เอ้อกั๋วกงยิ้มเย็นพลางเอ่ย “คุณหนูหนานกงอยู่ในฐานะใด ไยจำเป็นต้องให้ท่านมาส่งด้วย”
เซียวเชียนเยี่ยเป็นถึงหวงจั่งซุน ถูกเอ้อกั๋วกงถามออกมาโดยไร้ซึ่งความเกรงใจเช่นนี้เขาย่อมรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจ ความไม่พอใจนี้ส่งไปถึงพระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋อง หยวนซื่อด้วย เดิมคิดว่านางรู้ความ ไม่คิดว่าเพียงหันหลังก็เอาเรื่องนี้ไปเล่าถึงหูเอ้อกั๋วกงเสียแล้ว
“ประจวบเหมาะพอดีได้โอกาสแจ้งแก่ท่านพ่อตา บุตรเขยได้ตกลงกับพระชายาแล้ว รอให้คุณหนูใหญ่หนานกงออกเรือนเรียบร้อยก็จะแต่งคุณหนูรองหนานกงเข้าจวนเป็นสนม” ถูกพ่อตาหักหน้าต่อหน้าคนอื่น น้ำเสียงของเซียวเชียนเยี่ยจึงแข็งขึ้นอยู่บ้าง
เห็นได้ชัดว่าเอ้อกั๋วกงนั้นไม่คิดไว้หน้าแต่อย่างใด เยาะเย้ยถากถางด้วยคำพูดต่อไป “นางสนมก็คือนางสนม แต่งอันใดกัน จวิ้นอ๋องได้ปรึกษากับพระชายาดีแล้วจริงหรือ ไม่ใช่ว่าพวกท่านโดนจับได้ พระชายาจึงจำเป็นต้องยอมหรอกหรือ”
“เอ้อกั๋วกง” ใบหน้าของหนานกงไหวทะมึน
เอ้อกั๋วกงยิ้มเย็น “บุตรีของฉู่กั๋วกงยินดีมาปรนนิบัติรับใช้บุตรีของข้า มีหรือข้าจะไม่พอใจ เพียงแต่…สนมงั้นหรือ พวกเจ้าอย่าได้คิดเลย”
เซียวเชียนเยี่ยปวดหัวจนต้องนวดหว่างคิ้ว “ท่านพ่อตาหมายความเยี่ยงไรหรือ”
เอ้อกั๋วกงเอ่ย “สตรีไร้ยางอายหรือจะมาเป็นสนม แม้สนมจะเป็นอนุ แต่ยังนับว่าเป็นอนุที่สูงส่ง ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสม ข้าเห็นหนานกงซูเป็นเพียงหญิงต่ำตมเพียงเท่านั้น” ประโยคนี้ทั้งโหดร้ายทั้งรุนแรง เอ้อกั๋วกงตั้งใจจะให้หนานกงซูเป็นเพียงอนุภรรยาเท่านั้น และใช่ หนานกงซูและหยวนซื่อมีชาติตระกูลที่ไม่ต่างกันมาก อีกทั้งรูปร่างหน้าตานับว่าดีกว่าหยวนซื่ออยู่มากทีเดียว หากแต่งเข้าไปในตำแหน่งสนม บางทีอาจเป็นอันตรายต่อตำแหน่งของหยวนซื่อ แต่หากเป็นเพียงอนุภรรยา เช่นนั้นก็ไม่มีความน่าเกรงกลัวอันใดแล้ว คนนอกมองเข้ามาก็เพียงเข้าใจว่าบุตรีของตระกูลหนานกงนั้นยอมที่จะมีฐานะต่ำต้อยเอง ช่างเต็มไปด้วยความใคร่และไร้ยางอาย
“เหลวไหล” เจิ้งซื่ออดไม่ได้กรีดร้องเสียงดังขึ้นมา “ซูเอ๋อร์จะไปเป็นอนุได้เยี่ยงไร ซูเอ๋อร์เป็นถึงคุณหนูจวนฉู่กั๋วกง ต่อให้เป็นสนม…เช่นนั้นก็นับว่าด้อยค่านางมากแล้ว”
เอ้อกั๋วกงกลอกตา เอ่ยเสียงหยัน “เช่นนั้นเจ้าต้องการเยี่ยงไร ต้องการให้บุตรีของข้าสละตำแหน่งชายาให้นางหรือ นางคู่ควรหรือไม่ ไม่เช่นนั้น เราไปคุยต่อหน้าฝ่าบาท ตกลงกันให้เรียบร้อยเลยดีหรือไม่”
“ท่านพ่อตา” เซียวเชียนเยี่ยรีบห้ามเอ้อกั๋วกง “ท่านพ่อตาได้โปรดใจเย็นก่อน เรื่องนี้เพราะบุตรเขยไม่รอบคอบเอง เรามานั่งลงคุยกันดีๆ ก่อนเถิด” หากเรื่องนี้ตกลงกันไม่ได้ เขาแต่งหนานกงซูมานอกจากจะไร้ประโยชน์แล้ว ยังทำให้จวนฉู่กั๋วกงและจวนเอ้อกั๋วกงเป็นปรปักษ์ต่อกันด้วย
ดวงตาเอ้อกั๋วกงมาดร้าย กวาดตามองไปยังหนานกงซูที่ยืนอยู่ด้านข้างเซียวเชียนเยี่ย ก่อนจะหันกลับไปนั่งที่เดิม
“ลูกเนรคุณ คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้” หนานกงไหวจ้องหนานกงซูเขม็ง เอ่ยเสียงดัง
หนานกงซูตกใจจนตัวสั่นเทา คุกเข่าลงไป
หนานกงไหวจ้องนางเขม็ง กัดฟันพลางเอ่ย “ใครสั่งใครสอนให้เจ้าทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้”
หนานกงซูน้ำตานองหน้า เอ่ยสะอึกสะอื้น “ท่านพ่อ ลูกผิดไปแล้ว ลูกกับหวงจั่งซุนเรารักกัน ขอท่านพ่อได้โปรดเห็นใจ”
“เนรคุณ ลูกเนรคุณ”
หนานกงซูคุกเข่าอ้อนวอนหันไปหาเอ้อกั๋วกง “เอ้อกั๋วกง ขอท่านได้โปรดเห็นใจข้ากับหวงจั่งซุนด้วยเถิด ซูเอ๋อร์จะไม่ลืมบุญคุณของเอ้อกั๋วกง เมื่อแต่งเข้าจวนไปแล้วจะดูแลพี่หยวนให้ดีเจ้าค่ะ”
“เจ้าไม่ต้องมาคุกเข่ากับข้า” เอ้อกั๋วกงเอ่ยเสียงเย็น “เข้าหรือไม่เข้าจวนเป็นเรื่องของหวงจั่งซุน ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า ข้าเพียงต้องการทวงความยุติธรรมแก่บุตรีของข้าเท่านั้น”
หนานกงไหวถอนหายใจ เอ่ยถาม “เอ้อกั๋วกง เรื่องนี้เป็นเพราะบุตรีชั่วของข้าทำไม่ถูก เอ้อกั๋วกงต้องการให้ชดใช้เยี่ยงไร หนานกงไหวจะไม่ขัดข้องอย่างแน่นอน” ด้านหลังเอ้อกั๋วกง ผู้สืบทอดเอ้อกั๋วกงยังคงยิ้ม “ฉู่กั๋วกง ตระกูลหยวนของเรายังมีข้าวกิน ไม่ขายบุตรี” หนานกงไหวคับแค้นใจแต่พยายามควบคุมความโกรธและสีหน้าไม่พอใจเอาไว้ เอ่ยต่อไปว่า “กั๋วกงและซื่อจื่อเข้าใจผิดแล้ว หนานกงไหวมิได้หมายความเช่นนั้น”
เอ้อกั๋วกงเอ่ย “ไม่มีก็ดี ข้าจะเอ่ยเพียงประโยคเดียว หากหนานกงซูยังอยากเข้าจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องย่อมไม่มีปัญหา ทว่าให้เข้าไปได้ในฐานะเดียวเท่านั้นก็คืออนุภรรยา ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้” หนานกงไหวปฏิเสธชัดเจน ต่อให้ต้องขังหนานกงซูและเลี้ยงนางไปตลอดชีวิตก็ไม่มีทางให้นางแต่งออกไปเป็นอนุภรรยาเป็นแน่
“เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดต้องคุยกันแล้ว” เอ้อกั๋วกงกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างไม่เกรงใจ
หนานกงซูคุกเข่าอยู่บนพื้น ในใจยังคงหวาดกลัว ดังนั้นนางจึงไม่กล้าเอ่ยปาก นางรู้ดีว่าสนมและอนุภรรยานั้นต่างกันเพียงใด แม้จะบอกว่าเป็นภรรยาชั้นรองลงมาเช่นกัน แต่ภรรยาชั้นรองที่ฐานะต่ำต้อยและภรรยาชั้นรองที่อยู่ในชั้นสูงกว่านั้นก็เหมือนกับภรรยารองและสาวใช้ข้างห้องของชาวบ้านทั่วไป ถึงตอนนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเลี้ยงลูกของตนไม่ได้ แม้แต่สินเจ้าสาวของตนก็ดูแลเอาไว้ไม่ได้ อนุก็เหมือนกับสาวใช้ในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องนั่นเอง โดยทั่วไปไม่นับคณิกาในหอนางโลมแล้ว เกรงว่าหญิงธรรมดาทั่วไปขอเพียงมีชาติตระกูลที่ใสสะอาดก็สามารถอยู่ในตำแหน่งอนุได้แล้ว เมื่อเป็นอนุแล้ว ต่อไปไม่ว่านางจะปีนไปได้สูงเพียงใด สิ่งนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ติดตัวนางไปตลอดไม่มีวันลบล้างออกได้
ทันใดนั้น บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง เจิ้งซื่อมองไปยังทุกคน จ้องเขม็งและเอ่ยเสียงดัง “เอ้อกั๋วกง เรื่องนี้แม้ซูเอ๋อร์จะผิด แต่นางเป็นบุตรีของฉู่กั๋วกง ท่านทำเช่นนี้ จะให้จวนฉู่กั๋วกงเอาหน้าไปไว้ที่ใด”
“เจ้าเป็นใครกัน ถึงกล้าเอ่ยเช่นนี้กับข้า” เอ้อกั๋วกงไม่ไว้หน้าเจิ้งซื่อ ส่งเสียงหยันพลางชี้ไปยังหนานกงมั่ว “ศักดิ์ศรีของจวนฉู่กั๋วกงมีเด็กคนนี้รับไปผู้เดียวก็พอแล้ว เชื้อสายรองเช่นพวกเจ้าไหนเลยจะมีศักดิ์ศรีอันใด ยิ่งไปกว่านั้น หากนางมีศักดิ์ศรีจริงคงไม่ล่อลวงบุรุษในสถานที่แห่งพระพุทธศาสนาอันบริสุทธิ์เช่นนั้นหรอก” หนานกงมั่วเงยหน้า มองเอ้อกั๋วกงด้วยดวงตาใสซื่อ เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับข้ากัน
เจิ้งซื่อจ้องหนานกงมั่วเขม็ง กัดฟันเอ่ย “ไม่ได้ ซูเอ๋อร์จะเป็นอนุภรรยาไม่ได้” เงยหน้ามองเซียวเชียนเยี่ย เห็นได้ชัดว่าต้องการให้เขาเอ่ยอะไรออกมาบ้าง เซียวเชียนเยี่ยลำบากใจต่อฉู่กั๋วกงและเอ้อกั๋วกง แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วจะไม่พูดอะไรเลยก็คงไม่ได้ จึงกระแอมไอขึ้นมาแผ่วเบา เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อตา เรื่องนี้บุตรเขยเองที่ผิด เรามาหารือกันโดยมองไปไกลๆ ดีหรือไม่”
“มีอันใดให้หารืออีกหรือ” เอ้อกั๋วกงไม่เคยรู้สึกว่าบุตรเขยผู้นี้ขวางหูขวางตาเท่านี้มาก่อน เขาคิดว่าตนจะไม่รู้เลยหรือว่าเขากำลังคิดจะทำอันใด เอ้อกั๋วกงมิใช่ลูกพลับนิ่มที่ใครต่อใครจะมาขยำขยี้ได้ง่ายๆ
หนานกงไหวเองก็ปวดหัว เอ้อกั๋วกงกัดไม่ปล่อย ฉู่กั๋วกงเองก็ไม่มีทางยอมให้บุตรีไปเป็นอนุภรรยาจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องแน่ ยิ่งมองท่าทางลังเลของเซียวเชียนเยี่ย ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ กัดฟันเอ่ยว่า “อย่างไรเสีย หนานกงซูไม่มีทางเป็นอนุภรรยาได้ อย่างมากข้า ฉู่กั๋วกงเลี้ยงนางไปชั่วชีวิตก็ยังได้ ชวี่เอ๋อร์ พาน้องสาวของเจ้าออกไป”
“ท่านพ่อ…” หนานกงซูสะอึกสะอื้น ราวกับหนานกงไหวกำลังจะเอาชีวิตนางก็ไม่ปาน
หนานกงชวี่ก้าวมาด้านหน้าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม จับหนานกงซูเอาไว้พร้อมสั่งว่า “กลับไป”
ไหนเลยหนานกงซูจะยอม จับแขนเสื้อของเซียวเชียนเยี่ยเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “เซียวหลาง… เซียวหลางข้ากลัว เซียวหลาง… ช่วยข้าด้วย”
หนานกงไหวและเอ้อกั๋วกงใบหน้าดำทะมึน
ผู้เป็นบิดาเช่นเขาจะคิดเอาชีวิตนางได้หรือ หรือว่าจวนฉู่กั๋วกงกลายเป็นถ้ำเสือที่เต็มไปด้วยอันตรายแล้วงั้นหรือ