หนานกงมั่วพิงเก้าอี้ เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่เป็นไร เพียงหนึ่งพันตำลึงเท่านั้น ตระกูลหลินเป็นเช่นไรหรือ”
แม่นมหลานคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ “ได้ยินว่าไม่ค่อยดีเจ้าค่ะ ตระกูลหลินเป็นตระกูลที่สืบทอดกันมายาวนานก็จริง แต่ทั้งบ้านมีเพียงนายท่านหลินเท่านั้นที่เป็นเสาหลักของครอบครัวได้ ได้ยินมาว่าหลินฮูหยินเองก็ไม่ได้เป็นการเป็นงาน ตระกูลหลินมายืมเงินที่จวนอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่เจิ้งซื่อเป็นคนเช่นไรคุณหนูใหญ่ก็พอจะรู้ โดนลากกลับไปหลายครั้ง บางครั้งฮูหยินน้อยก็แอบเอาเงินตนเองไปให้ครอบครัวบ้าง”
หนานกงมั่วเคาะนิ้วเบาๆ มุมปากยกยิ้ม “ข้าคิดว่า…เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ” หลินซื่อมาแต่เช้าเพื่อมายืมเงินหนึ่งพันตำลึงเท่านั้นหรือ
“หวังแต่ว่าฮูหยินน้อยจะรู้จักพอเจ้าค่ะ” เงินคุณหนูใหญ่มีมากนั่นไม่ผิด แต่นั่นล้วนเป็นเงินที่ฮูหยินเก็บไว้ให้คุณหนูใหญ่ ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดมาคิดแทน หากบอกว่าฮูหยินไม่ได้ให้คุณชายใหญ่คุณชายรองก็คงแล้วไป แต่ก่อนจากไปฮูหยินได้แบ่งให้คุณชายทั้งสองไปก่อนแล้ว ที่เหลืออยู่ล้วนเป็นของคุณหนูใหญ่ คุณชายใหญ่เอากิจการส่วนที่เป็นของตนคืนไม่ได้เพราะสู้เจิ้งซื่อไม่ได้ แล้วมารบกวนที่คุณหนูใหญ่ นี่เป็นหลักการของสำนักไหนกัน
หลังจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมอบของกำนัลแล้ว ไม่นานสำนักหอดูดาวหลวงก็ได้ฤกษ์ออกมา พิธีแต่งงานถูกกำหนดไว้ในวันที่สามเดือนเก้าของปีนี้ นับว่าเป็นวันที่ดีที่สุดของครึ่งปีหลัง หากเป็นเช่นนี้ หากนับเวลาดูแล้ว พิธีจะถูกจัดขึ้นในอีกสี่เดือนข้างหน้า จวนฉู่กั๋วกงพลันวุ่นวายขึ้นมา การจัดเตรียมสินเจ้าสาวไม่ใช่เรื่องง่าย ผ้าไหมชั้นดีจากร้านรายใหญ่ในเมืองถูกส่งมาที่จวนไม่หยุด เจ้าของร้านเครื่องประดับต่างก็อยากเข้ามาที่จวนฉู่กั๋วกง ขอเพียงสินเจ้าสาวของคุณหนูใหญ่หนานกงมีสิ่งของของพวกเขาติดไปด้วยเล็กๆ น้อยๆ พวกเขาก็มีกินมีใช้ไปตลอดปีแล้ว อีกทั้งเครื่องเรือนก็จำเป็นต้องตกแต่งใหม่ ไม้สำหรับเครื่องเรือนนั้นเมิ่งซื่อได้จัดเตรียมไม้หนานมู่ ไม้จันทน์แดง ไม้หวงฮวาหลี เอาไว้ตั้งแต่ยามที่นางยังมีชีวิตอยู่ก่อนแล้ว ตระกูลหนานกงเพียงต้องหาช่างมืออาชีพมาจัดการเพียงเท่านั้น
คนของเรือนจี้ชั่งยิ่งวุ่นเข้าไปใหญ่ เพราะหนานกงมั่วไม่ชอบเจิ้งซื่อ หนานกงไหวจึงต้องเชิญจ้าวซื่อ ฮูหยินของหนานกงเฉินลูกพี่ลูกน้องของตนมาช่วยจัดเตรียมสินเจ้าสาว จ้าวซื่อยังพาลูกสะใภ้และลูกสาวหนานกงเจียวมาด้วย เมื่อเดินเข้าไปในเรือนจี้ชั่งก็พบว่าห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อจัดเก็บสินเจ้าสาวตอนนี้มีของวางเรียงรายเต็มไปหมด ผ้าไหมสีสวยสดใสถูกวางไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งกล่องเครื่องประดับไข่มุก อัญมณีหลากหลายชนิด ระยิบระยับจนละลานตา จ้าวซื่อคือภรรยาที่หนานกงเฉินแต่งตั้งแต่อยู่ที่ตานหยาง แม้จะเป็นสามัญชนทว่ามีฝีมืออยู่บ้าง ตอนนี้กลายเป็นฮูหยินขุนนางขั้นห้าแล้วจึงสบายขึ้นมาบ้าง ทว่าเคยเห็นอะไรเช่นนี้ที่ไหนกัน ดวงตาของหนานกงเจียวเบิกโพลง
“สวยจังเลย พี่สาว นี่คือผ้าขนนกจากร้านจิ่นซิ่วหรือเจ้าคะ สวยจังเลย ได้ยินว่าผืนละกว่าร้อยตำลึงเชียว ยังมี…นี่คือเครื่องประดับออกใหม่เดือนนี้นี่ สวยมาก ท่านลุงดีกับพี่สาวมากจริงๆ” หนานกงเจียวเอ่ยด้วยความอิจฉา “แม้แต่พี่ซูเอ๋อร์ยังมีชุดที่ทำจากผ้าขนนกเพียงสองตัวเท่านั้น” กับพี่สาวแล้ว ที่นี่มีผ้ากว่าเจ็ดแปดผืน มีสีแดง สีม่วงสะดุดตาเช่นนี้ และยังมีสีโทนอ่อน เช่นสีขาว สีขาวนวล สีเขียวอ่อน สีม่วงอ่อน เพียงคิดว่าหากนำผ้าพวกนี้ไปตัดเป็นชุด หนานกงเจียวก็อดปลาบปลื้มไม่ได้ นางจะต้องกลายเป็นที่น่าอิจฉาของสตรีทั่วเมืองจินหลิงเป็นแน่
“พี่สาว…” เมื่อหันมองหนานกงเจียวที่กำลังมองมาที่นางอย่างกระตือรือร้น หนานกงมั่วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ มีเพียงจ้าวซื่อที่คว้าหนานกงเจียวเอาไว้พลางเอ่ยตำหนิ “เจ้าเด็กคนนี้ เรามาช่วยพี่สาวของเจ้าจัดเตรียมสินเจ้าสาว เจ้าวิ่งวุ่นไปมาทำไมกัน”
หนานกงเจียวยู่ปากไม่เอ่ยสิ่งใด ยามนางออกเรือน คิดว่าสินเจ้าสาวของนางคงไม่ได้หนึ่งส่วนของพี่สาวด้วยซ้ำ ใครใช้ให้ครอบครัวของนางสู้ครอบครัวท่านลุงไม่ได้กันเล่า
หนานกงมั่ววางรายการในมือลง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าน้องสาวชอบเดี๋ยวตอนกลับไปข้าจะส่งไปให้ที่บ้านสักผืนก็ได้”
จ้าวซื่อรีบเอ่ยตอบ “จะได้อย่างไรกันเล่า”
หนานกงมั่วยิ้ม “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ท่านอาสะใภ้อย่าได้มองเป็นคนอื่นคนไกล ตอนข้ากลับมาท่านอารองเองก็ได้มอบของขวัญให้แก่ข้าเช่นเดียวกัน”
หนานกงเจียวตะโกนร้องเสียงดัง เกาะแขนหนานกงมั่วแน่นพลางออดอ้อน “พี่สาวดีที่สุดเลย เจียวเอ๋อร์รู้ พี่สาวรักเจียวเอ๋อร์ที่สุดแล้ว”
หนานกงมั่วดึงแขนของตนกลับอย่างไม่ใส่ใจ ไม่คิดจริงจังกับวาจาของนาง นิสัยของหนานกงเจียวนั้นนางรู้จักเป็นอย่างดี ใครดีกับนาง ใครมีประโยชน์กับนาง นางก็เกาะติดคนผู้นั้น คนแบบนี้หากรู้จักธรรมดาก็ไม่มีปัญหา ทว่าหากสนิทชิดเชื้อเกินไปไม่รู้วันไหนนางจะเอาเจ้าไปขาย เมื่อได้รับของจากหนานกงมั่วแล้ว แน่นอนว่าจ้าวซื่อคงไม่กล้าอยู่นิ่งเฉยได้ จัดการงานต่างๆ ทั้งในและนอก ขณะที่หนานกงฮูหยินน้อยทำได้เพียงคอยติดตามแม่สามีช่วยหยิบจับอันใดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แม่นมหลานอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ แม้แต่ฮูหยินน้อยของจวนขุนนางขั้นห้ายังรู้จักงานบ้านงานเรือนมากกว่าฮูหยินน้อยของพวกนางซะอีก
“มั่วเอ๋อร์”
ในห้องนั้นวุ่นวาย หนานกงฮุยยืนอยู่หน้าประตูท่าทางเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะไปยืนตรงไหน หนานกงมั่วยิ้มบางๆ สั่งให้แม่นมหลานพาจือซูและสาวใช้คนอื่นๆ ออกไปก่อน “พี่รอง มีธุระอันใดหรือ”
หนานกงฮุยส่ายหน้า “เรือนจี้ชั่งกำลังจัดเตรียมสินเจ้าสาว ข้าเพียงมาดูเท่านั้น ช่างทำเครื่องเรือนข้าหาให้เจ้าได้แล้ว เป็นช่างที่มีชื่อเสียงที่สุดในจินหลิง เจ้าต้องชอบมากเป็นแน่”
“ลำบากพี่รองแล้ว” หนานกงมั่วเอ่ยตอบ
หนานกงฮุยส่ายหน้าอย่างเขินอาย “ข้าเองก็ไม่ได้ทำสิ่งใด ทำได้เพียงดูเจ้าวุ่นวาย แล้วพี่สะใภ้ไปไหนแล้วล่ะ”
หนานกงมั่วเอ่ย “พี่สะใภ้…คล้ายที่บ้านจะมีธุระ นางกลับไปแล้ว มีอาสะใภ้และน้องสะใภ้มาช่วยข้าอยู่ คงจะทันเวลา พี่รองโปรดวางใจแล้ว”
หนานกงฮุยพยักหน้า ถอนหายใจเบาๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบเจิ้งฮูหยิน เชิญอาสะใภ้มาช่วยเช่นนี้ก็ดี เพียงแต่เจ้าอาจจะลำบาก จริงสิ…” หนานกงฮุยยัดกล่องที่ถือเอาไว้ใส่ในอ้อมแขนของหนานกงมั่ว “นี่ให้เจ้า” หนานกงมั่วเปิดออกดู ด้านในเป็นโฉนดที่ดินกิจการร้านค้าสองร้าน ตั๋วเงินอีกหนึ่งหมื่นตำลึง อีกทั้งยังมีเครื่องประดับอีกบางส่วน หนานกงมั่วตกตะลึง รีบยัดกล่องคืนใส่มือของหนานกงฮุย เอ่ยว่า “พี่รองท่านทำอันใด ข้าไม่ได้ขาดของพวกนี้ แต่ท่านเอง…”
หนานกงฮุยกล่าวแย้ง “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ขาดสิ่งเหล่านี้ เพียงแต่นี่เป็นสินเจ้าสาวที่พี่ชายเพิ่มมาให้เจ้า จะเหมือนกันได้เยี่ยงไร”
“ท่าน…เอามาจากไหนมากมายเช่นนี้” หนานกงมั่วถามอย่างแปลกใจ หนานกงฮุยดูไม่เหมือนคนที่จะทำกิจการด้วยตนเอง กิจการที่ท่านแม่เก็บเอาไว้ให้ล้วนอยู่ในมือของเจิ้งซื่อ เขาไปเอาของมากมายมาจากที่ใดกัน
หนานกงฮุยเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าไปสอบถามขอคืนจากเจิ้งฮูหยินมาบ้างเล็กน้อย น้องสาวออกเรือนทั้งที ข้าเป็นพี่จะไม่ให้อะไรเลยคงมิได้ มั่วเอ๋อร์ หลายปีมานี้ลำบากเจ้าแล้ว”
หนานกงมั่วก้มหน้า เงียบไปชั่วครู่ เปิดกล่องออก จากนั้นหยิบโฉนดร้านและตั๋วเงินห้าพันตำลึงยัดใส่มือหนานกงฮุย เอ่ยว่า “ข้าจะรับของพวกนี้เอาไว้ แต่ส่วนที่เหลือนี้ท่านเก็บมันเอาไว้เถิด กิจการสองแห่งนี้พี่รองก็อย่าไปบอกผู้ใด เดี๋ยวข้าหาคนมาจัดการดูแลให้ ถึงตอนนั้นเมื่อได้กำไรแล้วข้าจะมอบมันให้กับท่าน”