หนานกงมั่วทำอะไรไม่ถูก “ข้าเองก็ไม่มีประสบการณ์ หากมีสิ่งใดไม่เหมาะสมคงต้องขอท่านป้าเซี่ยช่วยชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ”
เซี่ยฮูหยินเอ่ย “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กฉลาด บอกข้ามาสิว่าเจ้าวางแผนไว้อย่างไร”
หนานกงมั่วอธิบายแผนการของตนไปหนึ่งรอบ ดวงตาของเซี่ยฮูหยินมีประกายชื่นชมให้เห็น เพียงเอ่ยแนะนำในส่วนที่ขาดตกบกพร่องเล็กน้อย เซี่ยฮูหยินน้อยจึงยิ้มพลางเอ่ย “มั่วเอ๋อร์ เจ้ารอบคอบกว่าข้าตอนที่จัดงานเลี้ยงครั้งแรกเสียอีก” เซี่ยฮูหยินเอ่ยบ้าง “มั่วเอ๋อร์เติบโตมากับน้องหญิงสกุลเมิ่ง คงได้ยินและได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง จะแย่ได้ที่ไหนกัน เจ้าเองก็ดีมากแล้ว”
ในขณะที่ชื่นชมหนานกงมั่ว เซี่ยฮูหยินก็ไม่ได้ไม่ไว้หน้าลูกสะใภ้ต่อหน้าผู้อื่น รอยยิ้มหวานของเซี่ยฮูหยินน้อยงดงามมากยิ่งขึ้น ทว่าหลินซื่อและหนานกงซูไม่มีช่องให้สามารถเอ่ยแทรกได้เลย หนานกงซูเป็นบุคคลที่เซี่ยฮูหยินไม่ได้สนใจมาตั้งแต่ต้น ส่วนหลินซื่อกลับไม่พูดไม่จาเกินไป แม้ว่าเซี่ยฮูหยินจะคุยกับนาง นางก็ถามคำตอบคำ บางครั้งก็ไม่รู้จะเอ่ยสิ่งใดด้วยดี ไม่นานเซี่ยฮูหยินก็คร้านจะคุยกับนางแล้ว ทำเพียงพาหนานกงมั่วเดินดูและพูดคุยเกี่ยวกับงานเลี้ยง ปล่อยให้ทั้งสองกระอักกระอ่วนทำตัวไม่ถูกอยู่ด้านข้างไป
มองเห็นความคับแค้นใจของหลินซื่อที่ปิดเอาไว้ไม่มิด หนานกงมั่วได้แต่ส่ายศีรษะ เจิ้งซื่อช่วยหนานกงชวี่เลือกภรรยาผู้นี้มา คาดว่าคงใช้ความสามารถอยู่ไม่น้อย กล่าวถึงเป็นอย่างๆ ไป รูปลักษณ์หน้าตาของหลินซื่อนับว่าไม่เลว ทว่าการวางตัวกลับทำให้คนมองยากที่จะทน เมื่อฮูหยินน้อยดูแลรับผิดชอบตระกูลไม่ได้ นางที่เป็นฮูหยินเองจึงต้องเป็นผู้จัดการดูแลอยู่ตลอด
เมื่อเวลาใกล้เที่ยง แขกเหรื่อก็เริ่มเดินทางมาถึง หนานกงมั่วเปลี่ยนมาอยู่ในชุดผ้าแพร กระโปรงสีฟ้าอ่อนปักลายดอกไม้งดงาม เพราะยังไม่ออกเรือน หญิงสาวจึงเลือกที่จะม้วนผมเป็นมวยแบ่งแฉกดูเรียบง่าย บนผมมีเครื่องประดับติดผมสีทองลายดอกโบตั๋นประดับประดาด้วยอัญมณีเม็ดสวย ผ้าไหมสีทองประดับอัญมณีห้าสีตกแต่งอย่างสวยงามทั้งด้านหน้าและด้านหลัง คิ้วสวยถูกแต่งแต้มให้เด่นชัดขึ้น งดงามจนผู้คนต้องหลงใหล
เซี่ยฮูหยินและเซี่ยฮูหยินน้อยพาหนานกงมั่วออกมายังหน้าประตูเพื่อต้อนรับแขก อีกทั้งยังถือโอกาสแนะนำบรรดาสตรีในเมืองจินหลิงให้แก่หนานกงมั่วได้รู้จัก เหล่าหญิงสาวที่ถูกพ่อบ้านพาเดินมาส่งที่หน้าประตูเรือนจี้ชั่งต่างต้องตกตะลึงเมื่อพบกับเซี่ยฮูหยินและเซี่ยฮูหยินน้อย ด้านข้างของเซี่ยฮูหยินนั้นมีหญิงสาวในอาภรณ์สีฟ้ายืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างาม พลันเข้าใจในทันใดว่านางคือคุณหนูใหญ่หนานกงที่พึ่งกลับมา ได้ยินมานานแล้วว่าความสัมพันธ์ของตระกูลเซี่ยและจวนฉู่กั๋วกงนั้นไม่ธรรมดา ไม่คิดว่าจะถึงขั้นสามารถเชิญเซี่ยฮูหยินมาคอยชี้แนะให้คำแนะนำกับคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงได้เช่นนี้ ดูเหมือนว่าหนานกงไหวจะให้ความสำคัญกับบุตรีผู้นี้อย่างมาก และมีคนไม่น้อยที่ได้ยินมาว่าเมื่อครั้งอยู่เมืองตานหยาง ชายาของของเยี่ยนอ๋องได้พาคุณหนูใหญ่หนานกงผู้นี้เข้าร่วมงานเลี้ยงของหวงจั่งซุนด้วย และตอนนี้หนานกงมั่วยังมายืนต้อนรับอยู่หน้าประตูอย่างใจกว้าง ความรู้สึกที่มีต่อหนานกงมั่วยิ่งดีเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่า
“ไม่คิดว่างานเลี้ยงตระกูลหนานกงจะได้แรงจากตระกูลเซี่ยมาช่วยเหลือด้วย” หญิงวัยกลางคนเอ่ยด้วยรอยยิ้มเมื่อหันไปมองหนานกงมั่ว จากนั้นหันกลับมาเอ่ยกับเซี่ยฮูหยินที่ยืนอยู่ด้านข้าง เซี่ยฮูหยินเอ่ย “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น จะเรียกว่าใช้แรงได้เยี่ยงไรกัน มั่วเอ๋อร์ ท่านนี้คือฮูหยินน้อยและคุณหนูจวนเอ้อกั๋ว รีบมาคารวะเร็วเข้า”
หนานกงมั่วก้าวขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หยวนฮูหยินน้อย คุณหนูหยวน เป็นเกียรติที่ได้พบเจ้าค่ะ”
ฮูหยินน้อยจวนเอ้อกั๋วกงมองสำรวจหนานกงมั่วเล็กน้อยย เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูหนานกงเกรงใจแล้ว วันนี้พวกเราต้องรบกวนด้วย”
“ฮูหยินน้อยให้เกียรติมาร่วมงาน จวนฉู่กั๋วกงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ขอเชิญทั้งสองท่านด้านในเลยเจ้าค่ะ” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
คุณหนูหยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างหยวนฮูหยินน้อยนั้นมองหนานกงมั่วด้วยความแปลกใจทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่ายิ้มให้หนานกงซูที่ยืนอยู่ด้านหลัง หนานกงมั่วเองก็ไม่ได้ใส่ใจ แม้จะเป็นคุณหนูจวนเอ้อกั๋วกง ทว่าเป็นเพียงเชื้อสายรอง ไม่จำเป็นต้องทักทายอันใดกับนาง ยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนว่านางจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อหนานกงซูอยู่ไม่น้อย หนานกงมั่วหันกลับมา เอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “พี่สะใภ้ พาหยวนฮูหยินน้อยเข้าไปเถิดเจ้าค่ะ น้องรอง เจ้าพาคุณหนูหยวนไปพักผ่อนด้วย”
หยวนฮูหยินน้อยมองหนานกงมั่วด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย ยิ้มออกมาพลางเอ่ย “น่าเสียดายที่ไม่รู้จักคุณหนูหนานกงให้เร็วกว่านี้ วันนี้รู้สึกว่าเราเจอกันช้าไปมากทีเดียว”
หนานกงมั่วยิ้มบางๆ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
รอจนกระทั่งแขกที่ได้รับเทียบเชิญมากันครบแล้ว หนานกงมั่วก็เหนื่อยไม่น้อย เพราะเป็นเจ้าของงาน หนานกงมั่วจึงจำเป็นต้องมาต้อนรับแขกด้วยตนเอง หญิงสาวที่มาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน มีบ้างบางส่วนที่ออกเรือนแล้ว และยังมีเชื้อสายรองที่ถูกพามาด้วยเช่นคุณหนูหยวน แน่นอนว่าต้องส่งให้หนานกงซูเป็นผู้ดูแลเชื้อสายรอง หญิงสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็ยกให้หลินซื่อช่วยรับรอง หนานกงมั่วรู้สึกไม่วางใจจึงวานเซี่ยฮูหยินน้อยคอยช่วยเหลือ และเหล่าคุณหนูที่ยังไม่ออกเรือนนั้นนางเป็นผู้ดูแลรับรองด้วยตนเอง
บรรดาสตรีต่างพากันแปลกใจต่อหนานกงมั่วที่พึ่งกลับมาถึงจวนฉู่กั๋วกงได้ไม่นาน ทว่ากลับสามารถสะบัดแม่เลี้ยงหลุดแล้วจัดงานเลี้ยงด้วยตนเอง กระทั่งสามารถเชิญฮูหยินและฮูหยินน้อยแห่งตระกูลเซี่ยมาช่วยเป็นธุระจัดงานให้อีก การเลือกคนเพื่อส่งเทียบเชิญยังถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี อีกทั้งหนานกงมั่วได้รับการหมั้นหมายเอาไว้แล้วจึงไม่มีผลประโยชน์หรือข้อขัดแย้งในเรื่องการแต่งงาน ดังนั้นจึงคบหากันได้อย่างสบายใจ ทุกคนพอรู้จักหนานกงมั่วอยู่บ้าง แม้จะไปอยู่ยังชนบท แต่ว่าคุณหนูหนานกงกลับไม่มีปมด้อยอะไรให้เห็น และดูจากท่าทีของหนานกงมั่วก็รู้ได้ว่าฉู่กั๋วกงนั้นเอาอกเอาใจบุตรีผู้นี้มากเพียงใด เรื่องในบ้านของตระกูลหนานกง หลายปีมานี้สำหรับเมืองจินหลิงแล้วไม่นับว่าเป็นเรื่องตลก แต่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าฟัง เพียงหนานกงมั่วกลับมาก็สามารถทำให้เจิ้งซื่อที่ยึดอำนาจหลังบ้านตระกูลหนานกงเอาไว้ร่วมหลายปีต้องเสียเปรียบได้ แน่นอนว่านางย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่
ในสวนดอกไม้ เหล่าหญิงสาวกำลังชมดอกไม้ แต่งกลอน และวาดภาพ เล่นด้วยอย่างกันสนุกสนาน หลายปีมานี้ บรรดาคุณหนูตระกูลใหญ่นั้นได้พบปะเจอกันอยู่บ้าง ทว่าที่เรือนจี้ชั่งของจวนหนานกงอันมีชื่อเสียงแห่งนี้ พวกนางกลับไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามา วันนี้มีโอกาสได้มาแล้วนับว่าคุ้มค่าทีเดียว
“คุณหนูหนานกง” หนานกงมั่วและเซี่ยเพ่ยหวนนั่งอยู่ในศาลาเล็ก มองเหล่าหญิงสาวที่เล่นอยู่ในสวนด้วยความสนุกสนาน เด็กสาวรูปร่างบอบบางในอาภรณ์สีม่วงมองมายังหนานกงมั่วอย่างเขินอายและลังเลเล็กน้อย หนานกงมั่วยิ้ม “คุณหนูซุน มีสิ่งใดที่ข้าดูแลไม่ทั่วถึงหรือไม่”
หญิงสาวดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เอ่ยถาม “คุณหนูหนานกงจำข้าได้ด้วยหรือ”
หนานกงมั่วยิ้ม “แน่นอน คุณหนูซุนเชิญนั่งเถิด มีเรื่องใดหรือ” เด็กสาวผู้นี้คือหลานสาวของหัวหน้าสำนักหอดูดาวหลวง มีนามว่าซุนเหยียน หนานกงมั่วได้รับข้อมูลของตระกูลซุนก่อนหน้านี้นานแล้ว เมื่อยามที่ต้อนรับอยู่หน้าประตู เซี่ยฮูหยินยังช่วยแนะนำให้อีกครั้ง แน่นอนว่านางจำชื่อและรูปลักษณ์ของทุกคนได้ นับว่าจำได้ทั้งหมด
คุณหนูซุนลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ยออกมา “ได้ยินมาว่า…ห้องหนังสือเรือนจี้ชั่งมีหนังสือเก่าแก่มากมาย ไม่ทราบว่า…” เอ่ยออกมาได้ครึ่งเดียวก็หยุดไป หนังสือเก่าแก่เหล่านั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามูลค่ามหาศาล วันนี้พึ่งเจอกันครั้งแรกก็มาเสียมารยาทขอดู ทว่าซุนเหยียนนั้นร่ำเรียนมากับท่านปู่ตั้งแต่เด็ก งานอดิเรกอื่นก็ไม่มี มีเพียงการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ได้ยินมาว่าหนังสือเก่าแก่ของตระกูลเมิ่งนั้นกลายมาเป็นของตระกูลหนานกงทั้งหมดแล้ว วันนี้มีโอกาสได้มาจึงอดไม่ได้
หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “ข้าจะว่าอันใดกัน เดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้พาคุณหนูซุนไปดู หากคุณหนูซุนชื่นชอบก็หยิบกลับไปสักเล่มสองเล่ม คัดเสร็จแล้วค่อยส่งกลับมาคืนก็ได้” นางมอบให้อีกฝ่ายไม่ได้ หนังสือเหล่านั้นมีคุณค่า ความสัมพันธ์ของนางและคุณหนูซุนเองก็ยังเหินห่าง ความสัมพันธ์ยังไม่สนิทชิดเชื้อกลับมอบของล้ำค่าให้ เช่นนั้นคงไม่เป็นการดี