หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 118 ก่อกบฏ (3)

ตอนที่ 118 ก่อกบฏ (3)

หนานกงไหวนิ่งสงบ ทว่าจวนฉู่กั๋วกงกลับวุ่นวายแทบพลิกแผ่นฟ้า หนานกงซูและเจิ้งซื่อร้องห่มร้องไห้กังวลใจ จนหนานกงไหวรู้สึกโมโหขึ้นมา ไม่รู้คิดว่าเขาไม่ได้ไปออกรบทว่าถูกส่งไปตายมากกว่าหรือไม่ กวาดตามองภรรยาและบุตรี หนานกงไหวจึงเอ่ย “พอแล้ว ข้าไปปราบกบฏ มิได้จะไปตาย หลังจากข้าออกไป…เรื่องด้านนอกนั่นให้เป็นหน้าที่ของชวี่เอ๋อร์ ส่วนเรื่องในจวน…” มองหลินซื่อที่นั่งเงียบไม่ส่งเสียง หนานกงไหวส่ายหน้าอยู่ในใจ หันกลับไปมองเจิ้งซื่อ “เจ้ากับหลินซื่อช่วยกันดูแล”

เจิ้งซื่อพยักหน้ารับรัวเร็ว “เจ้าค่ะ ท่านพี่ ท่านวางใจเถิด ข้าจะดูแลจวนให้ดีมิให้ท่านต้องกังวลใจ”

หนานกงไหวจึงพยักหน้ารับ “อ้อ เรื่องของซูเอ๋อร์เอาไว้ก่อน ครั้งนี้หวงจั่งซุนเองก็ไปกับข้า”

“อะไรนะเจ้าคะ” หนานกงซูร้องตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ “หวงจั่งซุน…หวงจั่งซุนจะไปที่ที่อันตรายเช่นนั้นได้เยี่ยงไรกัน”

หนานกงไหวขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาเองก็ไม่อยากเอาหวงจั่งซุนไปด้วย แต่ฝ่าบาทและรัชทายาทยืนยันให้เขาพาหวงจั่งซุนไปเรียนรู้เรื่องการออกรบ คงเพราะฝ่าบาทขัดหูขัดตาที่วันๆ หวงจั่งซุนหมกมุ่นอยู่แต่กับสตรีจึงอยากโยนออกไปฝึกฝนในสนามรบเสียบ้าง แต่เขาหนานกงไหวก็มิใช่พี่เลี้ยงเด็ก เมื่ออยู่ในสนามรบใครจะว่างมาสนใจความเป็นความตายของหวงจั่งซุนกันเล่า

“รับสั่งของฝ่าบาท เจ้าตั้งข้อสงสัยได้หรือ” หนานกงไหวเอ่ยอย่างไม่พอใจ หันไปมองหนานกงมั่วพลางเอ่ยขึ้น “ชิงสิงก็ไป เจ้าวางใจได้เขาเคยออกรบมาแล้ว ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

หนานกงไหวไม่ยินดีที่ต้องพาหวงจั่งซุนไปออกรบด้วย แม้หลายปีมานี้บ้านเมืองเริ่มสงบขึ้นก็จริง ทว่าลูกหลานขององค์ฮ่องเต้เหล่านั้นย่อมมิเคยต้องอดทนต่อความลำบากในเขตชายแดน ดังนั้นเมื่อถึงคราวมีสงครามเล็กๆ น้อยๆ ครั้งใดจึงมักถูกส่งเข้าไปร่วมด้วย เพื่อให้ฝึกฝนฝีมือทางทหารเสียบ้าง ครั้งนี้ฝ่าบาทยังมีรับสั่งด้วยตนเอง พูดให้สวยงามก็คือทั้งสองคนล้วนเป็นลูกเขยของเขา ให้ไปกับเขาจะได้วางใจ

หนานกงมั่วประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็รู้สึกสมเหตุสมผล ชาติกำเนิดของเว่ยจวินมั่วเป็นเช่นนั้นทว่ากลับทำให้ฝ่าบาทไว้วางใจได้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเขาเป็นโอรสขององค์หญิงฉังผิงอย่างแน่นอน นางจำได้ว่าเว่ยจวินมั่วเคยบอกว่าเขาเคยนำทัพออกรบด้วยตนเองเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาคุ้นเคยกับสนามรบเป็นอย่างดี หนานกงมั่วพยักหน้าลงเบาๆ พลางเอ่ยถาม “ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อจะออกเดินทางเมื่อใดหรือเจ้าคะ”

หนานกงไหวเอ่ยตอบ “สงครามเร่งด่วน พรุ่งนี้เช้าก็ต้องออกเดินทางแล้ว”

“ท่านพ่อ ลูกก็อยากไปด้วยขอรับ” หนานกงฮุยเอ่ยขึ้นมากะทันหัน

หนานกงไหวชะงัก เอ่ยตอบ “เหลวไหล เจ้าจะไปทำไมกัน”

หนานกงฮุยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย กล่าวว่า “ลูกไร้ความสามารถด้านการศึกษา คิดว่าคงสอบขุนนางไม่ผ่านแน่ มิสู้เริ่มเดินสู่ด้านการทหารจะดีกว่า”

หนานกงไหวมองเขาแล้วเอ่ยขึ้น “ตอนนี้อยากเปลี่ยนมาทางทหาร มันสายไปแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ยามที่เจ้าลงมือต้องสูบเงินไปกี่ตำลึง” หนานกงฮุยชะงัก สายตาสับสนขณะมองไปยังเจิ้งซื่อ กัดฟันเอ่ยตอบ “ข้าไปเป็นทหารเล็กๆ น่าจะได้ อยู่ในสนามรบ รับผิดชอบตนเอง ต่อให้ต้องตายในสนามรบ ข้าจะไม่โทษใครเลย”

“ฮุยเอ๋อร์” หนานกงชวี่ขมวดคิ้วมองหนานกงฮุย หนานกงฮุยชะงัก หันกลับไปมองสีหน้าของหนานกงชวี่ จากนั้นจึงทำเพียงมองหนานกงไหวนิ่งๆ

หนานกงไหวเงียบไปเนิ่นนาน เอ่ยถามขึ้น “เจ้าตัดสินใจแน่แล้วหรือ”

หนานกงฮุยพยักหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “ลูกตัดสินใจแล้วขอรับ”

เนิ่นนานจากนั้นหนานกงไหวจึงถอนหายใจออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ครั้งนี้เจ้าก็ไปกับข้าเถิด”

“ท่านพ่อ” หนานกงชวี่ขมวดคิ้ว “ฮุยเอ๋อร์ไม่เคยฝึกวรยุทธ์ ไร้ประสบการณ์ในสนามรบ…”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ หนานกงไหวเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่ง บุตรชายทั้งสองของตนกลับมิได้เรียนรู้การออกรบ ต้องกล่าวว่านี่นับเป็นเรื่องประหลาดทีเดียว ครั้งที่แล้วได้พบกับผู้สืบทอดเอ้อกั๋วกง แม้จะไม่ได้มีฝีมือสูงส่ง แต่ดูออกถึงความแข็งแรง มีวรยุทธ์ เห็นได้ชัดว่าผ่านการฝึกฝนมาไม่เบา

หนานกงฮุยเอ่ยเสียงเข้ม “พี่ใหญ่ ข้าอยากไป ข้าไม่เหมือนกับพี่ใหญ่ ข้าไม่สนใจหนังสือหรือเรื่องในราชสำนัก”

หนานกงชวี่มองสายตามุ่งมั่นของน้องชาย ถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก

หนานกงไหวโบกมือ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เอาตามนี้ พรุ่งนี้ฮุยเอ๋อร์ออกไปพร้อมกับข้า”

เจิ้งซื่อเช็ดน้ำตา “ข้าจะไปเก็บของให้ท่านพี่”

หนานกงซูเม้มริมฝีปากพลางเอ่ย “ข้าอยากไปพบหวงจั่งซุน”

หนานกงไหวคร้านจะสนใจนาง หมุนตัวแล้วเดินออกไป

เมื่อเดินออกมา ขณะที่หนานกงมั่วและหนานกงฮุยเดินเคียงข้างกัน หนานกงฮุยมองน้องสาวแล้วเอ่ยขึ้น “มั่วเอ๋อร์ พี่ชายต้องไปออกรบแล้ว เจ้าอยู่ที่บ้านระวังตัวด้วย รอถึงวันพิธีแต่งงานของเจ้า พี่ชายและท่านพ่อจะต้องเอาชัยชนะกลับมาได้อย่างแน่นอน” หนานกงมั่วยิ้มบางๆ “พี่รองต่างหากที่ต้องระวัง” เงยหน้ามองหนานกงฮุย แม้หนานกงฮุยจะไม่ได้แข็งแรงมาก ทว่าร่างกายนับว่าไม่เลว สูงกว่าพี่ชายอย่างหนานกงชวี่ที่อายุมากกว่าเขา เพียงแต่น่าเสียดาย เขาไม่เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อน เพียงร่างกายของเขามีพื้นฐานดีกว่านักเรียนอื่นทั่วไปก็เท่านั้น คนเช่นนี้หากไปอยู่ในสนามรบ ไม่แปลกเลยที่หนานกงชวี่จะไม่วางใจ

“พี่รอง…พี่กับพี่ใหญ่ทำไมถึงไม่ได้ฝึกวรยุทธ์หรือ” หนานกงมั่วถามอย่างแปลกใจ เป็นถึงลูกของแม่ทัพ ต่อให้หนานกงไหวไม่ใส่ใจเยี่ยงไรก็คงมิห้ามให้บุตรชายฝึกวรยุทธ์ หรือว่าหนานกงชวี่กับหนานกงฮุยมิได้มีความสนใจเช่นนั้นหรือ

หนานกงฮุยกล่าวตอบ “เจ้าลืมแล้วหรือ เมื่อครั้งยังเด็กท่านพ่อมักจะไปออกรบอยู่ด้านนอก และตอนเด็กร่างกายข้าก็ไม่แข็งแรง จึงเสียเวลาไปมากโข ต่อมา…พอโตขึ้นอีกหน่อยก็รู้สึกว่าวรยุทธ์นั้นลำบากเกินไป…” หนานกงฮุยเอ่ยขึ้นอย่างเขินอาย “พี่ใหญ่…ตอนเด็กพี่ใหญ่ฝึกวรยุทธ์ เขาได้รับบาดเจ็บตอนอายุสิบเอ็ด จากนั้นก็ฝึกไม่ได้อีกแล้ว”

หนานกงมั่วชะงัก พึ่งรื้อฟื้นความทรงจำเรื่องนี้ขึ้นมาได้บ้าง นางเติบโตมาในเรือนจี้ชั่งจึงมิได้สนิทสนมกับพี่ชายทั้งสองมากเพียงใด และร่างกายของมารดานับวันยิ่งแย่ลง สองปีสุดท้ายนั่นนับว่าฝืนชะตาชีวิตเพื่ออยู่ต่อ พี่ใหญ่บาดเจ็บหนักน่าจะเป็นเรื่องหนึ่งปีก่อนมารดาจะสิ้นใจ เขาได้รับบาดเจ็บในการล่าสัตว์ ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดถูกหามออกมาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น มารดาทราบข่าวก็กระอักเลือดทันใด ทว่าแม้แต่กำลังแรงจะลุกขึ้นไปดูพี่ใหญ่ด้วยตนเองก็ยังไม่มี สองเดือนหลังจากนั้นพี่ใหญ่จึงเริ่มดีขึ้น ตั้งแต่ครั้งนั้นจึงละทิ้งการฝึกวรยุทธ์หันหน้าเข้าหาการศึกษาเล่าเรียนแทน ในครั้งนั้นคล้ายกับท่านแม่ทะเลาะกับหนานกงไหวอย่างรุนแรง และหลังจากนั้นร่างกายของมารดาก็ทรุดลงทุกวัน และเสียชีวิตลงในเวลาหนึ่งปีกว่า

หนานกงฮุยตบไหล่หนานกงมั่วเบาๆ “ตอนเจ้ายังเด็กอยู่แต่ในเรือนจี้ชั่ง ตอนนั้นยังเด็กมากเลยด้วย จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องธรรมดา”

หนานกงมั่วพยักหน้า หยิบขวดยาสองขวดออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นส่งให้เขาพลางเอ่ย “ในสงครามมีดไร้ดวงตา พี่รอง…ระวังตัวด้วย”

หนานกงฮุยมองดูเป็นยาที่ดีที่สุดทั้งนั้น รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ รับมาแล้วเอ่ยตอบกลับว่า “มั่วเอ๋อร์วางใจ พี่รองจะระวังตัว”

ในกลางดึก ขณะหนานกงมั่วกำลังนั่งอ่านหนังสือ ความรู้สึกคุ้นเคยปรากฏขึ้นในห้อง หนานกงมั่วหันไปมองก็เห็นเว่ยจวินมั่วมายืนอยู่ที่หน้าประตูและกำลังมองมาที่ตน

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท