หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 109 คลื่นลมไม่สงบ (3)

ตอนที่ 109 คลื่นลมไม่สงบ (3)

มองท่าทางอกสั่นขวัญหายของหนานกงซู หนานกงมั่วแสยะยิ้มรู้สึกน่าเบื่อ ดูแล้วเหมือนนางกำลังรังแกหนานกงซู แม้ตอนนี้จะกำลังรังแกหนานกงซูอยู่จริงๆ ทว่ารังแกคนแบบนี้ช่างไม่มีความรู้สึกสะใจเอาเสียเลย หนานกงมั่วปัดมือแล้วจึงหมุนตัวเดินออกไป “น้องรองกับหว่านฮูหยินอยู่ด้านในตั้งใจสำนึกผิดไปเถิด ส่วนข้าน่ะหรือ…ต้องลาแล้ว”

พึ่งเดินออกมา ก็มองเห็นหนานกงไหวกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ หนานกงมั่วกัดริมฝีปากยิ้มบางๆ เดินผ่านหนานกงไหวแล้วเดินตรงต่อไปยังเรือนจี้ชั่ง

หนานกงไหวเดินเข้ามาด้านในศาลบรรพชน มองสองแม่ลูกที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและพิงกันอยู่ หันกลับมามองสาวใช้ที่เดินตามหลังมา “นี่คือที่เจ้าบอก…ว่าคุณหนูใหญ่รังแกคุณหนูรองและฮูหยินงั้นหรือ”

สาวใช้คนนั้นตกใจมองไปยังหนานกงซู “เจ้า…เจ้าค่ะ บ่าวเห็นคุณหนูใหญ่ตบหน้าคุณหนูรองเจ้าค่ะ”

หนานกงไหวส่งเสียงหยัน ถีบสาวใช้ออกไป เอ่ยเสียงเย็นกับเจิ้งซื่อ “สำนึกผิดอยู่ที่นี่ต่อไป หากยังกล้าทำเรื่องบ้าอันใดอีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ฮึ” เจิ้งซื่อได้สติกลับมา มองใบหน้าของหนานกงซูด้วยความตกใจ เห็นว่าใบหน้าของหนานกงซูนั้นยังซีดเซียวและซูบผอมจากการได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีรอยโดนฝ่ามือเลยสักนิด แต่ว่าเมื่อครู่…เห็นชัดเจนว่าหญิงคนนั้นตบหน้าซูเอ๋อร์อย่างแรงไปหนึ่งที

“ซูเอ๋อร์…ใบหน้าของเจ้า…”

หนานกงซูยกมือขึ้นจับใบหน้าตนเองอย่างมึนงง เอ่ยถาม “ท่านแม่ ใบหน้าของลูกทำไมหรือ” ประหลาดใจ เมื่อสักครู่นางโดนตบจนเจ็บแสบไปทั้งใบหน้า ไยจึงไม่มีความรู้สึกเลยเล่า “ท่านแม่…เป็นไปได้อย่างไร”

เจิ้งซื่อส่ายหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้ายังคงมึนงง

กลับมาถึงเรือนจี้ชั่ง หนานกงฮุยมารออยู่ก่อนแล้ว เมื่อมองเห็นเขา สีหน้าของหนานกงมั่วจึงอ่อนลง “พี่รอง ท่านมาทำอันใดที่นี่”

สีหน้าของหนานกงฮุยดูย่ำแย่ เอ่ยขึ้นว่า “มั่วเอ๋อร์ ข่าวลือข้างนอกนั่น…เจ้าอย่าเอามาใส่ใจเลยนะ” หนานกงมั่วเผยยิ้มออกมา เอ่ยตอบ “ข้านึกว่าพี่รองจะพูดเรื่องใดเสียอีก ท่านวางใจเถิดข้าไม่เก็บมันมาใส่ใจหรอกเจ้าค่ะ” แม่นมหลานยกน้ำชาเข้ามา พอดีกับที่ได้ยินคำพูดของหนานกงมั่วจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ชื่อเสียงของหญิงสาวเรื่องใหญ่เช่นนี้ จะไม่เก็บมาใส่ใจได้เยี่ยงไรเจ้าคะ เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเจิ้งฮูหยินเป็นคนปล่อยออกไป นายท่านแม้แต่ถามก็ไม่ถามถึงสักคำ”

หนานกงฮุยรู้สึกกระอักกระอ่วน “ท่านพ่อ กักบริเวณเจิ้งซื่อไว้ที่ศาลบรรพชนแล้วหรือ” สำหรับการจัดการของบิดาเขาเองก็ไม่พอใจ แต่ต่อให้เขาไม่พอใจเพียงใดก็ทำสิ่งใดไม่ได้ เงยหน้ามองน้องสาวที่ยังคงหัวเราะ หนานกงฮุยก้มหน้าด้วยความละอายใจ

แม่นมหลานยิ้มเย็น “กักขังไว้ในศาลบรรพชน ไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวก็ต้องปล่อยออกมา ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่เมื่อเสียหายไปแล้วมันเอากลับคืนมาไม่ได้นะเจ้าคะ” ในสายตาของแม่นมหลาน หนานกงไหวช่างมีใจเอนเอียงเหลือเกิน

หนานกงมั่วยิ้ม พาแม่นมหลานไปนั่งลงอีกฝั่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มละไม “แม่นม ท่านไม่ต้องกังวล ตอนนี้คนที่ต้องกังวลคือหนานกงซูและเจิ้งซื่อ มิใช่ข้า”

แม่นมหลานถอนหายใจ มองคุณหนูใหญ่ด้วยความรัก เอ่ยถาม “นี่มันเรื่องอันใดกัน เห็นอยู่ว่าเพราะคุณหนูรองไร้ยางอายไปก่อเรื่องเช่นนั้น นายท่านไม่จัดการก็ช่างเถิด ยังทำให้คุณหนูใหญ่ต้องลำบากไปด้วย…”

หนานกงมั่วยิ้ม “แม่นมหลาน นี่อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป เรื่องทำลายชื่อเสียงของข้าไม่ช้าก้เร็วอย่างไรเจิ้งซื่อก็ต้องทำ ปล่อยมาตอนนี้ ความจริงก็ไม่ได้ผลเท่าใดนัก” หากปล่อยในยามปกติ ชื่อเสียงของนางคงได้เสื่อมเสีย แต่น่าเสียดาย เรื่องทั่วไปมักมีข้อเปรียบเทียบ เมื่อเทียบกับเรื่องของหนานกงซู เรื่องของนางเล็กเพียงผุยผง ยิ่งไปกว่านั้น เวลาช่างประจวบเหมาะเกินไปยิ่งทำให้คนนึกสงสัย อย่างไรเสียบนโลกใบนี้ก็มิใช่ทุกคนที่จะโง่

“จริงๆ เลย…ช่างไร้ยางอายเสียจริง” แม่นมหลานก่นด่าด้วยความโกรธ พลางเช็ดน้ำตา “หากคุณหนูยังอยู่ ไหนเลยจะมีเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ได้”

เมื่อเอ่ยถึงเมิ่งซื่อ หนานกงฮุยและหนานกงมั่วก็เงียบลงไปชั่วครู่ ความจริงตั้งแต่เด็กจนโตหนานกงฮุยมิได้อยู่กับเมิ่งซื่อมากนัก หลังจากเมิ่งซื่อคลอดหนานกงมั่วแล้วก็เจ็บป่วยนอนเตียงอยู่บ่อยครั้ง เวลานั้นหนานกงฮุยอายุเพียงสามขวบ หลังจากนั้นเมิ่งซื่อก็พาหนานกงมั่วเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนจี้ชั่ง และหนานกงฮุยอายุสามขวบต้องไปอยู่ที่เรือนลี่ฉินกับหนานกงชวี่ที่อายุเพียงห้าขวบ นอกจากการคารวะมารดาทุกวันที่สิบห้าของทุกเดือนแล้วก็น้อยมากที่จะได้ไปยังเรือนจี้ชั่ง ถึงแม้ไปแล้ว ร่างกายและสติของเมิ่งซื่อก็ไม่ได้ดีครบสิบส่วน เอ่ยวาจากันเพียงไม่กี่ประโยคก็ต้องลากลับแล้ว ในความทรงจำของหนานกงฮุย จำได้เพียงว่ามารดาเป็นหญิงงามอย่างที่ไม่มีใครมาเทียบเคียงได้ ท่าทางสง่างามและสูงส่ง ทว่ากลับดูบอบบางต้องการได้รับการทะนุถนอม อีกทั้งยังไม่ทันถึงเวลาที่เขาจะดูแลมารดาได้ มารดาก็ลาจากโลกนี้ไปแล้ว

“มั่วเอ๋อร์ พี่ชายไม่มีทางให้ใครรังแกเจ้าได้อีกแน่นอน” หนานกงฮุยกัดฟัน ลุกขึ้นยืน

หนานกงมั่วจับเขาเอาไว้ เอ่ยถาม “ท่านจะไปไหน”

หนานกงฮุยเอ่ยตอบ “ไปหาท่านพ่อ”

หนานกงมั่วส่ายหน้า ยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยแย้ง “ท่านคิดว่าท่านพ่อไม่รู้เรื่องพวกนี้หรือ เขาขังเจิ้งซื่อไว้ในศาลบรรพชนเพื่อต้องการให้เราจบกันเพียงเท่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น…ยามนี้เจิ้งซื่อคือนายหญิงผู้ดูแลจวนฉู่กั๋วกง ต่อให้ท่านมีหลักฐานว่านางเป็นคนทำ ท่านพ่อก็คงไม่มีทางทำอันใดกับนางหรอก”

“แล้วจะปล่อยให้จบไปเช่นนี้หรือ” หนานกงฮุยไม่ยอม จริงอยู่ที่เจิ้งซื่อเป็นนายหญิงผู้ดูแลจวน แต่ก็มิใช่มารดาของเขา อย่างน้อยเขาก็มิได้ถูกเจิ้งซื่อเลี้ยงมา เขาต่อต้านพี่ใหญ่ไม่ได้แล้วยังต้องไว้หน้าเจิ้งซื่ออีกหรือ

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องของเจิ้งซื่อข้าจัดการเองได้ พี่รอง ท่านช่วยอะไรข้าสักหน่อยเถิด”

หายากที่น้องสาวจะขอความช่วยเหลือ มีหรือหนานกงฮุยจะไม่ตอบรับ พยักหน้ารัวเร็ว “มั่วเอ๋อร์รีบบอกมาเถิด”

หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเบา “ท่านบอกกับพี่ใหญ่สักประโยค…นิสัยของพี่สะใภ้หากเปลี่ยนแปลงมิได้ ต่อไปคงจะดูแลจวนฉู่กั๋วกงไม่ไหว”

บางอย่างแวบเข้ามาในหัวของหนานกงฮุย รีบเงยหน้าขึ้น “เรื่องครั้งนี้พี่สะใภ้ก็เกี่ยวข้องด้วยหรือ” หนานกงฮุยไม่มีความคิดเห็นต่อพี่สะใภ้ผู้นี้มากนัก แม้ผู้คนจะบอกว่าพี่สะใภ้ใหญ่นั้นเป็นดั่งมารดา หนานกงชวี่เป็นพี่ชายคนโตที่ต้องรับหน้าที่ของบิดามาตั้งแต่เด็ก ทว่าหลินซื่อกลับเป็นพี่สะใภ้ดั่งมารดามิได้ หนานกงฮุยนับถือนางในฐานะพี่สะใภ้เพียงเท่านั้น อย่างอื่นก็ไม่มีแล้ว

“พี่สะใภ้นาง…” หนานกงฮุยรู้สึกปวดหัว เห็นได้ชัดว่ามั่วเอ๋อร์นั้นมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวกเขาที่สุด ไยพี่สะใภ้จึงช่วยเจิ้งซื่อทำร้ายน้องสามีของตนเอง

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่มีอะไร ความเป็นคนยังไม่เพียงพอก็เท่านั้น…ทำอะไรไม่ได้ แต่ในเมื่อนางอยู่ในฐานะฮูหยินน้อยของจวนฉู่กั๋วกง ความโลภมิใช่ข้อเสีย ทว่ามองสถานการณ์ไม่ชัดเจน หูเบา ซ้ำยังคิดว่าตนเองฉลาด ทั้งหมดนั่นเป็นจุดอ่อน ท่านบอกพี่ใหญ่เถิด หากเขาไม่อยากอบรมสั่งสอนภรรยา ข้าผู้เป็นน้องจะช่วยทำแทนเขาเอง แน่นอนว่าหากเขาไม่นับว่าหลินซื่อเป็นครอบครัว ข้าเองก็จะไม่เกรงใจแล้ว”

ยามนี้หนานกงฮุยพบว่าน้องสาวที่ออกจากบ้านไปนานหลายปีนั้นช่างมีกลิ่นอายของความน่ากลัวเช่นนี้ ที่แท้ในยามที่เขามิได้พบเจอ น้องสาวได้เติบโตมาอย่างชาญฉลาด กลับกันกับเขาที่เป็นพี่ชาย…

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน