ตอบด้วยรอยยิ้ม “จวินเอ๋อร์เดินทางยาวไกล มารดาเป็นห่วงย่อมเป็นเรื่องธรรมดา ไหน เจ้านั่งลงคุยกับแม่ก่อน ได้เจอคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงแล้วหรือไม่” จูงบุตรชายมานั่งยังที่นั่งด้านข้าง องค์หญิงฉังผิงจึงเอ่ยถาม “แม้แม่จะไม่สนิทกับฮูหยินฉู่กั๋วกง แต่ก็ได้ยินชื่อเสียงของสกุลเมิ่งไม่น้อย บุตรสาวที่นางสั่งสอนมาก็คงจะไม่เลว เพียงแต่…” องค์หญิงฉังผิงลังเลเล็กน้อย คุณหนูใหญ่หนานกงจะดูถูกชาติกำเนิดของจวินมั่วหรือไม่
ใบหน้าเย็นชาของเว่ยจวินมั่วอ่อนลง เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่โปรดวางใจ นางดีมาก เสด็จลุงเองก็ชอบนางมากเช่นกัน”
“จริงหรือ” องค์หญิงฉังผิงรู้สึกยินดี เพราะเรื่องการแต่งงานของลูกชายเกือบทำให้นางต้องป่วยแล้ว เห็นบุตรชายอายุยี่สิบแล้วทว่ายังหาคู่ที่เหมาะสมมิได้ นางจึงจำต้องเข้าวังเพื่อขอฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ แต่ไม่คิดว่าตระกูลหนานกงจะ…โชคดี ดูเหมือนเมื่อเทียบกับคุณหนูรองหนานกงแล้ว จวินมั่วจะชอบคุณหนูใหญ่หนานกงเสียมากกว่า
เห็นจวินมั่วพยักหน้าลง องค์หญิงฉังผิงจึงดีใจขึ้นมา “เยี่ยมไปเลย แม่เองก็อยากเจอแม่นางหนานกงผู้นี้ โอ้ เช่นนี้ต้องเตรียมของขวัญ…เด็กๆ…”
“ท่านแม่” เว่ยจวินมั่วรั้งมารดาที่ดูตื่นเต้นเอาไว้ เอ่ยขัดว่า “นางพึ่งกลับมาเมืองหลวง ท่านให้นางพักก่อนเถิด เดี๋ยวค่อยว่ากัน” เด็กคนนั้นอารมณ์ใช่ว่าจะดี หากให้มารดาเสร็จไปทำให้นางตกใจสุดท้ายก็ต้องเป็นเขาที่ต้องมาคอยจัดการทีหลัง องค์หญิงฉังผิงชะงัก รีบพยักหน้า เอ่ยตอบกลับ “จวินเอ๋อร์กล่าวถูกแล้ว แม่ใจร้อนไปเอง หากทำให้คุณหนูหนานกงตกใจคงไม่ดี แต่อย่างไรก็ต้องเตรียมของขวัญ ไว้ส่งชุดชุ่ยหวา[1]และผ้าขนนกสีเขียวสองชิ้นนั้นที่เสด็จแม่มอบให้แม่ไว้ไปให้นาง แม่อายุมากแล้วคงไม่ได้ใช้ แม่นางหนานกงยังชอบสิ่งใดอีก บอกแม่ได้หรือไม่”
แม้เว่ยจวินมั่วจะเย็นชา ทว่ากับมารดาที่รักเขาที่สุดในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนี้กลับจนใจไม่อาจเย็นชาใส่ได้ จึงจำต้องเล่าเรื่องหนานกงมั่วให้มารดาฟัง แม้จะเล่าแบบแข็งๆ และไร้ซึ่งความสามารถในการเล่าเรื่อง แต่องค์หญิงฉังผิงกลับฟังด้วยความยินดี ความรู้สึกดีที่มีต่อหนานกงมั่วนั้นสูงขึ้นอีกมาก รูปร่างหน้าตาหรือความสามารถล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณหนูหนานกงผู้นี้ไม่มีทีท่ารังเกียจหรือดูหมิ่นบุตรชายของนาง สำหรับผู้เป็นมารดาอย่างนางนับว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ในเรือนจี้ชั่ง หนานกงมั่วนั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง ในมือถือหนังสือที่พลิกเปลี่ยนหน้าบ้างเป็นบางครั้งบางครา สีหน้าของคนไม่กี่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางนั้นเปลี่ยนจากความเย่อหยิ่งในตอนแรกกลายเป็นไม่สงบขึ้นมา พื้นด้านข้างยังมีกล่องเล็กๆ วางเอาไว้ กล่องบนสุดนั้นถูกเปิดออกและมีตำลึงเงินเต็มกล่อง
หนึ่งพันตำลึงเงิน ถูกเจิ้งซื่อเปลี่ยนเป็นหนึ่งแท่งเงินสิบตำลึง[2] ยัดมาเต็มสี่กล่อง และถูกขนมายังเรือนจี้ชั่ง เกรงว่ายามนี้คงถูกป่าวประกาศไปทั่วจวนแล้วว่าฮูหยินมอบเงินให้แก่เรือนจี้ชั่งเป็นเงินถึงหนึ่งพันตำลึง
[1] ชุดชุ่ยหวา ชุดจีนโบราณ
[2] หนึ่งแท่งเงินสิบตำลึง หมายถึง หนึ่งแท่งเงินมีมูลค่าสิบตำลึง