หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 87 ความงดงามหนึ่งเดียวของดอกโบตั๋น (3)

ตอนที่ 87 ความงดงามหนึ่งเดียวของดอกโบตั๋น (3)

เว่ยจวินมั่วออกมาจากรถม้า มองเห็นหนานกงมั่วที่กำลังก้าวเดินออกมา ความอบอุ่นปรากฏขึ้นในดวงตา กระโดดลงมาจากรถม้าเบาๆ รอยจุดสีแดงบนใบหน้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็น ใครก็ดูไม่ออกว่าใบหน้าหล่อเหลานี้เมื่อสองวันก่อนมีจุดสีแดงทั่วใบหน้าจนไม่สามารถออกมาพบปะผู้คนได้

“อู๋สยา” เว่ยจวินมั่วก้าวเข้ามาหา ยื่นมือไปกุมมือของหนานกงมั่วเอาไว้ หนานกงมั่วพยายามดึงมือกลับทว่าดึงออกมาไม่ได้ จึงยอมให้เขาเกาะกุมเอาไว้ คิ้วสวยเลิกขึ้น “อะไรหรือ”

“ข้าต้องขอบคุณอู๋สยา” เว่ยจวินมั่วเอ่ยขึ้น

“ขอบคุณข้าหรือ” ไยนางจึงไม่รู้ว่ามีสิ่งใดที่ควรให้เว่ยจวินมั่วมาขอบคุณกัน

เว่ยจวินมั่วยิ้มบางๆ “หากไม่ได้ยาของอู๋สยา วันนี้ข้าก็คงยังออกจากบ้านไม่ได้ ไม่ควรขอบคุณที่อู๋สยาออมมือกับข้าหรือ”

หนานกงมั่วส่งเสียงหึเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ “ท่านรู้ก็ดีแล้ว” ความจริงนางยังแค้นใจอยู่บ้าง วันนั้นพอนางโกรธจึงโปรยยาไปที่ตัวของเว่ยจวินมั่ว สุดท้ายคนบางคนกลับทำเหมือนไม่ใส่ใจ กลับเป็นนางที่เป็นคนวางยาต้องมาละอายใจแทน เว่ยจวินมั่วกล่าวชักชวนขึ้น “ขึ้นรถเถิด ตอนเด็กอู๋สยาเคยไปเขาจื่ออวิ๋นหรือไม่ เจ้าน่าจะชอบทิวทัศน์ของที่นั่น”

หนานกงมั่วส่ายศีรษะ หนานกงชิงอยู่ในเรือนจี้ชั่งกับเมิ่งซื่อ คล้ายกับไม่เคยได้ออกไปไหนมาก่อน ไม่เคยไปเขาจื่ออวิ๋นมาแน่นอน

จับมือเว่ยจวินมั่วแล้วก้าวขึ้นรถไป เว่ยจวินมั่วเองก็ขึ้นรถม้าตามเข้ามา รถม้าออกเดินทางในทันที มุ่งหน้าออกไปนอกเมือง เหลือเพียงสาวใช้ที่ยืนมองหน้ากัน ทำได้เพียงไปขึ้นรถคันด้านหลังที่หนานกงมั่วเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว

เขาจื่ออวิ๋นห่างออกไปจากจินหลิงราวๆ สิบลี้ ทว่าเป็นภูเขาที่ใกล้และสูงที่สุดของจินหลิง เป็นหนึ่งในเทือกเขาของเขาเหิงอวิ๋น จากเชิงเขาถึงตีนเขานั้นมีต้นดอกโบตั๋นมากมายหลายชนิด บนยอดเขามีวัดต้ากวงหมิงที่มีชื่อเสียงพอๆ กับวัดต้าเป้าเอินที่อยู่ใกล้จินหลิง ดอกโบตั๋นจะบานเมื่อถึงเวลาเดือนสี่ของทุกปี เขาจื่ออวิ๋นนั้นมีผู้มาเที่ยวชมอยู่ตลอด นับเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนในจินหลิงนิยมชมชอบ

รถม้ามาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าชมสวนดอกโบตั๋นตรงเชิงเขา เมื่อเว่ยจวินมั่วลงจากรถม้าก็ดึงดูดสายตาผู้คนมากมาย หากจะบอกว่าผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงนั้นหล่อเหลา เรียกได้ว่าเป็นชายรูปงามอันดับหนึ่งในเมืองจินหลิงก็คงไม่เป็นการกล่าวเกินจริง แต่แม้จะมีฐานะสูงส่ง เป็นคุณชายรูปงามหล่อเหลา การแต่งงานกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ไปได้ เพียงเพราะดวงตาสีม่วงแปลกประหลาดคู่นั้น และเพราะชาติกำเนิดที่ใครๆ ต่างรับรู้ บรรดาคุณหนูตระกูลใหญ่จึงพากันหวาดกลัวและหลีกหนีไปจากเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่าองค์หญิงฉังผิงเองก็ไม่ยอมให้บุตรชายที่รักเลือกคนที่ดูหมิ่นตนมาเป็นคู่ สุดท้ายจึงต้องขอให้ฝ่าบาทประทานสมรสให้ ประทานสมรสแก่บุตรีตระกูลหนานกง บุตรีของจวนฉู่กั๋วกงนั้นนับว่าเหมาะสมกับเชื้อพระวงศ์ เช่นนี้ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นเรื่องสวยงามไปแทน

เพียงแต่ชาวเมืองจินหลิงที่เคยเห็นคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงนั้นมีไม่มาก เดิมคิดว่าตระกูลหนานกงมีบุตรีเพียงผู้เดียว เมื่อฝ่าบาทมีราชโองการลงมาแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าคุณหนูหนานกงที่พวกเขาเห็นนั้นมิใช่บุตรีคนโต ตระกูลหนานกงยังมีบุตรีอยู่อีกผู้หนึ่ง เพียงแต่…ไม่รู้ว่าบุตรีผู้นี้มีหน้าตาเป็นเช่นไร หากหน้าตาน่าเกลียดจะเหมาะสมกับเว่ยซื่อจื่อผู้หล่อเหลาราวกับเทพบุตรเช่นนี้ได้เยี่ยงไร

เว่ยจวินมั่วยังคงมีใบหน้าเฉยชา ทว่าทันทีที่เขาหันกลับไปและยื่นมือไปยังรถม้า ใบหน้าก็พลันอ่อนโยนขึ้นมา เห็นเพียงมือเล็กขาวดั่งหยกพริ้วไหวราวกับไร้กระดูกยื่นออกมาจากตัวรถม้า วางลงไปบนมือของเว่ยจวินมั่ว จากนั้นหนานกงมั่วก็เดินออกมาจากรถม้า แม้ยังไม่ทันได้เข้าไปในสวนดอกโบตั๋น แต่เมื่อออกมาก็สามารถมองเห็นดอกโบตั๋นที่กำลังเบ่งบานไปทั่วทั้งภูเขา ดอกโบตั๋นหลากสีสันละลานตาไม่ว่าจะเป็นสีชมพู สีเหลือง สีม่วง สีดำ สีเขียว รวมถึงสีแดง ดอกไม้เหล่านี้แตกต่างไปจากดอกไม้ที่ได้รับการดูแลประคบประหงมอย่างดีในจวนตระกูลใหญ่ๆ ในจินหลิง เพราะดูเป็นธรรมชาติ ดูเหมือนป่าไม้ตามธรรมชาติ ทว่ากลับยังมีความงามสง่าของราชาดอกไม้ เมื่อเทียบกับดอกไม้ราคาแพงที่ได้รับการปลูกในจวน หนานกงมั่วชื่นชอบดอกไม้ป่าที่ขึ้นเต็มภูเขาแบบนี้มากกว่า

เพียงมองสายตาของหนานกงมั่วก็รู้แล้วว่านางชอบ มุมปากของเว่ยจวินมั่วจึงเผยรอยยิ้มออกมา เอ่ยเบาๆ “หากเจ้าชอบ เรามาสร้างเรือนรับรองที่นี่กันสักหลังเถอะ”

หนานกงมั่วมองเขาด้วยท่าทางตระหนก บรรดาผู้มีอำนาจในเมืองจินหลิงนั้นชอบสร้างเรือนรับรอง แต่เขาจื่ออวิ๋นที่มีทิวทัศน์งดงามเช่นนี้กลับไม่มีใครมาสร้างเรือนรับรอง เพราะเขาจื่ออวิ๋นนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ด้านบนเป็นพื้นที่ของวัดต้ากวงหมิง ส่วนด้านล่างเป็นพื้นที่ส่วนตัว เพียงไม่รู้ว่ามันเป็นพื้นที่ของใครก็เท่านั้น

คนคู่หนึ่งเพียงยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าก็ดึงดูดสายตาของผู้คนได้ไม่น้อย สายตาที่มองมายังทั้งคู่นั้นไม่ได้มีเพียงความอิจฉาหากยังมีความริษยาด้วย บรรดาหญิงสาวนั้นมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเว่ยจวินมั่วด้วยท่าทางขวยเขิน และชายหนุ่มต่างก็มองไปยังหญิงสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างเว่ยจวินมั่วพลางถอนหายใจ หากรู้ว่ามีสตรีที่งดงามเช่นนี้อยู่ในจวนฉู่กั๋วกง มีหรือจะมิรีบชิงไปสู่ขอก่อน ยามนี้ต้องเสียเปรียบให้กับผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงแล้วหรือ

ความเยือกเย็นพาดผ่านดวงตาคู่นั้นของเว่ยจวินมั่ว คว้ามือหนานกงมั่วและมุ่งหน้าไปยังสวนดอกโบตั๋น

เมื่อเดินเข้าไปในสวนโบตั๋น ดอกโบตั๋นในนี้สวยงามเพริศพริ้งเสียยิ่งกว่ายามมองจากด้านนอกเข้ามาเสียอีก หากบอกว่าดอกโบตั๋นที่ด้านนอกดูแผ่ขยายเป็นผืนป่า ดอกโบตั๋นด้านในนี้ เต็มไปด้วยความโดดเด่นและสวยงาม เรียกได้ว่างดงามที่สุดในแผ่นดินแล้ว

ทั้งสองเดินทอดน่องอยู่ในสวน เว่ยจวินมั่วเอ่ยถามเสียงเบา “เป็นอย่างไร”

หนานกงมั่วถอนหายใจเบาๆ “ความงดงามหนึ่งเดียวของดอกโบตั๋น คนโบราณไม่ได้โกหกข้าเลย” แม้ดอกโบตั๋นจะมิใช่ดอกไม้ที่นางชอบที่สุด แต่เมื่อได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามเช่นนี้นางก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นเช่นนี้อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าของสวนดอกโบตั๋นคงจะใส่ใจกับมันไม่น้อยเลย

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ข้านึกว่าเจ้าไม่ชอบดอกโบตั๋น ประทับใจก็ดีแล้ว แล้วเจ้าชอบดอกไม้อะไรเล่า ต่อไปเราสามารถหาพื้นที่สักแห่งแล้วจะได้ปลูกมันเป็นสวน”

หนานกงมั่วยิ้ม “ดอกไม้สวยๆ ข้าก็ชอบทั้งนั้น” คิดอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยตอบอย่างจริงจัง “ข้าชอบดอกเบญจมาศ”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ยตอบกลับไปด้วยท่าทางจริงจังเช่นกัน “ข้าจะจำเอาไว้”

หนานกงมั่วยิ้มบางๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เว่ยจวินมั่วก้มลงมามองนาง เอ่ยขึ้นเบาๆ “ไม่ว่าอู๋สยาชอบสิ่งใด ข้าจะเอามันมาไว้ตรงหน้าเจ้า”

“ทำไม” หนานกงมั่วมองเขาอย่างงุนงง แม้ว่าพวกเขาตกลงจะแต่งงานกันแล้วก็จริง แต่หากบอกว่ามีความรู้สึกลึกซึ้งด้วย นางก็คงไม่เชื่อ แล้วเหตุใด…ในดวงตาของเว่ยจวินมั่วนั้นราวกับเห็นนางเป็นคนสำคัญที่สุดบนโลกใบนี้ เมื่อมองสบตากับดวงตาสีม่วงคู่นั้น หนานกงมั่วก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา พลันทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง

เว่ยจวินมั่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง “จากนี้ไป ข้าเข้าใจว่าเจ้าคือภรรยาของข้า มิใช่หรือ”

จริงๆ เลย…ผู้ชายที่ดีนี่นา หนานกงมั่วไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นโชคดีอย่างไรมาก่อน แม้ฝ่าบาทเพียงประทานสมรสสุ่มๆ ไปทว่ากลับได้ผู้ชายที่ดีเช่นนี้มาได้

“นี่ไม่ใช่น้องชิงสิงกับคุณหนูหนานกงหรอกหรือ” เสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง ทั้งสองหันกลับไปจึงเห็นคนจำนวนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ คนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าคือเซียวเชียนเยี่ย เย่ว์จวิ้นอ๋องที่พึ่งได้พบกันไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้ว ด้านข้างของเซียวเชียนเยี่ยนั้นมีหญิงสาวรูปลักษณ์ธรรมดาทว่าดูมีอำนาจอยู่ด้วย ด้านหลังเป็นชายหนุ่มหญิงสาวที่ติดตามมาอีกไม่กี่คน ล้วนอยู่ในชุดผ้าแพรหรูหราไม่ธรรมดา หนึ่งในนั้นคือหย่งชังจวิ้นจู่ที่หนานกงมั่วเคยมีวาสนาเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท