“สาวน้อยต้องการหยกแกะสลักนำโชคชิ้นนี้หรือ ไปอยู่กับข้า แล้วข้าจะมอบหยกชิ้นนี้ให้เจ้าเป็นอย่างไร”
“…” คุณชายสาม ข้าต่างหากที่เป็นเถ้าแก่
เมื่อรู้ฐานะของคุณชายสามผู้นี้แน่ชัดแล้ว หนานกงมั่วจึงเบะปากด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย “ไม่ต้องหรอก ข้าซื้อเองได้ เถ้าแก่ ไปรับเงินที่จวนฉู่กั๋วกง”
เถ้าแก่รีบพยักหน้า เอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าแม่นางเป็น…”
“นามของข้าคือมั่ว บุตรีคนโตของตระกูลหนานกง”
“ที่แท้คุณหนูใหญ่ก็กลับมาแล้ว” เถ้าแก่รีบเอ่ย เขาอยู่เมืองหลวง แถมยังทำการค้ากับชนชั้นสูง แน่นอนเถ้าแก่ต้องรู้จักกับเหล่าคุณหนูแต่ละจวนในจินหลิงเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นจวนฉู่กั๋วกงยังมีอำนาจอันดับหนึ่งในจินหลิงอีกด้วย”
คุณชายสามที่อยู่ด้านข้างนั้นนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าผู้ที่เขาคิดว่าเป็นบ่าวรับใช้ในจวนฉู่กั๋วกงจะเป็นถึงคุณหนูใหญ่ เมื่อหันไปมองหนานกงมั่วอีกครั้งยิ่งรู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้างดงามดั่งเทพสวรรค์ ดูสูงส่ง ซ้ำยังงามจนไร้ที่ติ ตอนที่คิดว่าหนานกงมั่วเป็นบ่าวรับใช้ยังคิดว่าเป็นบ่าวรับใช้ที่งดงาม ตอนนี้รู้ฐานะที่แท้จริงของหนานกงมั่วแล้วยิ่งรู้สึกว่าความงดงามนั้นเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งความน่าหลงใหลยังเพิ่มมากขึ้น นี่ข้า…ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเลยใช่หรือไม่
เมื่อบอกกับเถ้าแก่เรียบร้อย หนานกงมั่วจึงเตรียมหมุนตัวออกจากร้านไป ทว่าถูกคุณชายสามผู้นั้นก้าวเข้ามาขวางทางเอาไว้ “ข้า ไม่รู้…ฐานะที่แท้จริงของคุณหนู ล่วงเกินแล้ว…ขอคุณหนูโปรดอภัย” เพียงประโยคเดียว ทว่ากลับติดๆ ขัดๆ ดวงตาของคุญชายสามมองสำรวจหนานกงมั่ว หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่รู้ย่อมไม่ผิด คุณชายสามจูช่วยหลีกทางด้วยเถิด”
“เอ่อ นับเป็นโชคชะตาที่ได้พบ แม่นางหนานกงเราไปดื่มชาด้วยกันสักประเดี๋ยวเป็นอย่างไร”
หนานกงมั่วยิ้มขำ เอ่ยตอบ “วันนี้คนที่ข้าบังเอิญเจอหากไม่ถึงพันก็คงแปดร้อย หรือว่าเป็นโชคชะตาทั้งหมดกันเล่า”
“จะเหมือนกันกันได้เยี่ยงไรเล่า” คุณชายสามจูหัวเราะ “ข้าได้เห็นความงามของคุณหนู หัวใจพลันสั่นไหว…ข้าเกิดในตระกูลสูงส่ง แม่นางเองก็เป็นบุตรีของฉู่กั๋วกง มิใช่โชคชะตาที่สวรรค์สรรค์สร้างหรอกหรือ แม่นางจะเขินอายไปไย…”
เขินอายบ้าบออันใดกัน
“คุณชายสามจู ได้โปรดหลีกทาง”หนานกงมั่วเอ่ยด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ คุณชายสามเองก็เริ่มไม่พอใจ เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่จวนหนานกงมาบ้าง ก็เพียงแค่คุณหนูที่ถูกทอดทิ้งไว้ที่ชนบทเท่านั้น กล้ามาเล่นตัวกับคุณชายสามตระกูลจูเยี่ยงข้า เมื่อคิดมาถึงตรงนี้จึงยกมือขึ้นไปคว้าแขนของหนานกงมั่วเอาไว้ “คุณหนูหนานกงไม่คิดจะไว้หน้าข้าบ้างหรือ”
“พี่สาม ปล่อยมือเสียเดี๋ยวนี้” เสียงใสดังเข้ามา หญิงสาวสวยสง่าในอาภรณ์สีขาวสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เถ้าแก่รีบเอ่ยทักทาย “คุณหนูใหญ่”
“อวี้เอ๋อร์ เจ้ามาทำอันใดที่นี่” เมื่อโดนขัดขวาง คุณชายสามจึงกวาดตามองน้องสาวอย่างไม่พอใจ
หญิงสาวอาภรณ์ขาวจ้องคุณชายสามจูเขม็ง เดินมาหยุดตรงหน้าหนานกงมั่วพลางย่อตัวทักทายด้วยความเคารพ เอ่ยเสียงเบา “พี่สามถูกท่านพ่อเอาใจเกินไป ขอคุณหนูหนานกงโปรดให้อภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“ท่านนี้คือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้วขึ้น เถ้าแก่รีบบอก “ท่านนี้คือคุณหนูใหญ่ของเราขอรับ”
หญิงสาวชุดขาวเอ่ย “ข้าน้อยชูอวี้ คารวะคุณหนูหนานกง”
“ที่แท้ก็คุณหนูใหญ่ตระกูลจูนี่เอง” หนานกงมั่วพยักหน้าเล็กน้อย เหลือบมองคุณชายสามที่ดูดื้อดึงอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ข้าคงต้องขอตัวลาแล้ว”
ร่องรอยความประหลาดใจวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของจูชูอวี้ มองหนานกงมั่วที่กำลังหมุนตัวเดินออกไป รีบเอ่ยขัด “คุณหนูหนานกงได้โปรดช้าก่อน”
หนานกงมั่วหันกลับไป จูชูอวี้จึงยิ้มบางๆ “แม้จะได้พบกับคุณหนูหนานกงเป็นครั้งแรก แต่กลับถูกชะตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าข้าจะสามารถเป็นเพื่อนกับคุณหนูหนานกงได้หรือไม่”
คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น แววตาฉายแววไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่
“ข้ายังมีธุระ เกรงว่าคงจะอยู่สนทนากับคุณหนูจูมิได้ ต้องขอตัวลาแล้ว” หนานกงมั่วกล่าวเสียงเบา
จูชูอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าหนานกงมั่วจะไม่ไว้หน้าถึงเพียงนี้ จำต้องฝืนยิ้มเอ่ยตอบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คงมิอาจรบกวนคุณหนูหนานกงแล้ว หยกนำโชคนี้เดี๋ยวข้าจะให้คนนำไปส่งให้ที่จวนฉู่กั๋วกงเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณมาก ขอตัวแล้ว”
มองหนานกงมั่วเดินออกไป คุณชายสามจูจึงหันมามองน้องสาวแล้วจึงเอ่ยขึ้น “น้องสาว ดูเหมือนเจ้าก็คิดเข้าข้างตนเองฝ่ายเดียวเหมือนกันนี่”
ดวงตาของจูชูอวี้เข้มขึ้นเล็กน้อย กวาดตามองพี่ชายพลางขมวดคิ้ว “พี่สาม การทำตัวโอ้อวดเป็นผู้ลากมากดีของท่าน คนอื่นเขาก็คงไม่มองอยู่แล้ว อายุท่านก็ไม่น้อย เลิกเสียทีเถิด อย่าให้ผู้อื่นคิดว่าตระกูลจูของเราล้วนเป็นเช่นนี้” ถูกน้องสาวตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ใบหน้าของคุณชายสามจึงดูไม่น่ามองมากขึ้น เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “เรื่องของข้าไยต้องให้เจ้ามาสั่งสอน”
จูชูอวี้เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าเองก็มิได้อยากยุ่งกับท่าน แต่ท่านพ่อบอกแล้วว่าหอไต้เย่ว์นั้นให้ข้าดูแล เช่นนี้ขอพี่สามอย่าได้เข้ามาตัดสินใจแทนข้า เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกขุ่นมัว”
คุณชายสามจูโมโหทว่ากลับหัวเราะออกมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยัน “ข้าก็ว่าทำไมถึงได้โกรธเช่นนี้ หรือว่าคุณหนูใหญ่หนานกงไม่สนใจเจ้า จึงได้เอาความโกรธนั้นมาลงที่ข้า นางไม่สนใจเจ้าเพราะเจ้าเป็นบุตรีตระกูลจู มิใช่เพราะเป็นน้องสาวของข้า คุณชายสามตระกูลจูเสียหน่อย” เอ่ยจบก็ไม่สนใจสีหน้าของจูชูอวี้ เปิดผ้าม่านหน้าร้านเดินออกไปอย่างโกรธเคือง
ในร้าน สีหน้าของจูชูอวี้ซีดขาว ริมฝีปากซีดสั่นระริกด้วยความโกรธที่ไม่ธรรมดา เถ้าแก่ที่ยืนมองอยู่ด้านข้างนั้นกังวลไม่น้อย รีบเอ่ยปลอบ “คุณหนูใหญ่ คุณชายสามไม่รู้กาละเทศะ ท่านอย่าเอามาใส่ใจเลย” จูชูอวี้อดกลั้น ในที่สุดก็ใจเย็นลงทว่าน้ำตาก็ยังไหลออกมา เอ่ยขึ้นว่า “ข้าทำเพื่อใครกัน ไยเขาถึงไม่เข้าใจบ้าง ข้าไม่ได้ขอให้เขาเป็นใหญ่อันใดมาก เพียงให้เขาได้ใช้ชีวิตเป็นคุณชายสามอย่างมีความสุข หากวันนี้ปล่อยให้เขาทำให้คุณหนูใหญ่หนานกงต้องขุ่นเคืองใจ ตระกูลจูของเราจะต้องตกเป็นรองใต้อำนาจจวนฉู่กั๋วกงไปอีกนานเพียงใด ตระกูลจูขายหน้าเขาจะดีใจอย่างนั้นหรือ”
เถ้าแก่อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ คุณหนูใหญ่ฉลาดรู้ความ เมื่อเจอปัญหาก็จัดการอยู่เงียบๆ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหล่าคุณชายในตระกูลเลยแม้แต่เพียงนิด น่าเสียดายที่ร่างกายเป็นหญิง ต่อให้นายท่านจะรักหรือเอ็นดูมากเพียงใด หากเหล่าคุณชายไม่พยายามแล้วจะมีประโยชน์อันใด อย่างเรื่องวันนี้ หากปล่อยให้คุณชายสามล่วงเกินจวนฉู่กั๋วกง หอไต้เย่ว์คงเกิดปัญหาไม่น้อย คุณหนูใหญ่ต้องลำบากกว่าสองปีกว่าจะพาหอไต้เย่ว์ให้อยู่ได้มาถึงวันนี้ เกือบจะโดนคุณชายสามทำลายมันเสียแล้ว
“คุณหนูใหญ่ได้โปรดใจเย็นก่อน หยกนำโชคชิ้นนี้…”
จูชูอวี้ถอนหายใจ เอ่ยว่า “ให้คนส่งไปยังจวนฉู่กั๋วกงเถิด บอกว่าคุณชายสามมอบให้เพื่อขออภัยที่ล่วงเกินคุณหนูหนานกง”
เถ้าแก่ลังเลชั่วครู่ “เช่นนี้ดูจะไม่เหมาะสมหรือไม่ขอรับ อีกทั้ง…” อย่างน้อยหยกชิ้นนี้ก็ขายได้เป็นเงินหนึ่งพันห้าร้อยตำลึง หากจะมอบให้เลยก็คงน่าเสียดาย จูชูอวี้ส่ายหน้า “ไปเถิด”
“ขอรับ”
…
“แม่นางมั่ว” เมื่อหนานกงมั่วเดินออกมาจากหอไต้เย่ว์แล้ว กำลังเดินเที่ยวเล่นอยู่บนถนน ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านบนศีรษะ เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงมองเห็นลิ่นฉังเฟิงกำลังยืนเกาะหน้าต่างอยู่ชั้นสอง มองมายังตนด้วยรอยยิ้มสดใส สำหรับลิ่นฉังเฟิงที่ดูอิสระขี้เล่นและคอยติดตามเว่ยจวินมั่วไม่ห่างผู้นี้ หนานกงมั่วรู้สึกว่าเขาน่าสนใจทีเดียว อย่างไรเสียนางมีความมั่นใจถึงแปดส่วนว่าชายผู้นี้นั้นอยู่ในสายอาชีพเดียวกับนาง