หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 83 ความคิดไม่เข้าท่าของหลินซื่อ (3)

ตอนที่ 83 ความคิดไม่เข้าท่าของหลินซื่อ (3)

หนานกงมั่ววางผ้าแสงจันทร์ลง เลิกคิ้ว “พี่สะใภ้ นางทำธุระเสร็จแล้วหรือ จริงสิ ข้าจำได้ว่าครั้งที่แล้วพี่สะใภ้บอกว่าวันเกิดของนายท่านหลิน…”

แม่นมหลานเอ่ย “วันเกิดของนายท่านหลินผ่านไปแล้วเจ้าค่ะ คุณชายใหญ่กับฮูหยินน้อยไปร่วมฉลองด้วยกัน นายท่านและฮูหยินไม่มีใครไปเจ้าค่ะ” เห็นได้ชัดว่าหนานกงไหวมิได้ให้ความสำคัญกับหลินซื่อ วันเกิดของบิดาลูกสะใภ้คนโต หนานกงไหวที่เป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ไปก็แล้วไป ทว่าแม้กระทั่งเจิ้งซื่อก็ยังไม่ไป หนานกงมั่วถอนหายใจ เอ่ยขึ้น “เชิญฮูหยินน้อยเข้ามาเถิด”

ตอบรับสาวใช้ไปแล้ว ไม่นานหลินซื่อก็เดินตามสาวใช้เข้ามา ทว่าด้านหลังของหลินซื่อนั้นมีเด็กสาววัยสิบสี่ปีเดินตามเข้ามาด้วย เด็กน้อยไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาสะสวยอะไรมาก ทว่ามีความคล้ายคลึงกับหลินซื่อถึงสามส่วน ดวงตาคู่นั้นว่องไว กวาดตาสอดส่ายไปมา

“พี่สะใภ้” หนานกงมั่วลุกขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “มีสะใภ้ไยจึงมีเวลามาถึงที่นี่ได้เจ้าคะ”

หลินซื่อรู้สึกโกรธขึ้นมา นางเองใช่ว่าจะไม่รู้ว่าตนเองนั้นทำไม่ถูก น้องสามีกำลังวุ่นวายจัดเตรียมสินสมรส คนเป็นพี่สะใภ้อย่างนางกลับหายหน้าหายตากลับบ้านตนเองไป สำหรับเรื่องนี้หนานกงชวี่เองก็ตำหนินางมาแล้ว แต่หลินซื่อกลับไม่คิดว่าตนเองนั้นมีความผิด เพียงมองเห็นสินเจ้าสาวที่เข้าๆ ออกๆ เรือนจี้ชั่งนางก็หงุดหงิดอยู่ในใจ ไหนจะมีกะจิตกะใจไปช่วยหนานกงมั่วจัดเตรียมสินเจ้าสาวกันเล่า นึกถึงตอนที่ตนเองแต่งเข้ามาใหม่ๆ ฉู่กั๋วกงมอบสินสอดเพียงหกสิบสี่หาบ มีแค่เพียงเท่านั้น และในบรรดาสินสอดยังมีของไร้ประโยชน์อยู่มาก หลินซื่อทำได้เพียงบ่นว่าตระกูลหนานกงนั้นอยุติธรรมกับตนเอง ทว่าไม่คิดเลยว่าหากตระกูลหนานกงมอบสินสอดมากมาย แล้วตระกูลหลินจะจัดสินเจ้าสาวอย่างไร ด้วยนิสัยของมารดานางย่อมไม่มีทางเอาของกำนัลมอบกลับมาเป็นสินเจ้าสาวแน่ เช่นนี้นางจะยิ่งน่าขายหน้าขึ้นไปอีก ตระกูลหลินที่ไม่ได้ขายลูกสาวก็ย่อมต้องถูกมองว่าขายลูกสาวแล้ว

กำผ้าในมือแน่น หลินซื่อเอ่ย “หลายวันมานี้ข้ายุ่งมาก ละเลยต่อน้องสาวแล้ว ขอน้องสาวอย่าได้ตำหนิข้าเลย”

หนานกงมั่วยิ้ม “ได้เยี่ยงไรกัน ที่นี่ข้าจัดเตรียมไปมากแล้ว ยามนี้รอเพียงเครื่องเรือนและชุดแต่งงานแล้วเจ้าค่ะ”

“เอ๋ น้องสาวกำลังเตรียมชุดแต่งงานหรือ นี่คือผ้าอะไรไยจึงสวยงามถึงเพียงนี้” หลินซื่อเดินเข้าไป ยกมือสัมผัสผ้าไหมบนโต๊ะเบาๆ นัยน์ตาฉายแววริษยา แม่นมหลานทนดูท่าทางไม่เคยพบไม่เคยเจอของนางมิได้ ขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยพลางกล่าว “ฮูหยินน้อย นี่คือผ้าแสงจันทร์ที่องค์หญิงฉังผิงส่งมาให้ พวกเราเตรียมตัดเย็บเป็นชุดแต่งงานของคุณหนูเจ้าค่ะ”

หลินซื่อถอนหายใจด้วยความอิจฉา “คุณหนูใหญ่ช่างโชคดี เมื่อครั้งข้าแต่งกับสามีได้ใช้เพียงผ้าธรรมดาผืนเดียวเพียงเท่านั้น”

ใบหน้าแม่นมหลานทะมึนขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ฮูหยินน้อยหมายความเช่นไรกัน จะบอกว่าตระกูลหนานกงละเลยนางหรือ แม้ตอนที่เจิ้งซื่อเตรียมสินสอดจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่เพื่อชนะใจหนานกงชวี่ นางก็ต้องแสร้งเป็นคนดี ดังนั้นพิธีแต่งงานของหนานกงชวี่นั้นยังนับว่าพอไปได้ เรื่องชุดแต่งงาน เดิมก็เป็นฝ่ายเจ้าสาวที่จัดเตรียมเอง องค์หญิงฉังผิงส่งมาให้นั่นเพราะเป็นความประสงค์ของพระองค์เอง ไม่เคยได้ยินบ้านไหนบอกว่าบ้านเจ้าบ่าวต้องส่งผ้าไปให้เจ้าสาวตัดชุดเลยสักครั้ง

หนานกงมั่วยิ้มบางๆ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำเสียดสีของหลินซื่อ เพียงหันไปมองเด็กสาวด้านข้างแล้วเอ่ยถามขึ้น “แม่นางผู้นี้คือ”

ดวงตาของหลินซื่อฉายแววไม่พอใจขณะฝืนยิ้มพลางเอ่ยตอบ “นี่คือน้องสาวของข้า เย่ว์หลาน หลานเอ๋อร์นี่คือน้องสาวของพี่เขยของเจ้า มั่วเอ๋อร์”

หลินเย่ว์หลานคนนี้ดูเหมือนจะวางตัวเป็นกว่าหลินซื่ออยู่มาก ยิ้มให้หนานกงมั่วบางๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “คารวะพี่มั่วเอ๋อร์”

หนานกงมั่วยังคงยิ้มบางๆ ส่งให้ “ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของพี่สะใภ้ แม่นางหลิน เชิญนั่งก่อน”

หลินเย่ว์หลานเรียกหนานกงมั่วว่าพี่สาว ทว่าหนานกงมั่วกลับเรียกหลินเย่ว์หลานว่าแม่นาง ความห่างเหินนั่นแน่นอนว่าหลินซื่อเองก็ฟังออก เดิมใบหน้าก็แข็งกระด้างอยู่แล้ว ยามนี้ยิ่งไม่น่ามองยิ่งขึ้นไปอีก หลินเย่ว์หลานดูออก รีบจูงมือนางและพาเดินมานั่งลงด้วยกัน หนานกงมั่วที่นั่งมองอยู่ตรงนั้นอยากยกมือขึ้นกุมขมับเหลือเกิน นางไม่ได้เกลียดคนที่มีใจเห็นแก่ตัว ในโลกนี้มีใครบ้างที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวอยู่เลยแม้เพียงสักนิด คนที่ใสซื่อเกินไปก็จะอยู่ได้ไม่นาน แต่หลินซื่อที่มีความเห็นแก่ตัวอยู่มากทว่าไม่รู้จักการเอาตัวรอดเช่นนี้ทำให้นางยากจะรับได้ คนฉลาดต่อให้คิดอยู่ในใจมากเพียงใด แต่ก็ยังรู้จักปกปิดสีหน้าเอาไว้ แต่หลินซื่อผู้นี้คิดเช่นไรก็ปรากฏออกมาบนใบหน้าไปเสียหมด ยังคิดว่าคนอื่นจะไม่รู้หรือ เพียงไม่อยากจะเอ่ยตรงๆ กับนางเท่านั้น

ทั้งสองนั่งลง จือซูยกถ้วยชามาวางไว้ตรงหน้าของทั้งสอง จากนั้นก้าวถอยออกไป หนานกงมั่วยังคงยิ้มบางๆ “วันเกิดนายท่านหลิน ข้าเองก็ไม่ได้ไป ขอพี่สะใภ้โปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ”

หลินซื่อแค่นยิ้มออกมา “ได้อย่างไรกัน ข้ารู้ว่าน้องสาวกำลังยุ่งมาก” ความจริงนางไม่ได้ส่งเทียบเชิญให้กับหนานกงมั่ว เพราะในใจไม่ต้องการให้หนานกงมั่วไปบ้านตระกูลหลิน

หนานกงมั่วพยักหน้า มองหลินเย่ว์หลานที่นั่งอยู่ด้านข้าง เอ่ยด้วยความแปลกใจ “แม่นางหลินมาเยี่ยมพี่สะใภ้หรือ ปกติพี่สะใภ้เองก็ไม่ออกจากเรือนเท่าใดนัก แม่นางหลินมาคุยเป็นเพื่อนพี่สะใภ้บ่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน” หลินซื่อและหลินเย่ว์หลานมองสบตากัน ใบหน้ามีแววกระอักกระอ่วน ท่าทางของทั้งคู่นั้นอยู่ในสายตาของหนานกงมั่ว นางค่อยๆ หลุบตาลงดื่มชาใสในถ้วย ก่อนจะโบกมือสั่งให้สาวใช้นำผ้าบนโต๊ะออกไปก่อน

สายตาของหลินซื่อมองตามผ้าไหมที่ถูกเคลื่อนย้ายออกไป มองหนานกงมั่วแล้วจึงกลืนน้ำลายเบาๆ เอ่ยขึ้น “น้องสาว คือว่า ข้าคิดว่า…เจ้าพึ่งกลับมาจากตานหยาง คงยังไม่คุ้นเคยกับหลายอย่างในเมืองจินหลิง ต่อไปต้องแต่งเข้าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องคนเดียวแล้วจะเหงา มิสู้…มิสู้พาเย่ว์หลานไปด้วยดีหรือไม่” หลินเย่ว์หลานที่อยู่ด้านข้างนั้นก้มหน้าเขินอาย

นัยน์ตาของหนานกงมั่วแข็งกร้าวขึ้น หลุบตาลง ควบคุมสติให้นิ่งสงบ “พี่สะใภ้หมายความเช่นไรหรือเจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจเท่าใดนัก”

หลินซื่อขมวดคิ้ว “เราคือจวนกั๋วกง น้องสาวแต่งเข้าไปคือจวนจวิ้นอ๋อง สิ่งที่ควรมีก็มิควรขาด น้องสาวพานางไปเป็นอนุด้วยก็พอแล้ว เพื่อเป็นหน้าเป็นตาแก่น้องสาว ต่อไปเมื่ออยู่ในจวนจวิ้นอ๋องจะได้มีคนคอยช่วยเหลือน้องสาวได้”

หนานกงมั่วเกือบจะดีใจแล้ว หลินซื่อมีใจเป็นห่วงนางถึงเพียงนี้ หากนางเอากะจิตกะใจเช่นนี้ไปต่อสู้กับเจิ้งซื่อล่ะก็ เกรงว่าตอนนี้จวนฉู่กั๋วกงก็คงมิได้มีเจิ้งซื่อยิ่งใหญ่อยู่เพียงผู้เดียวเป็นแน่

หนานกงมั่วไม่เอ่ยสิ่งใด หลินซื่อจึงร้อนใจ เงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยถาม “น้องสาวคิดเช่นไรหรือ”

หนานกงมั่วปิดปากถ้วยชา วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ จากนั้นเอ่ยตอบเชื่องช้า “พี่สะใภ้ ยามนี้ในเมืองจินหลิงไม่มีสตรีใดออกเรือนแล้วพาน้องสาวไปเป็นอนุ ยิ่งไปกว่านั้น…ยังเป็นพี่น้องของพี่สะใภ้ด้วย” สายตากวาดมองใบหน้าของหลินเย่ว์หลานช้าๆ หลินเย่ว์หลานเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าลงไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด ตระกูลชั้นสูงแต่งงานออกเรือนแล้วพาน้องสาวออกเรือนไปเป็นอนุด้วยใช่ว่าจะไม่เคยมี แต่นั่นเป็นกฎเมื่อกว่ากี่พันปีที่แล้วซึ่งถูกละทิ้งไปเนิ่นนาน นางคิดว่าหลินซื่อคงอ่านหนังสือจนโง่เขลาเสียแล้ว คิดว่าอ่านหนังสือเล่มใดมาก็ได้และจะเพียงพอต่อการมาแลกเปลี่ยนความคิดกับผู้อื่นอย่างนั้นหรือ อย่าว่าแต่นางไม่คิดจะเตรียมอนุให้เว่ยจวินมั่วเลย ถึงแม้นางจะมีความคิดแปลกประหลาด เกิดมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาจริงๆ ก็คงไม่มีทางเลือกเอาคนใกล้ตัวมาเป็นแน่

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท