เจ้าคนนี้กดขี่เขามาหลายปี ไม่เคยเห็นโชคร้ายเสียที ดังนั้นทุกครั้งที่เขาถูกจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องทำโทษ คุณชายฉังเฟิงจึงอดที่จะมีความสุขบนความทุกข์ของเขาไม่ได้ วันนี้ได้รับผลกรรมแล้วหรือ ไม่รู้ว่าไปหาเรื่องใครเข้า
เว่ยจวินมั่วเดินเข้ามาในห้อง ยื่นมือไปปิดประตู เอ่ยว่า “ดึกดื่นป่านนี้เจ้ามาทำอันใดที่นี่”
ลิ่นฉังเฟิงกลอกตา เอ่ยตอบ “เจ้าคิดว่าข้าอยากมาดึกดื่นเช่นนี้หรือ สองวันนี้มานี้ตาเฒ่าส่งคนออกตามหาข้าจนทั่ว”
“เจ้าน่ะหรือกลัวพวกเขา” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในคำพูดที่ว่า ลิ่นฉังเฟิงเก่งกาจเพียงใดใครเล่าจะรู้ดีเท่าเขาได้ คนที่ถูกนายท่านลิ่นส่งมา จะจับลิ่นฉังเฟิงได้ก็ต่อเมื่อเจ้าตัวยอมให้จับก็เพียงเท่านั้น ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยตอบกลับอย่างจนปัญญา “ข้าไม่อยากเผยความสามารถของข้านี่นา จะว่าไป ดึกดื่นป่านนี้เจ้าพาใบหน้าที่เต็มไปด้วยผื่นไปไหนมา เจ้าคงไม่ได้ไปลักหยกขโมยบุปผา[1]มาหรอกใช่ไหม แม่นางไม่ตกใจแย่หรือ”
“ไปเอายาถอนพิษ” เว่ยจวินมั่วตอบเสียงเรียบ
“ถูกคนวางยาหรือ” ลิ่นฉังเฟิงลูบปลายคางครุ่นคิด จากนั้นจึงเลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม “แม่นางมั่วหรือ” เว่ยจวินมั่วรู้จักลิ่นฉังเฟิงดี ไหนเลยลิ่นฉังเฟิงจะไม่เข้าใจเว่ยจวินมั่ว บนโลกใบนี้นอกจากองค์หญิงฉังผิงและเยี่ยนอ๋องแล้วก็คงไม่มีใครที่จะเข้าถึงตัวเว่ยจวินมั่วได้อีกแล้ว แน่นอนว่าองค์หญิงฉังผิงไม่มีทางวางยาเว่ยจวินมั่วอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงฉังผิงไม่รู้จักเรื่องเหล่านี้เลย แต่ว่า…ไม่นานมานี้มีแม่นางมั่วเข้ามาและนางก็ไม่เหมือนใคร นางมีโอกาสเข้าใกล้เว่ยจวินมั่ว และนางยังรู้เรื่องการแพทย์ “ฮ่าๆ เจ้าไปทำอะไรแม่นางมั่วหรือ ข้าได้ยินมาว่าวันนี้องค์หญิงพึ่งจะไปมอบของกำนัลมิใช่หรือไง”
เว่ยจวินมั่วกวาดตามองลิ่นฉังเฟิง ไม่ตอบ
ลิ่นฉังเฟิงรู้ดีว่าหากเว่ยจวินมั่วไม่อยากตอบ ใครก็อย่าคิดได้ถาม ทำได้เพียงโบกมือปัด เอ่ยไปว่า “ที่ข้ามาเพียงต้องการจะบอกเจ้า พรุ่งนี้ข้าต้องออกเดินทางไกล หากแม่นางมั่วตามหาข้า เจ้าก็ช่วยออกหน้าแทนข้าที” เว่ยจวินมั่วย่นหัวคิ้ว เอ่ยถาม “มีใครจัดการยากถึงขั้นให้เจ้าต้องลงมือเองหรือ” ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจ “ไม่นับว่าจัดการยาก เพียงแต่วุ่นวายเล็กน้อย หากจัดการยากจริงๆ ข้าคงยกให้เจ้าลงมือ ฮ่าๆ…”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าตอบเสียงเรียบ “ระวังตัวด้วย”
ลิ่นฉังเฟิงโบกมือท่าทีไม่ใส่ใจ “หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ข้าไปล่ะ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับมาให้ทันงานมงคลของเจ้าและแม่นางมั่ว” เอ่ยจบก็หายตัวออกไปจากห้องของเว่ยจวินมั่ว หายลับไปกับความมืด
เว่ยจวินมั่วนั่งเงียบอยู่คนเดียวเนิ่นนาน จากนั้นจึงยื่นมือไปหยิบเข็มที่ซ่อนเอาไว้ที่แขนเสื้ออีกข้าง ในมือถือผ้าสีฟ้าครามที่ถูกพันม้วนเอาไว้ ในม้วนผ้ามีเข็มสีเงินเล็กหลายเล่มอยู่ในนั้น ปลายเข็มสะท้อนแสงสีฟ้าอ่อนภายใต้แสงเทียน เว่ยจวินมั่วอดนึกถึงค่ำคืนในเมืองตานหยางที่เขามาไม่ทันฆ่าคนผู้นั้นและมีคนจัดการไปก่อนแล้วขึ้นมาไม่ได้ “อู๋สยา…ใช่เจ้าหรือไม่” เสียงของเว่ยจวินมั่วเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้อง
รุ่งสาง หนานกงมั่วลืมตาตื่นมองหุยเสวี่ยยกน้ำเข้ามา เมื่อเห็นว่านางตื่นแล้วหุยเสวี่ยจึงยิ้มพลางเอ่ย “คุณหนูใหญ่ ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
นางลุกขึ้นนั่งพลางพยักหน้า เลิกผ้าห่มออกเตรียมลงจากเตียง หุยเสวี่ยวางอ่างน้ำลง เดินเข้ามาเปิดม่านและมัดเอาไว้ พลางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เมื่อคืนได้ข่าวว่าเรือนไฉ่อู๋วุ่นวายทั้งคืนเลยเจ้าค่ะ” หนานกงมั่วสวมเสื้อผ้าพลางขมวดคิ้ว เอ่ยถาม “วุ่นวายอันใดกัน” หุยเสวี่ยตอบ “ได้ยินว่าเรื่องเตรียมสินเจ้าสาวให้คุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
ด้านนอก แม่นมหลานเดินนำจือซู จือฉียกสำรับอาหารเช้าของหนานกงมั่วเข้ามา ได้ยินเรื่องที่หุยเสวี่ยกำลังกล่าวถึง แม่นมหลานจึงเอ่ย “คนพวกนั้น หากไม่วุ่นวายสักวันก็คงทรมานเจ้าค่ะ มาพูดเรื่องแบบนี้กับคุณหนูใหญ่แต่เช้าได้อย่างไรกัน เดี๋ยวคุณหนูใหญ่ก็กินอะไรไม่ลง” หนานกงมั่วยิ้มเล็กน้อย เอ่ยขึ้น “แม่นมหลานอย่าตำหนินางเลย ข้าจะกินไม่ลงเพราะผู้อื่นง่ายเพียงนั้นเลยหรือ” นางกินอาหารอร่อยโดยแท้ ยิ่งได้ยินว่าคนพวกนั้นหงุดหงิด นางยิ่งกินได้มากขึ้นอีกเป็นชาม
วางอาหารลง แม่นมหลานพาคนเข้ามา หนานกงมั่วสวมเสื้อผ้าเสร็จและเตรียมล้างหน้าล้างตา เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงนั่งลงแต่งตัวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หมิงฉินเดินเข้ามา หวีผมนุ่มของนางเป็นทรงเรียบง่ายอย่างทะนุถนอม จากนั้นเลือกเครื่องประดับชิ้นสวยปักลงไป หนานกงมั่วมองตัวเองในกระจกแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ “หมิงฉินช่างชำชาญจริงๆ แม่นมสั่งสอนได้ดีเหลือเกิน”
หมิงฉินยิ้มตอบ “คุณหนูใหญ่ชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยทำได้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็เท่านั้น
หมิงฉินและจือซูต่างติดตามแม่นมหลานมาตั้งแต่เด็ก หมิงฉินมีความสามารถเรื่องการแต่งตัวไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้าทำผมหรือแต่งตัวจัดเสื้อผ้า ล้วนแล้วแต่เป็นที่พึงพอใจของหนานกงมั่ว ทว่าจือซูนั่นเฉลียวฉลาด เดิมเป็นบุตรีของครอบครัวนักปราชญ์ธรรมดา ทว่าครอบครัวเกิดเรื่องนางจึงถูกบังคับขายตัวมาเป็นทาส เมื่อครั้งอยู่บ้านก็ร่ำเรียนมาไม่น้อย หลายปีมานี้ยังเรียนรู้เรื่องการจัดการต่างๆ กับแม่นมหลาน ยามนี้นางเป็นผู้ดูแลบัญชีการใช้จ่ายของหนานกงมั่วในแต่ละวัน สาวใช้ทั้งสองกลายเป็นสาวใช้เคียงกายที่มีประโยชน์กับหนานกงมั่ว ทว่าหุยเสวี่ย เฟิงเหอ อีกทั้งรู่ฮว่าและจือฉีนั้น แม้จะมีความจงรักภักดี แต่เป็นบ่าวรับใช้จวนหนานกงที่เรือนอื่นมาตลอด ยังจำเป็นต้องให้แม่นมหลานคอยสั่งสอนและฝึกฝนอีกสักระยะหนึ่ง
สุดท้ายหยิบปิ่นปักผมดอกกล้วยไม้ออกจากกล่องผ้าปักลงไปเสียบบนผมสวย พู่ไข่มุกสองฝั่งคลอเคลียเบาๆ ที่ริมหู ยิ่งทำให้ใบหน้าสวยและบริสุทธิ์ของหนานกงมั่วนั้นโดดเด่นยิ่งขึ้น ฉินหมิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูลองดูว่าเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” หนานกงมั่วพยักหน้า “ดีมาก” ฉินหมิงฉลาดมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็รู้ว่านางชื่นชอบสิ่งใด รู้ว่านางไม่ชอบอะไรยุ่งยาก โดยทั่วไปหากไม่ได้เป็นวันสำคัญอะไรก็จะทำทรงผมเรียบง่ายแต่ยังคงไว้ซึ่งความงดงาม เมื่อก่อนหนานกงมั่วไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้มาก เพียงรวบมัดง่ายๆ ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นบอกได้ว่า…ชีวิตที่หรูหรานั้นมักจะกัดกร่อนใจคน ไม่ว่าเรื่องใดล้วนมีคนคอยช่วยเหลือจึงทำให้คนเกิดความเกียจคร้าน
เมื่อแต่งตัวเรียบร้อย มีเพียงหุยเสวี่ยและเฟิงเหออยู่จัดเก็บห้อง หนานกงมั่วออกไปทานมื้อเช้า เมื่อหนานกงมั่วนั่งลงจึงนึกขึ้นมาได้ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เมื่อคืนเรือนไฉ่อู๋มีผู้ใดบ้าง”
แม่นมหลานตอบ “คุณชายใหญ่ ฮูหยินน้อย อีกทั้งยังมีคุณชายรอง คุณหนูรอง นายท่านและเจิ้งฮูหยินเจ้าค่ะ”
ดังนั้นทั้งครอบครัวล้วนอยู่ที่นั่น คนพวกนี้วางนางที่เป็นเจ้าของเรื่องเอาไว้ข้างๆ อย่างนั้นหรือ หนานกงมั่วไม่ใส่ใจ เพียงนึกถึงบุรุษคนเมื่อคืนเข้าก็เผลอกัดฟันแรงโดยไม่รู้ตัว
แม่นมหลานที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองสีหน้าของคุณหนูใหญ่ที่เปลี่ยนไปมา เดิมคิดว่าคุณหนูใหญ่โกรธ ทว่าไม่นานก็เห็นว่านางขมวดคิ้ว ไม่นานก็กัดฟัน ใบหน้าแดงเล็กน้อยแต่ก็ไม่เหมือนโกรธ “คุณหนูใหญ่ เป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ”
“ไม่มีอันใดหรอก” หนานกงมั่วรีบก้มหน้าทานข้าว คิดอยู่ชั่วครู่ค่อยเอ่ยว่า “เดี๋ยวอีกหน่อยให้คนไปเอากล่องผ้าไหมที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือ ส่งไปที่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องให้เว่ยซื่อจื่อที”
“เจ้าค่ะ” แม้จะไม่เข้าใจ ทว่าแม่นมหลานก็ตอบตกลง “เดี๋ยวให้จือซูพาคนไปส่งให้เจ้าค่ะ”
จือซูยิ้ม “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งคุณหนูเจ้าค่ะ”
“รายงานคุณหนู ฮูหยินน้อยมาเจ้าค่ะ” รู่ฮว่าเข้ามารายงาน
[1] ลักหยกขโมยบุปผา หมายถึง ความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างชายหญิง