“นี่มันเรื่องอันใดกัน” เสียงของหนานกงชวี่ดังเข้ามา หลินซื่อตระหนกแทบลุกขึ้นยืน ใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะควบคุมสติตนให้สงบลงได้ เงยหน้ามองไปยังประตู หนานกงชวี่กำลังเดินเข้ามา ใบหน้าเยือกเย็น คิ้วคมขมวดมุ่น กวาดตามองหลินซื่อและหลินเย่ว์หลานที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างๆ หัวคิ้วยิ่งขมวดแน่นขึ้นอีก
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” หนานกงชวี่เอ่ยถามเสียงเรียบ ก่อนหน้านี้เรือนจี้ชั่งยุ่งวุ่นวาย หลินซื่อกลับดึงดันจะกลับตระกูลหลิน วันนี้ไม่ยุ่งแล้วนางกลับพาใครติดมาด้วย หนานกงชวี่ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ กับภรรยาผู้นี้ และยังรู้ว่านางไร้ความสามารถ ดังนั้นสิ่งเดียวที่ร้องขอคือขอเพียงนางอย่าได้สร้างปัญหาให้กับเขาก็พอแล้ว หากเท่านี้นางยังทำมิได้อีก…
หลินซื่อกำผ้าในมือแน่น เห็นได้ชัดว่ากำลังหวาดกลัว “ท่านพี่มาแล้วหรือเจ้าคะ ข้า…ข้ากับเย่ว์หลานมาคุยเล่นกับน้องสาว”
สายตาของหนานกงชวี่เย็นยะเยือก “เอ่ยความจริงมา ไยต้องเอ่ยวาจาติดขัดถึงเพียงนี้หรือ” หลินเย่ว์หลานผู้นั้นดวงตาแดงก่ำใบหน้าขาวซีด ขาดเพียงตัวสั่นระริกเท่านั้น
หลินซื่อใจเต้นแรง ยิ้มแห้งๆ “ไม่…ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ…” ภายใต้สายตาไร้ความรู้สึกของหนานกงชวี่ที่กำลังจับจ้องมา ในที่สุดก็ต้องเผยความจริงออกมาอยู่ดี เมื่อเล่าเรื่องที่มารดาของตนวางแผนเอาไว้ออกไปด้วยน้ำเสียงเบา ยิ่งเล่าเสียงก็ยิ่งแผ่วลงอีก หนานกงชวี่ฟังจบ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทว่าหันกลับมามองหนานกงมั่ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “มั่วเอ๋อร์ เรื่องวันนี้พี่สะใภ้ของเจ้าทำมิถูก เดี๋ยวข้าจะรีบส่งหลินเย่ว์หลานกลับไปทันที”
“ท่านพี่”
“พี่เขย”
สองพี่น้องตระกูลหลินเอ่ยเรียกเสียงดัง หนานกงชวี่ไม่สนใจ เพียงเอ่ย “เจ้าจัดเตรียมสินเจ้าสาวให้สบายใจเถิด ต้องการพาใครไปด้วยก็เลือกเอาเอง เลือกได้แล้วส่งรายชื่อไปให้พี่รองของเจ้า เดี๋ยวพี่ใหญ่จะพูดกับท่านพ่อให้เอง”
หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยตอบเสียงเรียบ “ลำบากพี่ใหญ่แล้ว”
มองน้องสาวที่เงียบขรึม หนานกงชวี่ถอนหายใจเบาๆ ดวงตานิ่งสงบพร้อมกับกล่าวขึ้น “เจ้าพักผ่อนเถิด พี่ใหญ่ต้องกลับก่อนแล้ว”
หลังจากกวาดตามองหลินซื่อสองพี่น้อง หลินซื่อเองไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบลุกขึ้นและเดินตามออกไปด้วยทันที
ออกจากเรือนจี้ชั่งมายังเรือนลี่ฉิน หลินซื่อเดินเคียงข้างหนานกงชวี่มา เมื่อเห็นว่าหนานกงชวี่มิได้ตำหนิตนเองจึงลอบถอนหายใจ อดไม่ได้เอ่ยถามเสียงเบา “ท่านพี่ ข้า…ข้าทำเพื่อน้องสาว เย่ว์หลานคุ้นเคยกับจินหลิงมากกว่าน้องสาว เรียนรู้ดูแลครอบครัวกับท่านแม่มาตั้งแต่ยังเด็ก มีนางตามไปยังจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องด้วยท่านจะได้วางใจไม่ถูกหรือ น้องสาว…น้องสาวทำราวกับว่าข้าอยากทำร้ายนาง ทำให้ข้า…รู้สึกว่า…”
เพียะ! ฝ่ามือฟาดลงหนักๆ ไปยังใบหน้าของหลินซื่อ ทำให้ต้องกลืนคำพูดที่ยังเอ่ยไม่ทันจบนั้นกลับคืนไป หลินซื่อรีบเงยหน้าขึ้นมา มองใบหน้ามืดมนแหละโหดร้ายของหนานกงชวี่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หลินเย่ว์หลานที่เดินตามหลังมาก็ตกใจไม่น้อย เกือบจะล้มลงไปบนพื้นแล้ว
“ท่านพี่” หลินซื่อยกมือขึ้นกุมใบหน้า มองหนานกงชวี่อย่างหวาดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่หนานกงชวี่ลงมือกับนางตั้งแต่แต่งงานกันมากว่าสองปี
ร่างสูงใหญ่ของหนานกงชวี่เหลือบมองลงมา ดวงตาเย็นชาจ้องมองนางนิ่ง “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วให้อยู่เงียบๆ ข้าไม่สนว่าเจิ้งซื่อกล่าวอะไรกับเจ้า หากเจ้าไม่อยากช่วยมั่วเอ๋อร์ ก็อยู่เฉยๆ ไป หากให้ข้ารู้อีกว่าเจ้าไปหาเรื่องให้นางต้องลำบากใจอีก เจ้าก็รีบเก็บของและไสหัวกลับบ้านเจ้าไปซะ” หลินซื่อตกใจ ไม่คิดว่าหนานกงชวี่จะกล้าเอ่ยคำพูดไร้เยื่อใยเช่นนี้ออกมา ปิดปากร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างห้ามไม่อยู่ “ท่านพี่…ข้าทำผิดอันใด ข้าทำเพื่อครอบครัวของเรา…ฮือ…”
“หุบปาก” หนานกงชวี่เอ่ยขึ้นอย่างหมดความอดทน “จำคำของข้าไว้ หากให้ข้ารู้อีกว่าเจ้าไปหาเรื่องมั่วเอ๋อร์ ก็ไสหัวไปซะ”
“ด้วยเหตุผลอันใดเล่า” ในที่สุดหลินซื่อก็อดไม่ได้ตะโกนออกมาเสียงดัง เหตุใดทุกคนถึงดีกับหนานกงมั่ว สิ่งดีๆ ต่างก็มอบให้กับนาง ทุกคนต้องหลีกให้นาง ตอนนี้สามียังทำร้ายตัวเองเพราะหนานกงมั่ว อีกทั้งยังคิดจะตัดขาดกับตัวเองอีก
หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ “เพราะนางคือน้องสาวของข้า เข้าใจหรือไม่”
กวาดตามองบ่าวรับใช้ที่มาแอบมุงดูเมื่อได้ยินเสียงดัง เอ่ยเสียงเย็น “เรื่องในวันนี้ใครกล้าเอ่ยออกไป ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะต้องถูกลงโทษ วิธีของข้า พวกเจ้าต่างก็รู้ดี” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอดหวาดหวั่นไม่ได้ แน่นอนว่าพวกเขารู้จักคุณชายใหญ่เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีคนเคยได้รับการสั่งสอนมาแล้วจึงรีบเอ่ย “ขอรับ/เจ้าค่ะ คุณชายใหญ่”
หนานกงชวี่ส่งเสียงหยันเบาๆ แล้งก้มลงมองหลินซื่อที่ยังนั่งอยู่บนพื้น แววตาหงุดหงิด “ไม่มีอะไรแล้วก็กลับห้องไปเก็บของ ส่งน้องสาวของเจ้ากลับไป สองวันนี้ ห้ามออกไปไหน”
มองแผ่นหลังของหนานกงชวี่ที่เดินออกไปโดยไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์ หลินซื่อยกมือสัมผัสใบหน้าของตนเบาๆ ร้องไห้ออกมาเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว
“พี่ใหญ่…” หลินเย่ว์หลานขยับเข้ามาใกล้ อยากประคองนางขึ้นมา หลินซื่อผลักหลินเย่ว์หลานออก เอ่ยขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด เพราะเจ้า เพราะเจ้า ท่านพี่ถึงได้ทำเช่นนี้กับข้า…”
“ข้า…” หลินเย่ว์หลานก้มหน้ารู้สึกผิด เงียบไปชั่วครู่จึงเอ่ย “พี่ใหญ่ ท่านพักผ่อนเถิด ข้าจะกลับแล้ว”
“ไสหัวไป” หลินซื่อยกมือกุมใบหน้าพลางด่า หลินเย่ว์หลานดวงตาแดงก่ำ หมุนตัววิ่งออกไป หลินซื่อมองเรือนที่ว่างเปล่าและแววตาของบ่าวรับใช้ที่มองมาอย่างสงสัย ร้องไห้เสียงดังออกมา เพราะเหตุใด…เหตุใดต้องทำกับนางเช่นนี้ หลายปีมานี้นางอยู่ในจวนฉู่กั๋วกงอย่างระมัดระวัง คอยประจบเอาใจเจิ้งซื่อและหนานกงซู หรือว่ายังไม่พอหรือ ท่านพี่ยังคิดว่านางยังดีไม่พอ จนคิดจะตัดขาดกับนางเพราะหนานกงมั่ว ทำไมกัน
ทางด้านเรือนไฉ่อู๋
“เจ้าบอกว่าหลินซื่อพาน้องสาวของนางไปที่เรือนจี้ชั่งอย่างนั้นหรือ” เจิ้งซื่อนั่งดื่มชาชั้นดีอย่างใจเย็น มองสาวใช้ด้านล่าง เอ่ยถามเชื่องช้า “ข้ารู้แล้ว เจ้าไปรับรางวัลเถิด”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ” สาวใช้รีบเอ่ยขอบคุณ ก้มหน้าและก้าวถอยออกไป
“เจ้าว่าหลินซื่อกำลังคิดอันใดอยู่” เจิ้งซื่อถามด้วยรอยยิ้มขัน “น้องสาวแท้ๆ ของนาง หนานกงมั่วน่ะหรือ แม้แต่สตรีตระกูลหนานกงนางยังไม่ยอมให้เข้าใกล้ หลินซื่อคิดว่าหนานกงมั่วจะดีกับน้องสาวตนเองได้เพียงใดกัน” แม่นมที่ยืนอยู่ข้างหลินซื่อคิดไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ “ฮูหยินน้อยและคุณหนูหนานกงดูมิได้สนิทชิดเชื้อเท่าใด เกรงว่าคงไม่คิดเช่นนี้เป็นแน่”
เจิ้งซื่อเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้าลองบอกมา หลินซื่อกำลังคิดอันใดอยู่” เจิ้งซื่อไม่เคยมองหลินซื่ออยู่ในสายตา หลินซื่อคือคนที่ตนเลือกมา ตลอดสองปีมานี้กดขี่นางในทุกเรื่องจนมองข้ามนางไปตั้งนานแล้ว ตนต้องการลูกสะใภ้ที่ว่าง่ายเช่นนี้ ขอเพียงแค่หลินซื่อมิได้ทำผิดร้ายแรง เกรงว่าหนานกงชวี่คิดจะเปลี่ยนภรรยาคงมิใช่เรื่องง่าย
แม่นมมองไปรอบๆ เอ่ยเสียงเบา “บ่าวคิดว่า เป้าหมายของฮูหยินน้อยคงเป็นจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเจ้าค่ะ”
รอยยิ้มของเจิ้งซื่อชะงัก เอ่ยเสียงเข้ม “ช่างโง่เง่า”
“ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” แม่นมผู้นั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ด้วยนิสัยของคุณหนูใหญ่ ทนโกรธคนแบบนี้ได้ที่ไหนกันเจ้าคะ เกรงว่าไม่ไล่ออกมาทันทีก็ดีแค่ไหนแล้ว”