Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1814 ดันมีมหามรรคนี้บนโลก

ตอนที่ 1814 ดันมีมหามรรคนี้บนโลก
“ฟัน!”
กระบี่โบราณหม่นแสงพุ่งตะบึง เพิกเฉยต่อห้วงอากาศ โจมตีดุจสายฟ้า ประกายคมไร้เทียมทาน
สู้มานานไม่จบเสียที เฟิงหรูเสวี่ยสีหน้ายิ่งขึงขัง ชุดขาวทั้งตัวไหวกระพือ ปฏิบัติกับหลินสวินราวศัตรูตัวฉกาจในชีวิต
เจตกระบี่ของเขาไพศาล กล่าวกันเพียงพลังต่อสู้ก็เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่หลินสวินได้พบช่วงหลายปีนี้
ตัวเขาก็เหมือนกระบี่ของเขา ดุดัน เรียบง่าย ไม่พูดพล่ามมากความ
หากเปลี่ยนเป็นหลินสวินที่ยังไม่บรรลุระดับ ต่อให้รับการจู่โจมนี้ไว้ได้ก็ต้องรู้สึกกินแรงนัก
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นมกุฎราชันอริยะอย่างแท้จริงผู้หนึ่ง อีกทั้งพลังปราณก็บรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว ไม่อาจเทียบกับคนธรรมดาได้สักนิด
เพียงแต่สำหรับหลินสวินในตอนนี้ แม้พลังต่อสู้ที่เฟิงหรูเสวี่ยสำแดงออกมาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นภัยคุกคามใหญ่โตอะไร
ตูม!
เขาแกว่งหมัดอย่างกำเริบเสิบสาน สำแดงวิชาตน ร่างกายดุจเตามรรคกลียุค แต่กลับสะท้อนภาพหุบเหวลึกกลืนเวิ้งฟ้า เคลื่อนกวาดห้วงอากาศ ซัดการโจมตีทั้งหมดจนสูญสลาย อานุภาพไม่อาจต้านทาน
สู้ดุเดือดจนกระทั่งถึงตอนหลัง หลินสวินพลันหัวเราะออกมา “ถ้ามีฝีมือแค่นี้ ไม่ถึงสิบลมหายใจเจ้าต้องแพ้แน่!”
เสียงก้องกังวาน ไหวกระเพื่อมไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
เหล่าผู้กล้าต่างล้วนฉงนใจ เจ้าหมอนี่เอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้กล้าคุยโวไม่ละอายเช่นนี้
กลับเห็นว่าเฟิงหรูเสวี่ยเงียบขรึมลงเล็กน้อย เงาร่างหยุดอยู่กลางอากาศทันที จากนั้นจึงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ดวงตาทั้งสองเจิดจรัส ปราณกระบี่หลายร้อยล้านผุดขึ้นมา
“เขตแดนกระบี่… ไร้ชีพ!”
ตูม!
เหนือห้วงอากาศ เงาร่างของเฟิงหรูเสวี่ยปลดปล่อยเจตกระบี่ราวกระแสธาร แผ่ขยายทันควัน จำแลงเป็นเขตแดนกระบี่ยิ่งใหญ่น่าสะพรึงกลัวแถบหนึ่ง
กระบี่ดุจมรรค มรรคดุจเขตแดน ในเขตแดนไร้ชีพ!
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นทุกคนแสบตาไปชั่วขณะ จิตใจต่างหวาดหวั่นเพราะกลิ่นอายกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวนั้น หวาดหวั่นเสียวสันหลังวาบ
เขตแดนกระบี่ไร้ชีพ!
นี่เป็นเขตแดนมรรคที่เฟิงหรูเสวี่ยขัดเกลามานานปี ใช้เจตจำนงมรรคกระบี่ชั้นยอดเคี่ยวกรำสร้างขึ้น ก็เหมือนโลกกระบี่แห่งหนึ่งที่ประทับด้วยยอดวิชามรรควิถีของตัวเขา
หลินสวินเคยถามจักรพรรดิดาบชิงหยาง ว่าถ้าราชันอริยะสองคนต่างใช้เขตแดนมรรคสู้กัน จะคลี่คลายสถานการณ์อย่างไร
คำตอบของจักรพรรดิดาบชิงหยางมีเพียงประโยคเดียว ‘การต่อสู้ของเขตแดน ก็เหมือนการต่อสู้ของมหามรรค ผู้แข็งแกร่งรอด ผู้อ่อนแอตาย!’
เขตแดนกระบี่ไร้ชีพของเฟิงหรูเสวี่ยแข็งแกร่งนัก ชั่วพริบตาก็ปกคลุมและดำเนินการกำราบหลินสวิน
ตูม!
ก็เห็นว่าปราณกระบี่คมกริบสอดประสานกันเป็นพลังมหามรรคดุจกฎระเบียบโลก เข้ากำราบหลินสวินจากรอบทิศด้วยอานุภาพดั่งพายุฝนโหมกระหน่ำ
ภูผาธารา ต้นไม้ใบหญ้า เวิ้งฟ้า แสงเงา ห้วงอากาศ… ล้วนเป็นเจตกระบี่ ล้วนเป็นไอสังหาร!
ใต้กระบี่ไร้ชีพ เพราะเป็นเขตแดนกระบี่ไร้ชีพ
ขณะนี้หลินสวินรู้สึกถึงแรงกดดันหนักอึ้งเช่นกัน เขาไม่ตกใจกลับยินดี เผยรอยยิ้มออกมา ที่เขาปรารถนาก็คือการประมือกับพลังเช่นนี้!
ตึง!
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ชูหมัดชกออกมา
อานุภาพหมัดดั่งหุบเหว ยิ่งใหญ่เหลือประมาณ สามารถช่วงชิงวาสนาฟ้าดิน มหามรรคทั้งปวงปรากฏขึ้น ปลดปล่อยคลื่นคลุมเครือชวนหวาดผวาออกมา
ชั่วขณะนี้ปราณกระบี่ที่กู่ก้องอยู่รอบทิศเหมือนถูกพลังกลืนกินน่าสะพรึงกลัวเหนี่ยวนำ เกิดเสียงครวญหึ่ง จากนั้นก็ล้วนระเบิดกระจุยภายใต้หมัดเดียวของหลินสวิน
ละอองแสงซัดสาดปลิวว่อน งดงามเจิดจรัส
“ฟัน!”
เฟิงหรูเสวี่ยนัยน์ตาหดรัด โคจรพลังทั้งหมดโดยไม่ลังเล
เขตแดนกระบี่ไร้ชีพ เป็นวิชาสังหารที่เขาภาคภูมิเป็นที่สุด หลายปีมานี้เขาเคยเข่นฆ่าคู่ต่อสู้นับร้อยด้วยเขตแดนกระบี่นี้ ในนั้นยังมีพวกร้ายกาจระดับมกุฎราชันเช่นเดียวกันด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ชายหนุ่มที่เพิ่งบรรลุระดับมกุฎราชันอริยะคนหนึ่งถูกขังอยู่ในเขตแดนกระบี่ แต่ยังมีพลังโจมตีกลับ!
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบมาก่อน และทำให้เขารับรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้คนนี้จะดูถูกไม่ได้สักนิด ต้องมองเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ!
ตูม!
เขตแดนกระบี่โคจร ประหนึ่งโลกใบหนึ่งส่งเสียงครั่นครืน เจตกระบี่แหลมคมถูกเฟิงหรูเสวี่ยควบคุม แปลงเป็นฝนกระบี่ ธารกระบี่ ป่ากระบี่… พุ่งไปหาหลินสวินเพียงผู้เดียวดุจผลักภูเขาพลิกสมุทร
ใช้พลังของโลกแห่งหนึ่งกำราบคนผู้เดียว จะน่ากลัวปานไหน
แม้เขตแดนไม่ใช่โลกจริง แต่ถูกกักไว้ในนั้นกลับไม่ต่างอะไรกับถูกโลกใบหนึ่งกลบฝัง!
“ทำลาย!”
“ทำลาย!”
“ทำลาย!”
…ก็เห็นหลินสวินแกว่งหมัด การโจมตีแต่ละครั้งล้วนเหมือนหุบเหวอุบัติ กลืนกินทั้งสิบทิศจนสิ้น บดขยี้หลอมละลายปราณกระบี่ที่ถาโถมทั้งหมด
จนท้ายที่สุดพลังหมัดที่ทบซ้อนเป็นชั้นๆ กลายเป็นเงาหุบเหวตัดสลับกันหลายตลบ ยิ่งรวมตัวเป็นรูปร่างยิ่งมั่นคงขึ้นราวกับมีอยู่จริง พาดขวางในเขตแดนกระบี่ หมุนคว้างครั่นครืน ทำให้โลกกระบี่แห่งนี้เริ่มบิดเบี้ยว สั่นสะเทือน ปั่นป่วน!
“นี่…”
ขณะนี้สภาวะจิตอันมั่นคงหาใดเทียบของเฟิงหรูเสวี่ยยังเกิดคลื่นอารมณ์ตกตะลึง ฝึกปราณมาจนตอนนี้ เขาเห็นความเป็นความตายมาจนชินตา ประสบกับคลื่นลมในโลกหล้า
แต่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าถูกขังอยู่ในเขตแดนกระบี่ของตน แต่กลับมีพลังพลิกแม่น้ำคว่ำทะเล หมายจะซัดเขตแดนของตนให้คว่ำ!
เฟิงหรูเสวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาทุ่มหมดตัว สู้สุดกำลัง ทั้งตัวส่องแสงคล้ายกระบี่เล่มหนึ่ง ควบคุมสภาวะของแดนกระบี่นี้
เพียงแต่การโจมตีกลับทั้งหมดคล้ายเปลืองแรงเปล่าไปแล้ว
“ทำลาย!”
เมื่อหลินสวินต่อยหมัดที่แปดออกมา หุบเหวพาดขวางประหนึ่งไม่ขยับชั่วกัลป์ กลืนกินสรรพสิ่ง ทำลายไม่เหลือ ขับเน้นให้หลินสวินดูประหนึ่งหมื่นวิชาไม่อาจกล้ำกราย
พอต่อยหมัดที่เก้าออกมา ทั้งเขตแดนกระบี่ไร้ชีพเริ่มซัดสาดรุนแรง ถูกพลังมหามรรคที่หุบเหวปลดปล่อยออกมาปั่นป่วน สำแดงภาพฟ้าดินพลิกคว่ำ โกลาหลยุ่งเหยิง
ด้านเฟิงหรูเสวี่ยหน้าซีดเผือด มุมปากเลือดไหลซิบ
นี่เป็นเขตแดนของเขา พอพลังเขตแดนได้รับความเสียหายหนักหน่วงก็ทำให้เขาโดนลูกหลงบาดเจ็บไปด้วย
และในตอนนี้หลินสวินดำดิ่งอยู่ท่ามกลางการขัดเกลาอันแสนสบายไหลลื่นนี้ ใช้การต่อสู้มาควบคุมพลังระดับมกุฎราชันอริยะของตน เหมือนแขนสั่งการนิ้วมือ รับส่งได้ดั่งใจ
“ทำลาย!”
เมื่อชกหมัดที่สิบออกไป หุบเหวลึกดั่งจับต้องได้ พลันหดตัวรุนแรงฉับพลัน ควบรวมอยู่ในหมัดนี้ของหลินสวินจนหมด
ด้านพลังของเขตแดนกระบี่นี้กลับคล้ายถูกดึงไปจนหมด เกิดความรู้สึกแห้งแล้งว่างเปล่า จากนั้น…
พอหลินสวินส่งหมัดหนึ่งออกไป เขตแดนกระบี่ไร้ชีพอันเป็นความภาคภูมิใจของเฟิงหรูเสวี่ยก็ระเบิดกระจุยดังลั่นราวกับกระจกที่ทนรับน้ำหนักไม่ได้!
ชั่วพริบตานี้เปรียบดั่งภูเขาไฟมลายโลกปะทุ พลังมหามรรคที่แปลงมาจากเขตแดนกระบี่นั้นถูกซัดยับเยิน แปรสภาพเป็นกระแสเชี่ยวกรากยิ่งยวด ม้วนตลบไปทั้งสี่ทิศแปดด้าน
“เขตแดนกระบี่ไร้ชีพถูกซัดหรือ”
“นี่เป็นไปไม่ได้!”
“สวรรค์…”
ทุกคนในที่นั้นต่างตกใจ แต่ละคนต่างสีหน้าตกตะลึง ไม่กล้าทำใจเชื่อ
เหนือเวิ้งฟ้าคล้ายภัยพิบัติโลกาวินาศอุบัติขึ้น แสงเทพม้วนตลบ เสียงมรรคสะท้านฟ้า
ส่วนเฟิงหรูเสวี่ยเงาร่างซวนเซ ชุดขาวปลอดถูกย้อมด้วยเลือด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดูยับเยินหาใดเทียบ ไม่เหลือความสง่างามไร้เทียมทานเหมือนก่อนหน้านี้อีก
ที่น่าหวาดผวาที่สุดก็คือ ตรงทรวงอกของเขามีรอยหมัดที่ลึกลงไปถึงเลือดเนื้อรอยหนึ่ง!
หันกลับมาดูหลินสวิน ยืนอยู่กลางอากาศ ผมดำปลิวไสว เงาร่างสูงโปร่งประหนึ่งนภาครามหมื่นกาล ยืนอยู่ตรงนั้นให้ความรู้สึกไม่อาจสั่นคลอนได้กับผู้คน
ทั้งที่นั้นเงียบสงัดไร้เสียง
เขตแดนกระบี่ไร้ชีพยังถูกทำลาย ไม่อาจกำราบอีกฝ่ายได้ เรื่องนี้น่ากลัวยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ที่แท้โลกนี้ยังมีมหามรรคเช่นนี้ด้วย…”
เฟิงหรูเสวี่ยพึมพำ แววตาเหม่อลอย
เดิมเขานึกว่าชีวิตนี้ได้เห็นทิวทัศน์ของระดับมกุฎราชันอริยะจนหมดแล้ว แต่วันนี้ถึงพบว่าตนก่อนหน้านี้เป็นเพียงกบในกะลาเท่านั้น!
ตูม!
ครู่ต่อมาเงาร่างของเฟิงหรูเสวี่ยแยกเป็นหลายส่วนกลางอากาศ กลายสภาพเป็นละอองแสงราวเถ้าถ่าน หายลับสลายไป
หมัดก่อนหน้านี้ของหลินสวินไม่เพียงทำลายเขตแดนกระบี่ไร้ชีพของเขา ยังทำให้เส้นปราณหัวใจและจิตวิญญาณของเขาป่นปี้ พลังชีวิตขาดสะบั้น!
และก็เป็นหมัดนี้ที่ทำให้เฟิงหรูเสวี่ยได้รู้ก่อนตาย ว่าที่แท้ระดับมกุฎราชันอริยะยังมีภาพอันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ด้วย…
ณ ตอนนี้ เฟิงหรูเสวี่ยราชันอริยะกระบี่แห่งยุค ยักษ์ใหญ่บนมกุฎมรรคา ถูกหลินสวินสังหารตายคาที่!
พลานุภาพของหลินสวินดั่งเทพ เขย่าขวัญไปทั้งที่นั้น
ควันหลงจากการต่อสู้ยังคงอบอวล แต่ ณ ที่นั้นเงียบสงัดไปแล้ว คนใหญ่คนโตแต่ละคนต่างสีหน้าตกตะลึงไปหมด
เฟิงหรูเสวี่ย มกุฎราชันอริยะที่โดดเด่นแข็งแกร่งปานใด ดันสู้ชายหนุ่มที่เพิ่งบรรลุระดับคนหนึ่งไม่ได้!
“พวกเจ้าเข้ามาด้วยกันเถอะ”
หลินสวินยืนอยู่กลางอากาศ ดวงตาดำกวาดมองทุกคน ประโยคเดียวทำเอาคนใหญ่คนโตเหล่านั้นสีหน้าปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ไปครู่หนึ่ง
พวกเขาสบตากัน ในที่สุดแววบ้าระห่ำก็ฉายวาบในดวงตา ออกโจมตีเต็มกำลัง
แม้เฟิงหรูเสวี่ยจะตายไป แต่ฝั่งพวกเขายังมีมกุฎราชันอริยะสองคนกับเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันอริยะ หากให้ยอมแพ้เท่านี้จะยินยอมได้อย่างไร
ตูม!
ฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือน สุริยันจันทราอับแสง
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าออกโจมตี ล้วนเคลื่อนไหวเต็มกำลัง กระตุ้นพลังจนถึงที่สุด
ในกลุ่มนี้มีมกุฎราชันอริยะสองคนที่สะดุดตาที่สุด คนหนึ่งเป็นชายชุดชาด หางคิ้วมีลายไฟแดงสดแปลกประหลาดลายหนึ่ง
อีกคนเป็นหญิงชุดงามหรูที่สง่างามโดดเด่น ผิวงามเรียบลื่น ครอบครองจักระเทพหิมะน้ำแข็งกลมเกลี้ยงโปร่งแสงชิ้นหนึ่ง
ว่าด้วยพลังต่อสู้ ทั้งสองสมน้ำสมเนื้อกับเฟิงหรูเสวี่ย มีทั้งสองเป็นหัวเรือหลัก สนับสนุนเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันอริยะ แนวรบเช่นนี้แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย
มองไปทั้งโลกต้าอวี่ล้วนสามารถแผลงฤทธิ์ได้!
“ฟัน!”
“โอม!”
“ทะยาน!”
“กำราบ!”
ท่ามกลางเสียงตะคอกเป็นระลอก ฟ้าดินแห่งนี้ปรากฏเขตแดนมรรคเป็นชั้นๆ ล้วนอัศจรรย์หาใดเทียบ เผยให้เห็นภาพแตกต่างกันไป
บ้างเป็นดั่งมหาสมุทรปกคลุมฟ้าดินเก้าพันจั้ง บ้างเป็นดั่งแดนอัคคีหินหนืด เปลวเพลิงไหลเวียนเผาฟ้าทำลายดิน บ้างแปลงเป็นโลกแห่งไม้เขียว เครือเถาเฟื่องฟู ไม้โบราณเสียดฟ้า…
นอกจากสำแดงเขตแดนมรรค สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ยังเรียกสมบัติออกมา ทอประกายสดใสงามตระการตา กู่ก้องท่ามกลางฟ้าดิน
ภาพเช่นนั้นสามารถทำให้สรรพชีวิตในโลกล้วนขวัญหาย!
แต่หลินสวินกลับเหมือนมองไม่เห็น เขาก้าวเข้าไปในห้วงอากาศ ร่างกายส่งเสียงมรรคครั่นครืนคล้ายเตาหลอมมหามรรค พุ่งเข้าโจมตี
สวบ!
ดาบหักขาวดั่งหิมะโฉบออกมา คดเคี้ยวดุจสายฟ้า วาบไหวไร้ร่องรอย
ชิ้ง! ชิ้ง!
กระบี่อเวจีกับยอดสังหารอยู่ในการควบคุมของมือหลินสวิน เล่มหนึ่งดุจมหานรกดำสนิท อีกเล่มดุจแม่น้ำเลือดขุมทมิฬ ปราณกระบี่ถั่งโถม แหลมคมไม่อาจต้าน
ยามนี้หลินสวินไม่ออมมือสักนิดแล้ว!
ตูม โครม ครืน!
ศึกใหญ่ปะทุ ก็เห็นว่าเงาร่างหลินสวินดุจสายฟ้า แล่นทะลวงห้วงอากาศ คมกระบี่ผ่านไปที่ใดล้วนทำลายการปกคลุมของเขตแดนมรรคเป็นชั้นๆ อานุภาพดุจทำลายไม้ผุหักกร่อน
ฟุบ!
และบริเวณที่เงาร่างเขาเคลื่อนผ่าน ราชันอริยะสามคนก็ถูกสังหารคาที่
คนหนึ่งถูกดาบหักเปิดหว่างคิ้ว จิตวิญญาณระเบิดกระจุย คนหนึ่งถูกกระบี่อเวจีโจมตีทะลุคอหอย ร่างกายถูกปราณกระบี่น่ากลัวปกคลุมทำลายล้าง อีกคนถูกแม่น้ำเลือดที่แปลงมาจากกระบี่ยอดสังหารกลบมิด ศพกระดูกละลายไปเหมือนหิมะน้ำแข็ง…
และภาพการตายอันนองเลือดแต่ละภาพนี้ เกิดขึ้นเพียงชั่วดีดนิ้ว!
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท