หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 101 เรื่องประโลมโลก กฎปฏิบัติของตระกูล (4)

ตอนที่ 101 เรื่องประโลมโลก กฎปฏิบัติของตระกูล (4)

หนานกงซูจึงรู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง ในหัวใจของนาง มารดาของนางเก่งกาจมาตลอด ไม่มีเรื่องใดที่มารดาทำไม่สำเร็จลุล่วง “ขอบคุณท่านแม่ ข้ารู้ ว่าท่านแม่ของข้าดีที่สุดแล้ว”

“เจ้าเด็กคนนี้…” เจิ้งซื่อถอนหายใจ

“ฮูหยิน”

เจิ้งซื่อหันกลับไป มองสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตู “มีอันใด”

สาวใช้เอ่ยตอบ “เมื่อเช้าฮูหยินน้อยสั่งให้คนมารับบัญชีไปที่เรือนลี่ฉินแล้ว เมื่อสักครู่ส่งคนมาขอกุญแจคลังของจวนจากฮูหยินด้วยเจ้าค่ะ”

สีหน้าเจิ้งซื่อเปลี่ยนไป ยิ้มเย็นพลางเอ่ย “นางรีบร้อนเพียงนี้เลยหรือ หนานกงมั่วเล่า”

“เมื่อเช้าฮูหยินน้อยก็ไปที่เรือนจี้ชั่งเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ ไม่นานก็ออกมา ดูเหมือนฮูหยินน้อยจะอารมณ์ดี คุณหนูใหญ่…ดูเหมือนจะไม่สนใจรับผิดชอบงานในจวนต่อเจ้าค่ะ” สาวใช้คนนั้นมิกล้าเงยหน้าขึ้นมา เพียงเอ่ยรายงานด้วยท่าทางนอบน้อม

แม่นมที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “ไม่คิดว่าคุณหนูใหญ่จะยอมให้ฮูหยินน้อยนะเจ้าคะ”

เจิ้งซื่อไม่แปลกใจ “ยอมให้หรือ ข้าว่าหนานกงมั่วกำลังมีแผนอะไรบางอย่างเสียมากกว่า หากนางต้องการแย่งอำนาจในจวนไป สมองอย่างหลินซื่อต่อให้เพิ่มมาอีกแปดก็มิอาจสู้นางได้” แม่นมถอนหายใจ “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาคำนึงถึงคุณหนูใหญ่ ฮูหยินควรคิดว่าจะหาวิธีเอาอำนาจกลับคืนมาได้อย่างไรดีกว่านะเจ้าคะ”

เจิ้งซื่อส่ายหน้า “ตอนนี้ท่านพี่กำลังโกรธ ให้นางจัดการดูแลไปสักพักก่อนจะเป็นไรไป ให้นางได้รู้ว่า…การดูแลเรื่องในบ้าน ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ทำได้” รากที่นางบ่มเพาะมากว่าสิบปี จะมาถูกหลินซื่อที่พึ่งมาถึงตัดไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ ด้วยสมองของหลินซื่อแล้วการดึงดันของนางยิ่งจะทำให้ผู้คนกรุ่นโกรธ ยิ่งกล่าวโทษนางได้มากขึ้น

“ตอนนี้ข้า…ต้องดูแลซูเอ๋อร์ให้ดี” รอซูเอ๋อร์แต่งเข้าไปเป็นสนมในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋อง ก้าวขึ้นไปอีกขั้น ในจวนยังจะมีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งนางได้อีก

“ฮูหยินกล่าวได้ถูกแล้วเจ้าค่ะ”

เรื่องในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องไม่ได้จัดการง่ายดังที่เจิ้งซื่อคิด เซียวเชียนเยี่ยขอร้องให้รัชทายาทช่วยออกหน้า เมื่อรัชทายาทได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วจึงลงโทษโอรสไปก่อนหนักๆ จากนั้นจึงเชิญเอ้อกั๋วกงเข้ามาหารือกัน ขณะเดียวกันพระชายารัชทายาทเองก็เรียกหยวนซื่อเข้าพบเพื่อให้นางช่วยเกลี้ยกล่อมเอ้อกั๋วกง น่าเสียดาย เอ้อกั๋วกงเป็นคนไม่ยอมใคร เอ้อกั๋วกงฮูหยินก็ทำอันใดไม่ได้มาก ต่อให้ไม่โวยวายอาละวาดลั่นต่อหน้ารัชทายาทและพระชายารัชทายาท แต่เมื่อกลับไปเอ้อกั๋วกงก็ส่งคนไปรับพระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องกลับจวนทันที โดยอ้างว่าต้องการให้พระชายาเย่ว์จวิ้นอ๋องได้กลับไปพักผ่อนดูแลร่างกาย

และขณะเดียวกัน เรื่องราวของเซียวเชียนเยี่ยและคุณหนูหนานกงที่ลอบมีสัมพันธ์ในวัดต้ากวงหมิงแล้วโดนพระชายาจับได้ อีกทั้งยังมีข่าวว่าพระชายาโกรธจนเกือบแท้งในที่เกิดเหตุต่างกระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเอ่ยเสริมเติมแต่งจนกลายเป็นเรื่องประโลมโลก ทำให้คนต้องจินตนาการถึง

เมื่อได้ยินข่าวนี้ หนานกงไหวแทบกวาดข้าวของในห้องหนังสือร่วงกระจายแตกระนาว พุ่งตรงไปยังเรือนไฉ่อู๋ต่อว่าเจิ้งซื่ออย่างรุนแรง ไม่สนใจว่าหนานกงซูกำลังบาดเจ็บหนัก โยนนางไปยังศาลบรรพชนทันที

ในยามที่กำลังวุ่นวาย เมืองหลวงก็มีข่าวลือออกมา บอกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงเกิดมาทำลายมารดา เติบโตมาในชนบทและเป็นคนหยาบคาย ไม่เคารพแม่เลี้ยง ไม่รักน้องสาวเชื้อสายรอง ไม่เคารพต่อพี่สะใภ้ ทำตัวเสเพลเป็นต้น ข่าวลือนี้ไม่ถึงสองวันก็กลบข่าวคาวโลกีย์ของเซียวเชียนเยี่ยและหนานกงซูจนสิ้น แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ยามนี้จวนฉู่กั๋วกงนั้นได้โด่งดังขึ้นมาทั่วเมืองจินหลิงไปเสียแล้ว

หนานกงมั่วมีผ้าขาวบางคลุมใบหน้าขณะเดินอยู่บนถนนที่รุ่งเรืองที่สุดในเมืองจินหลิง ราวกับไม่ได้รับผลกระทบกับข่าวลือในเมืองหลวงนั่นด้วยซ้ำ ทำให้หมิงฉินและจือซูที่เดินอยู่ด้านหลังรู้สึกนับถืออย่างห้ามไม่ได้ นอกจากคุณหนูใหญ่แล้วยังจะมีใครที่มั่นคงดั่งหินผาไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อยเช่นนี้ได้ กับข่าวลือพวกนั้น แน่นอนว่าพวกนางที่คอยติดตามคุณหนูรู้ความจริงเป็นอย่างดี ทว่าคุณหนูใหญ่แม้แต่จะปฏิเสธก็ยังไม่มีสักคำ ตรงกันข้ามยังปล่อยให้ข่าวลือพวกนั้นทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“คุณหนูใหญ่…” จือซูเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง แม้ไม่มีใครจำพวกนางได้ ทว่าตลอดทางที่เดินผ่านมาได้ยินคนเอ่ยถึงเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ที่น่าแปลกก็คือเรื่องเช่นนี้ของหญิงสาวผู้หนึ่งกลับกลบข่าวคาวของหวงจั่งซุนได้ มันน่าสนใจมากกว่าเลยหรือ เห็นได้ชัดว่ามีคนตั้งใจปล่อยข่าวเช่นนี้ออกมา คงหนีไม่พ้นไม่กี่คนนั้นเป็นแน่ “คุณหนูใหญ่ คนที่ปล่อยข่าวออกมา คุณหนูรู้ว่าเป็นใครในใจแล้วหรือไม่เจ้าคะ”

หนานกงมั่วเอ่ย “เจ้าคิดเช่นไรเล่า”

“เจิ้งฮูหยินหรือเจ้าคะ” จือซูเอ่ย นอกจากเจิ้งฮูหยินแล้ว ก็ไม่มีใครเป็นศัตรูกับคุณหนู ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้มีข่าวลือเช่นนี้ แม้จะปิดข่าวของคุณหนูรองไม่ได้ทั้งหมดอย่างน้อยก็ดึงความสนใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี นอกจากเจิ้งฮูหยินแล้วจะมีใครทำเช่นนี้อีกเล่า

หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่ามีนางร่วมด้วย เพียงแต่มิได้มีนางเพียงผู้เดียวหรอก” เจิ้งซื่อไม่มีความสามารถมากพอที่จะกระจายข่าวได้ภายในระยะเวลาเพียงสองวันอย่างแน่นอน กระทั่งข่าวอื้อฉาวของเซียวเชียนเยี่ยและหนานกงซูยังกลบไป น่าเสียดาย แม้จะเป็นเช่นนี้เรื่องราวของหนานกงซูก็คงไม่ใช่ง่ายๆ เทียบกับเรื่องนางจะทำลายมารดาหรือไม่ ไม่เคารพต่อผู้อาวุโสหรือไม่ อย่างไรเสียคนก็สนใจเรื่องราวคาวโลกีย์นั่นมากกว่า ดังนั้นต่อให้มีคนปลุกคลื่นแรงเพียงใด เรื่องราวของเซียวเชียนเยี่ยและหนานกงซูก็ยังเป็นเรื่องที่คนเอ่ยถึงหลังเวลาน้ำชาอยู่เสมอ คนโชคร้ายคือหนานกงไหว เมื่อยามเช้าเข้าวังก็ต้องถูกตำหนิกล่าวหาว่าไม่สั่งสอนบุตรี กลับมาถึงจวนก็ใบหน้ามึนตึง

“เรื่องเช่นนี้ อยู่นานไปจะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของคุณหนูนะเจ้าคะ” หมิงฉินเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล

หนานกงมั่วเอ่ย “ตอนนี้ถูกกล่าวหาเลวร้ายมากเท่าไร ต่อไปคนจะยิ่งรู้สึกว่าข้าน่าสงสาร แม้ว่าจะไม่ได้ขาวสะอาดมาก นั่นก็เป็นเพราะคนอื่นเติมและเสริมมันเข้ามา ไปเถิด เราไปฟังอะไรที่ร้านน้ำชากันดีกว่า” ไปฟังว่าเมืองหลวงเขากล่าวถึงเรื่องราวประโลมโลกของหวงจั่งซุนว่าเยี่ยงไรบ้าง

ที่นี่คือหอเทียนอี้ โรงน้ำชาที่เป็นศูนย์รวมของนักปราชญ์และบรรดาศิลปินทั้งหลาย บรรดากวีในราชวงศ์เซี่ยหรือเรียกอีกอย่างว่าชิงหลิว ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่น่าสงสาร ลูกคุณหนูเหล่านั้นมีครอบครัวผูกมัดจึงไม่อาจเป็นชิงหลิวได้ ดังนั้นโรงน้ำชาแห่งนี้แม้จะตั้งอยู่กลางสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองจินหลิง ทว่ากลับตกแต่งเรียบง่าย ชาในร้านแม้จะเป็นชาคุณภาพดีราคาสูงสิบตำลึงเงิน ทว่าก็ยังมีชาธรรมดาขายแบบเป็นกาด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือนักปราชญ์ธรรมดาต่างก็มักมาดื่มชากันที่นี่ คอยฟังผู้คนสนทนากัน หากโชคดีอาจได้รับเลื่อนตำแหน่งเมื่อบังเอิญได้พบปะกับบรรดาลูกหลานองค์ฮ่องเต้หรือชนชั้นสูง และเป็นที่ต้องตาของพวกเขาก็เป็นได้

หนานกงมั่วถูกเสี่ยวเอ้อร์เชิญไปนั่งในมุมหนึ่งของโรงน้ำชา สั่งน้ำชามาหนึ่งกาและอาหารว่างอีกสองจาน จากนั้นนั่งลงฟังผู้คนเล่าเรื่องราวต่างๆ วันนี้นักเล่าเรื่องก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นเช่นกัน ว่ากันว่าเป็นเรื่องราวความรักของหลานของอดีตฮ่องเต้กับนางสนมของเขา เล่าถึงหญิงสาวเชื้อสายรองผู้นี้ว่าไปมีรักแรกพบกับหลานของฮ่องเต้ได้เช่นไร พบปะกันเช่นไร ไปมีสัมพันธ์กันในสถานที่แห่งพุทธลัทธิเต๋าเมื่อครั้งไปจุดธูปได้เช่นไร จากนั้นคุณหนูผู้นี้ตั้งครรภ์ หลานขององค์ฮ่องเต้จึงต้องแต่งหญิงสาวเข้าจวนในฐานะนางสนม นับจากนั้นก็ครองคู่กันไปยาวนาน

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท