หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 86 ความงดงามหนึ่งเดียวของดอกโบตั๋น (2)

ตอนที่ 86 ความงดงามหนึ่งเดียวของดอกโบตั๋น (2)

เจิ้งซื่อกัดฟัน “ยัยโง่หลินซื่อ” นางต้องการหาเรื่องให้หนานกงมั่วจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่คิดว่านางจะก่อความยุ่งยากตั้งแต่ครั้งแรก หากทำให้หนานกงมั่วรวมไปถึงหนานกงไหวโกรธ หมากอย่างหลินซื่อก็ต้องตัดทิ้งเสียแล้ว ทว่าเมื่อเปรียบกับการก่อความวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ ให้แก่หนานกงมั่วแล้ว หลินซื่อนั้นสามารถดึงรั้งหนานกงชวี่เอาไว้ได้ หมากเช่นนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ

เมื่อเห็นว่านางโกรธจัด แม่นมจึงมองนางอย่างระมัดระวัง เอ่ยเสียงเบา “ฮูหยินอย่าพึ่งโกรธไปเลยเจ้าค่ะ แม้เรื่องนี้ฮูหยินน้อยจะทำไปโดยไม่เหมาะสม แต่คุณหนูใหญ่เห็นแก่คุณชายใหญ่คงไม่เอาความหรอกเจ้าค่ะ” เจิ้งซื่อหลับตาลง ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้เกรงว่าจะปิดนายท่านเอาไว้ไม่ได้ รอดูว่าคุณชายใหญ่จะจัดการเยี่ยงไร” แน่นอนว่านางรู้มาตลอดว่าหนานกงชวี่มิได้ชื่นชอบภรรยาผู้นี้ หากหนานกงชวี่อาศัยเรื่องนี้ถีบหลินซื่อออกไปได้ เช่นนั้นนางคงต้องระมัดระวังต่อหนานกงชวี่มากยิ่งขึ้น

“บ่าวจะให้คนคอยจับตามองเรือนของคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ”

เจิ้งซื่อดึงผ้าปักในมืออย่างหงุดหงิด “น่าเสียดายทีเดียว กว่าเจ้าเด็กนั่นจะแต่งงานออกเรือนก็อีกตั้งหลายเดือน” เมื่อเทียบกับหนานกงมั่ว หนานกงชวี่สำคัญกว่ามาก เมื่อคิดว่าหนานกงชวี่จะหลุดออกจากการควบคุมของตนเหมือนกับหนานกงฮุยแล้ว เจิ้งซื่อก็ไม่มีกะจิตกะใจจะต่อสู้กับหนานกงมั่ว แทบอยากให้หนานกงมั่วรีบแต่งงานออกไปทันที เดิมทีก็มิได้คิดจะควบคุมหนานกงมั่วตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพียงต้องการเหยียบหนานกงมั่วต่อหน้านายท่านเล็กน้อย ไม่ต้องการให้นายท่านเห็นนางสำคัญจนเกินไป จากนั้นมองนางเป็นเพียงของที่เอามาเพื่อแต่งออกไปแทนก็เท่านั้น ใครจะรู้ว่าเด็กหนานกงมั่วผู้นี้ควบคุมไม่ง่ายเลยสักนิด ประมือกันหลายครั้งล้วนเป็นนางเองที่เสียเปรียบ

“ท่านแม่ ท่านกล่าวอันใดหรือเจ้าคะ” หนานกงซูเดินนำสาวใช้เข้ามา เอ่ยเสียงหวาน

เจิ้งซื่อเงยหน้าขึ้นมองบุตรีที่ทั้งดูอ่อนโยนและบอบบาง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความรัก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ซูเอ๋อร์มาทำอันใดหรือ”

หนานกงซูเอ่ยตอบ “ท่านแม่ กลับมาตั้งนานแล้ว ลูกอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก อยากไปสมาคมกับสตรีในเมือง”

“เอ่อ…” เจิ้งซื่อลังเลเล็กน้อย เอ่ยห้าม “ท่านพ่อเจ้าพูดแล้ว ช่วงนี้ให้เจ้าอยู่แต่ในจวน”

“ท่านแม่…” หนานกงซูกระเง้ากระงอด กวาดตามองแม่นมที่อยู่ด้านข้าง โบกมือสั่ง “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องปรึกษากับท่านแม่ของข้า”

“เจ้าค่ะ คุณหนู” ทุกคนตอบรับ ก้าวถอยออกไปด้วยท่าทางสุภาพนอบน้อม เมื่อในห้องโถงใหญ่เหลือเพียงนางและมารดาอยู่กันตามลำพัง หนานกงซูจึงนั่งลงข้างเจิ้งซื่อพลางเอ่ย “ท่านแม่ ท่านให้ลูกออกไปเถิด ลูกมีเรื่องด่วนจริงๆ” เจิ้งซื่อขมวดคิ้ว มองไปยังบุตรีพร้อมกับกล่าวตอบ “เจ้าจะมีเรื่องด่วนอันใดได้ บอกความจริงแม่มา เจ้าจะออกไปพบหวงจั่งซุนใช่หรือไม่ เจ้าลืมแล้วหรือ ท่านพ่อเจ้าสั่งห้ามเจ้าไม่ให้เจอกับหวงจั่งซุนในช่วงเวลานี้”

“ท่านแม่” หนานกงซูกระทืบเท้า เอ่ยอย่างมิยอม “ลูกมิได้เจอหวงจั่งซุนมานานมากแล้ว เกิด…เกิดหวงจั่งซุนลืมข้าแล้วจะทำเช่นไร”

เจิ้งซื่ออดถอนหายใจออกมามิได้ บุตรีของนางผู้นี้เกิดมาดูคล้ายจะฉลาด ไยจึงไม่ฉลาดกันนะ สิ่งที่ได้มาง่ายๆ ชายใดจะรู้คุณค่า นายท่านเข้มงวดก็จริง แต่ที่มิให้เจอกันก่อนแต่งงานนั่นเป็นเพราะหวังดีกับบุตรี ด้วยอำนาจของจวนฉู่กั๋วกง เพียงหวงจั่งซุนยังต้องการการสนับสนุนจากจวนฉู่กั๋วกง อย่าว่าแต่ไม่ได้พบกันเพียงไม่กี่เดือน ต่อให้ซูเอ๋อร์น่ารังเกียจ หวงจั่งซุนก็มิมีวันลืมนางได้

“ซูเอ๋อร์ เจ้าเชื่อฟังท่านพ่อ อยู่ที่บ้านดีๆ รอนังเด็กหนานกงมั่วแต่งออกไปแล้ว ท่านพ่อเจ้าจะรีบจัดการเรื่องของเจ้ากับหวงจั่งซุนทันที” เจิ้งซื่อเอ่ยเกลี้ยกล่อมเสียงเบา หนานกงซูกลับไม่เข้าใจถึงคำปลอบโยนของมารดา ผลักเจิ้งซื่อออก ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ตอนนี้ท่านพ่อจำบุตรีเช่นลูกได้ที่ไหนกัน ตั้งหนานกงมั่วกลับมา มีเรื่องใดที่ท่านพ่อไม่เข้าข้างนาง ส่วนข้า แม้แต่ประตูใหญ่ก็ยังออกไปมิได้ หนานกงมั่วออกไปสองวันสามวันติดก็ไม่เห็นท่านพ่อจะตำหนิอันใดเลย อีกทั้งสินเจ้าสาวมากมายของหนานกงมั่ว…ต่อให้ต่อไปข้าได้แต่งเข้าจวนหวงจั่งซุน ก็เป็นได้เพียงตัวตลก…”

“เหลวไหล เจ้าเป็นบุตรีของฉู่กั๋วกง ใครจะกล้าหัวเราะเยาะเจ้า” เจิ้งซื่อกล่าวเสียงดัง

หนานกงซูส่งเสียงหยัน “บุตรีงั้นหรือ บุตรีเช่นข้าจะได้สินเจ้าสาวถึงสามส่วนของหนานกงมั่วหรือไม่”

เจิ้งซื่อเป็นใบ้ขึ้นมาทันใด ในใจนางรู้ดีว่าต่อให้หนานกงไหวจะรักซูเอ๋อร์เพียงใดก็ไม่มีทางเตรียมสินเจ้าสาวได้เท่ากับหนานกงมั่ว ยิ่งไปกว่านั้น ซูเอ๋อร์แต่งเข้าจวนหวงจั่งซุนไปก็ได้เป็นเพียงนางสนม สินเจ้าสาวไม่มีทางมากไปกว่าพระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋อง สามารถมีมากกว่าสตรีในห้องหอคนอื่นๆ ก็ดีเท่าไรแล้ว ขณะที่หนานกงมั่วนั้น นางแต่งออกไปพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากกว่าครึ่งของเมิ่งซื่อ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเจิ้งซื่อก็เคียดแค้นอยู่ในใจ นั่นเป็นสมบัติตกทอดสืบต่อกันมาของตระกูลเมิ่ง แม้จะสิ้นเปลืองไปมากในช่วงก่อนก่อตั้งแคว้นนี้ขึ้นมา แต่ทรัพย์สมบัติและกิจการของตระกูลเมิ่งที่เหลืออยู่ก็เพียงพอให้ผู้มีอำนาจตระกูลใหญ่ๆ เกิดความโลภได้เช่นกัน คาดว่ารอถึงวันที่ยัยเด็กนั่นแต่งออกเรือน บรรดาตระกูลใหญ่ก็คงต้องเสียดายกันเป็นระนาว หากรู้ว่าหนานกงมั่วมีสินเจ้าสาวมหาศาลเช่นนี้ คงจะดาหน้าเข้าจวนฉู่กั๋วกงกันจนธรณีประตูราบเป็นหน้ากลอง

ยิ่งหนานกงมั่วมีหน้ามีตาเท่าใด ยิ่งแสดงให้เห็นว่าฮูหยินเช่นนางที่เคยเป็นอนุนั้นน่ารังเกียจเพียงใด มิแปลกที่เด็กสาวผู้มีอารมณ์พลุ่งพล่านเช่นหนานกงซูจะรู้สึกรับไม่ได้ แม้กระทั่งตัวเจิ้งซื่อเองยังโกรธจนตื่นจากฝันอยู่บ่อยครั้ง

“ซูเอ๋อร์ อย่าร้อนใจไป ต่อให้เด็กคนนั้นจะมีสินเจ้าสาวมากเพียงใด นางก็แต่งกับผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องเท่านั้น อย่าว่าแต่ตำแหน่งผู้สืบทอดของเว่ยจวินมั่วเลย จะรักษาเอาไว้ได้หรือไม่ก็ยังมิแน่ ต่อไปเจ้าจะได้เป็นใหญ่เป็นโตกว่านางมาก อย่าได้ร้อนใจ…” เจิ้งซื่อเอ่ยปลอบบุตรีเสียงเบา หนานกงซูได้ยินคำพูดของเจิ้งซื่อแล้วจึงสงบลงบ้าง อิงอยู่ในอ้อมกอดของมารดา เอ่ยออดอ้อนเสียงเบา “ท่านแม่ ท่านให้ลูกออกไปเถิด หวงจั่งซุนมิได้มาหาลูกนานแล้ว วันนั้นที่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมามอบของกำนัล แม้แต่มอง เขาก็ไม่มองซูเอ๋อร์เลยสักนิด ลูกกลัวว่า…กลัวว่าเซียวหลางเขาจะ…”

“เด็กโง่ หวงจั่งซุนย่อมต้องเห็นแก่หน้าท่านพ่อของเจ้า เขาไม่มีทางไม่สนใจเจ้าหรอก” เจิ้งซื่อเอ่ยเสียงเบา

หนานกงซูส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่…ท่านแม่ ท่านไม่เข้าใจ ซูเอ๋อร์ชอบหวงจั่งซุน ซูเอ๋อร์ไม่มีหวงจั่งซุนไม่ได้ หากเซียวหลางไม่ชอบลูกแล้ว ต่อให้…ต่อให้ต้องแต่งเพราะเห็นแก่หน้าท่านพ่อ แล้วจะมีความหมายอันใด…ท่านแม่ ได้โปรดเถิด…” เจิ้งซื่อมีหนานกงซูบุตรีผู้นี้เพียงคนเดียว หลายปีมานี้จึงทั้งรักทั้งถนอมดั่งของล้ำค่า ไหนเลยจะทนต่อการอ้อนวอนของบุตรีได้ ในที่สุดจึงถอนหายใจออกมา ตบหลังมือบุตรีเบาๆ “เอาล่ะ แม่รู้แล้ว เดี๋ยวแม่จะบอกเจ้า ไม่ใช่อยากไปจุดธูปที่วัดหรอกหรือ”

ดวงตาหนานกงซูวาววับขึ้นมาในทันใด “ขอบคุณท่านแม่”

“เด็กคนนี้นี่” เจิ้งซื่อยกมือขึ้นไปดีดหน้าผากนางเบาๆ “ออกไปต้องเชื่อฟัง อย่าก่อเรื่องให้แม่ มิเช่นนั้น แม่ก็ออกหน้าแทนเจ้ากับท่านพ่อของเจ้ามิได้”

“ซูเอ๋อร์รู้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ดีที่สุดเลย”

ภายในห้อง ภาพสองแม่ลูกกำลังกระซิบกระซาบกันอย่างมีความสุข

นอกจวนฉู่กั๋วกง หนานกงมั่วสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวดุจหิมะ ผมสลวยดั่งผ้าไหมนั้นถูกรวบขึ้นอย่างเรียบง่าย ปิ่นปักผมอันเล็กมีไข่มุกเรียงร้อยเป็นดอกไม้และผ้าผูกผมที่ถูกปล่อยชายยาวไปกับเส้นผม ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มเพียงเล็กน้อยทว่ากลับยิ่งขับให้ใบหน้าของนางดูละเอียดอ่อนและสวยงามขึ้นไปอีก

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน