หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 117 ก่อกบฏ (2)

ตอนที่ 117 ก่อกบฏ (2)

“ปล่อย” จูชูอวี้กัดฟันเอ่ยขึ้น

ชายผู้นั้นยักไหล่ ยอมปล่อยจูชูอวี้ไปดีๆ จูชูอวี้สูดหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะกล่าว “ในเมื่อคุณชายต้องการความร่วมมือที่จริงใจ เราก็ต้องคุยกันอย่างเปิดเผย มิเช่นนั้น ระหว่างเราสองคนก็คงต้องจบเพียงเท่านี้”

ชายผู้นั้นรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย “เจ้าต้องการความจริงใจอันใด”

จูชูอวี้เอ่ยตอบ “อย่างน้อย ข้าต้องรู้ว่าท่านเป็นใคร”

“แล้วเจ้าจะเสียใจ” เสียงของชายผู้นั้นดังขึ้นข้างหูจูชูอวี้ หัวใจของจูชูอวี้สั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ กัดฟันกดเสียงตอบไปเบาๆ “ไม่มีทาง”

“เช่นนั้น…ตามที่เจ้าปรารถนา” ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

อีกด้านหนึ่ง หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วไม่ได้กลับไปยังโรงน้ำชาหาเซี่ยเพ่ยหวนและซุนเหยียน ทว่าเว่ยจวินมั่วกับหนานกงมั่วนั้นกลับจวนฉู่กั๋วกงไปด้วยกัน แม้ข่าวลือจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่เว่ยจวินมั่วก็ยังคงไปมาจวนฉู่กั๋วกงอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ทุกคนรู้ว่าผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงนั้นไม่สนใจข่าวลือด้านนอกนั่นเลยแม้แต่เพียงเล็กน้อย มีใจมั่นคงจะแต่งกับคุณหนูใหญ่หนานกง

หนานกงไหวมีบุตรีเพียงสองคน เขาคิดว่าตนให้ความเท่าเทียมกับบุตรีเสมอ แต่สำหรับลูกเขยทั้งสองแล้วยังมีความแตกต่าง ทั้งสองกลับมาถึงจวนพอดีกับที่เซียวเชียนเยี่ยเองก็อยู่ด้วย พึ่งออกจากวัดหลังจากถูกสั่งให้ไปคุกเข่าสำนึกผิดมาได้ เซียวเชียนเยี่ยไม่ได้หยุดพักแต่กลับรีบตรงมาที่จวนฉู่กั๋วกงในทันที ดังนั้นจึงดูซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัดจนหนานกงซูเป็นห่วงน้ำตานองหน้า ลืมไปหมดสิ้นแล้วว่าตนเองต้องถูกส่งไปเป็นอนุภรรยา หนานกงไหวมองแล้วได้แต่ก่นด่าบุตรีของตนอยู่ในใจ โกรธจนหมดอารมณ์ ดังนั้นเมื่อเห็นเว่ยจวินมั่วเข้ามา ใบหน้าจึงเบิกบานขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน เทียบกับเซียวเชียนเยี่ยที่ดูไม่เดือดไม่ร้อนแล้วช่างดีกว่าหลายเท่าตัว

“ชิงสิงก็มาหรือ รีบเข้ามานั่งเร็ว”

ท่าทางกระตือรือร้นของหนานกงไหวทำให้หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วต่างตกใจ ทั้งสองมองสบตากันก่อนจะเดินมานั่งลง

เซียวเชียนเยี่ยมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดั่งน้ำแข็งของเว่ยจวินมั่ว รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา เมื่อก่อนเว่ยจวินมั่วไม่เคยอยู่ในสายตาของตน แม้จะเกรงใจเขาบ้างทว่าทำไปเพื่อไว้หน้าลุงทั้งสองของเว่ยจวินมั่วเพียงเท่านั้น แต่ช่วงนี้ตนช่างโชคร้ายเหลือเกิน ทว่าชีวิตของเว่ยจวินมั่วกลับเบ่งบานราวกับฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน ยามนี้เว่ยจวินมั่วยังจะได้ตบแต่งบุตรีคนโตของหนานกงไหวเป็นชายา มองท่าทางไม่พอใจของหนานกงไหวที่มีต่อตนเองแล้ว เกรงว่าต่อไปหากต้องพึ่งพ่อตาผู้นี้คงมิได้ คาดว่าคงต้องพึ่งเว่ยจวินมั่วแทน ทันใดความรู้สึกที่มีต่อบุตรชายคนอื่นๆ ของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องก็สั่นไหว เมื่อก่อนตนสนิทกับเว่ยจวินเจ๋อพวกนั้น นั่นเพราะคิดว่าจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่มีทางมอบตำแหน่งสืบทอดต่อให้เว่ยจวินมั่ว แต่ตอนนี้…ไม่ว่าต่อไปเว่ยจวินมั่วจะขึ้นเป็นจวิ้นอ๋องหรือไม่ เขาก็มีความสามารถเกินกว่าอำนาจของผู้สืบทอดแห่งจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแล้ว

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเชียนเยี่ยยิ่งจริงใจขึ้นมาก “ดูเหมือนความสัมพันธ์ของน้องชายและคุณหนูหนานกงจะดีมากทีเดียว ข้าอิจฉาไม่น้อย”

หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้น มองเซียวเชียนเยี่ยด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว ใครบ้างจะมิรู้ว่าจวิ้นอ๋องกับพระชายานั้นมีความรักลึกซึ้งเพียงใด ไม่เช่นนั้น แม้แต่น้องสาวซูเอ๋อร์ของพวกเราคงมิต้องเป็นเพียงนางกำนัลถวายตัวหรอกเพคะ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเชียนเยี่ยแข็งค้าง เอ่ยตอบ “แม่นางหนานกงมีอารมณ์ขันแล้ว นี่…เป็นพระประสงค์ของเสด็จปู่…”

หนานกงไหวส่งเสียงหยัน แม้จะเป็นรับสั่งของฝ่าบาท แต่หากไม่ใช่เพราะเซียวเชียนเยี่ยมัวแต่ลังเลซ้ายขวาจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หนานกงไหววางถ้วยในมือลง จากนั้นจึงกล่าว “ช่างเถิด เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เย่ว์จวิ้นอ๋องเลือกวันมาแล้วเราส่งซูเอ๋อร์ไปก็พอแล้ว”

ได้ยินเช่นนั้น หัวใจของเซียวเชียนเยี่ยก็หนักอึ้ง หนานกงไหวคิดจะทิ้งบุตรีอย่างหนานกงซูหรือ โหดร้ายเป็นที่สุด

หนานกงมั่วเอ่ยด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น “ที่แท้เย่ว์จวิ้นอ๋องก็มาคุยเรื่องการแต่งงานกับท่านพ่อหรอกหรือ” เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ต้องเป็นพระชายาจวิ้นอ๋องหรือพระชายารัชทายาทมาหรอกหรือ แม้ว่าฐานะของหนานกงซูในยามนี้ไม่จำเป็นต้องให้พระชายารัชทายาทหรือพระชายาจวิ้นอ๋องมาด้วยตนเอง ทว่าเซียวเชียนเยี่ยมาเองหมายความเช่นไรหรือ เกรงว่าเซียวเชียนเยี่ยจะไม่รู้จักหนานกงไหวผู้นี้เอาเสียเลย กล้าตบหน้าเขาถึงเพียงนี้ ต่อให้เจ้าทำดีเพียงใดเขาก็คงไม่หวงแหนหรอก ยิ่งไปกว่านั้นความดีของเซียวเชียนเยี่ยที่แสดงออกมาก็คงเป็นการเสแสร้งแกล้งทำทั้งนั้น

หนานกงไหวเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องเล็กน้อย เย่ว์จวิ้นอ๋องไม่จำเป็นต้องใส่ใจถึงเพียงนี้ ทว่ามั่วเอ๋อร์ อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงงานพิธีแล้ว ช่วงนี้ใส่ใจจัดเตรียมสินเจ้าสาวของเจ้าไปเถิด”

ชั่วครู่ ดวงตาสองคู่ก็มองมาที่หนานกงมั่วอย่างไม่เป็นมิตร หนานกงมั่วเองก็มิได้คิดจะใส่ใจที่หนานกงไหวสร้างศัตรูให้นาง ทำเพียงพยักหน้าแล้วตอบรับไปว่า “เจ้าค่ะ ท่านพ่อ”

เซียวเชียนเยี่ยคับแค้นใจ กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างทว่าพ่อบ้านกลับวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน เอ่ยขึ้นทันที “รายงานนายท่าน ฝ่าบาทเรียกพบด่วนขอรับ ยังมีจวิ้นอ๋องและซื่อจื่อด้วยขอรับ คนที่จวนของทั้งสองพระองค์เองก็มารายงาน ฝ่าบาทเชิญทั้งสองท่านเข้าวังโดยเร็วขอรับ” ทุกคนต่างตกใจ หนานกงไหวลุกขึ้นอย่างมึนงง “ข้ารู้แล้ว ข้าจะไปผลัดชุดเข้าวังเดี๋ยวนี้” เซียวเชียนเยี่ยและเว่ยจวินมั่วเองก็มิกล้าอยู่นาน เว่ยจวินมั่วพยักหน้าให้หนานกงมั่ว จากนั้นหมุนตัวเดินออกไป หนานกงมั่วเองก็มิได้เอ่ยอันใด ในใจรู้ว่าคงเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแล้ว

ทว่าหนานกงซูที่มองเห็นเซียวเชียนเยี่ยออกไปอย่างรีบร้อน ได้แต่หันมองไปยังหนานกงมั่วด้วยใบหน้ามึนงง จากนั้นจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไป

หนานกงไหวเข้าวังจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันใหม่แล้วจึงกลับมา ขณะเดียวกันก็นำข่าวอันน่าตกใจกลับมาด้วย จังติ้งฟังแม่ทัพในเฉินเหลียงกษัตริย์ฮั่นนำทัพก่อกบฏ เวลาไม่ถึงครึ่งเดือนก็สามารถเข้ายึดเอาจิ่นโจว เย่ว์โจว และเฉินโจวทั้งสามเมืองเอาไว้ได้ หูก่วงที่ปกครองทั้งสามเมืองยอมจำนนต่อศัตรู แม่ทัพผู้บัญชาการตายในสนามรบ อุปราชหูก่วงพ่ายแพ้และหลบหนีไป ยามนี้เดินทัพก่อกบฏเต็มกำลัง กำลังมุ่งหน้าเข้าใกล้จินหลิง

ความจริงนี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่มากนัก อย่างไรเสียราชวงศ์เซี่ยที่ยิ่งใหญ่ก็ก่อตั้งมากว่ายี่สิบปี วีรบุรุษที่ต่อสู้เคียงข้างกับฝ่าบาทในเวลานั้น แม้จะตายและหนีหายไปบ้าง แต่ที่เหลืออยู่ก็นับว่ามีอยู่ไม่น้อยทีเดียว มีอยู่หลายครั้งที่เกิดการก่อกบฏต่อต้านฝ่าบาท ทว่ากลับไม่มีครั้งใดยิ่งใหญ่เท่าครั้งนี้มาก่อน

จังติ้งฟังผู้นี้เมื่อครั้งนั้นเขาเป็นแม่ทัพข้างกายของฮั่นอ๋อง หากครั้งนั้นฮั่นอ๋องขึ้นครองราชย์ จังติ้งฟังผู้นี้ก็คงกลายเป็นฉู่กั๋วกงไปแล้ว หลังจากฮั่นอ๋องพ่ายแพ้ไป รัชทายาทไร้ความสามารถมิอาจสืบทอดต่อได้ จังติ้งฟังจึงท้อแท้และหนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า ทว่าไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะก่อกบฏเมื่อยี่สิบปีหลังจากนั้น

เซียวเทียนอวี้โกรธมากเมื่อเขาได้รับรายงานเรื่องนี้ มีรับสั่งให้หนานกงไหวนำทัพทหารกว่าสองแสนนายไปปราบกบฏ เมื่อยี่สิบปีที่แล้วหนานกงไหวยังนับว่าหนุ่มแน่นและมีความสามารถ นำทัพทหารได้ ตอนนี้ยี่สิบกว่าปีผ่านไปแล้ว วีรบุรุษเหล่านั้นเริ่มแก่ตัวลงไป หนานกงไหวยังคงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด สำหรับเรื่องนี้หนานกงไหวเองก็มิได้มีทีท่ายินดียินร้าย เขาเป็นฉู่กั๋วกงแล้ว ต่อให้ต่อสู้นำทัพดีเพียงใดตำแหน่งก็ไม่ขึ้นไปมากกว่านี้ เว้นเสียแต่เขาตายจากไป แล้วฝ่าบาทจะพระราชทานอวยยศให้เช่นนั้น ยามมีชีวิตอยู่ก็อยู่เป็นฉู่กั๋วกงเฉยๆ ค่อนข้างปลอดภัยกว่า แต่ว่าเขาเป็นแม่ทัพ อาศัยอยู่ที่เมืองจินหลิงมานานกว่าสิบปีจึงไม่ปฏิเสธเมื่อมีโอกาสออกไปขยับเขยื้อนร่างกาย ดังนั้นเมื่อมีรับสั่งออกมา หนานกงไหวจึงยังมีท่าทีสงบนิ่ง

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท