หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 138 ปัญญาของเมิ่งเย่ว์ (1)

ตอนที่ 138 ปัญญาของเมิ่งเย่ว์ (1)

ช่างงดงามล่มเมืองอย่างแท้จริง

เด็กสาวผู้นั้นอายุไม่มาก ดูแล้วไม่น่าจะเกินสิบหกหรือสิบเจ็ดปี ดวงตาพราวระยับราวกับดวงดาวดูอ่อนโยน คิ้วงามโค้งดั่งขุนเขา ริมฝีปากอิ่มดุจลูกท้อ ไม่ได้งดงามถึงที่สุด ทว่ากลับมองหาจุดบกพร่องไม่เจอ ต่อให้เป็นคนจู้จี้จุกจิกเพียงใดก็คงหาจุดที่ไม่สมบูรณ์แบบบนใบหน้าของนางมิได้ ความอ่อนหวานของเด็กสาวแตกต่างไปจากจอมยุทธ์หญิงในยุทธภพทั่วไป ทำให้คนแทบอยากนำเอาทุกอย่างที่มีมากองไว้ตรงหน้า เพียงเพื่อให้ได้เห็นรอยยิ้มของนาง

ไม่นาน หญิงสาวปิดผ้าคลุมกลับไปอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันถอนหายใจ จับจ้องไปยังหญิงสาวในอาภรณ์สีเขียวผู้นั้น มิสามารถถอนสายตาไปได้

“หญิงงามอันดับหนึ่ง” จินผิงอี้เอ่ยเสียงกระซิบ หันกลับไปหาหนานกงมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้าง “แม่นางเมิ่ง เจ้าเห็นว่าเช่นไร”

หนานกงมั่วถอนหายใจ เอ่ยชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง “งดงามล่มเมือง”

“ได้หญิงงามเพียงนี้ ต่อให้ล่มเมืองแล้วอย่างไรเล่า” จินผิงอี้เอ่ย

หนานกงมั่วยกยิ้มมุมปาก “เช่นนั้นก็ขอให้เจ้าสำนักจินได้กอดหญิงงามกลับไปด้วย” ล่มเมืองแล้วอย่างไรงั้นหรือ บนโลกใบนี้จะมีใครสักกี่คนที่ยอมล่มเมืองเพื่อหญิงงามด้วยหรือ หญิงงามล่มเมืองที่กล่าวถึงกันนั้น ล้วนเป็นเพราะบุรุษที่มักมากในกามเสียมากกว่า หากจะบอกว่าพวกเขาเต็มใจละทิ้งอำนาจเพื่อหญิงงามด้วยความยินดีแล้วล่ะก็ ยิ่งเป็นคนในยุทธภพแบบจินผิงอี้เช่นนี้ยิ่งไม่น่าเชื่อถือเข้าไปใหญ่ ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรจะทิ้งอย่างไรก็ได้เลยหรือ นั่นเพราะเจ้ายังมิมีความยิ่งใหญ่ต่างหาก ดังนั้นจึงเอ่ยได้อย่างง่ายดาย

แววตาของจินผิงอี้วาววับ “ความจริงแม่นางเมิ่งก็งดงามไม่น้อย”

สตรีชุดดำตรงหน้าก็งดงามเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาทำให้รู้สึกว่าควบคุมได้ยากเท่านั้น สำหรับคนในยุทธภพแล้ว แน่นอนว่าสตรีอ่อนโยนบอบบางย่อมน่าสนใจมากกว่าสตรีที่แข็งแกร่ง สตรีที่เก่งกาจเกินไปนั้นยากต่อการรับมือ เช่นนี้แล้วไม่ว่าจะงดงามเพียงใดก็ต้องลดบทบาทลงสักสามส่วน แต่สตรีชุดดำผู้นี้แตกต่างออกไป มักรู้สึกว่านางแตกต่างและโดดเด่นทว่าไม่สามารถกล่าวบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ หากมิมีผ้าคลุมใบหน้า เกรงว่าคงเป็นที่ดึงดูดสายตาอยู่ไม่น้อยทีเดียว

“เจ้าสำนักชมเกินไปแล้ว” หนานกงมั่วยิ้มบางๆ

เมื่อได้เห็นของล้ำค่าและหญิงงามไปแล้ว สีหน้าของทุกคนจึงดูฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ทว่าเมื่ออยู่ในหมู่บุรุษ สตรีชุดดำที่มีผ้าคลุมใบหน้านั้นดูโดดเด่นขึ้นมาทันใด ทว่านางมากับจินผิงอี้ ทุกคนจึงคิดว่านางคือคนของจินผิงอี้หรือเป็นยอดฝีมือที่ถูกเชิญมา จึงมิได้ให้ความสนใจมากนัก ทำให้หนานกงมั่วผ่อนคลายลงมาได้บ้าง

ในบรรดาผู้ที่อยู่ตรงนี้ จินผิงอี้นับว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอำนาจ ดังนั้นจึงให้เขาเป็นตัวแทนเอ่ยปาก “แม่ทัพจัง ไม่ทราบว่าท่านมีแผนการเยี่ยงไร”

จังติ้งฟังเผยยิ้ม “แผนการ แน่นอนว่าย่อมต้องมีอยู่ เจ้าสำนักจินวางใจก็เพียงพอแล้ว เพียงแต่…หนานกงไหวเป็นถึงแม่ทัพของราชวงศ์เซี่ยที่ยิ่งใหญ่ คงไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ เช่นนี้แล้ว คงต้องขอให้ทุกท่านร่วมมือกันจึงจะเป็นไปได้” เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนจึงขมวดคิ้วขึ้นมา ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น “ดาบหงหมิงนั้นมีชิ้นเดียว หญิงงามก็มีผู้เดียว แม่ทัพจังเอ่ยเช่นนี้หมายความเช่นไรหรือ”

จังติ้งฟังเอ่ย “ดังที่ทุกท่านทราบ ครั้งนี้มิใช่เพียงทุกท่านที่มาเฉินโจว คนในยุทธภพส่วนหนึ่งก็เข้าร่วมกับหนานกงไหวเพื่อช่วยเขา ต่อให้หนานกงไหวมิได้มีวรยุทธ์สูงส่ง ทว่าทุกท่านมั่นใจหรือว่าจะจัดการได้ด้วยตนเองตามลำพัง”

เอ่อ… ทุกคนต่างนิ่งเงียบไป ความจริงแล้วในระหว่างทางพวกเขาเองก็เคยได้ยินมาว่ามีหลายสำนักที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชวงศ์ ได้ส่งยอดฝีมือมาช่วยเหลือ ตลอดการเดินทางยังมีการต่อสู้มาตลอดทาง แต่ว่าหากต้องแบ่งของล้ำค่ากับผู้อื่นก็ยากที่จะยอมได้ ยิ่งไปกว่านั้นดาบหงหมิงและหญิงงามก็ไม่มีวิธีแบ่งได้

จังติ้งฟังมองไปรอบๆ ยิ้มออกมา “ทุกท่านโปรดวางใจ แม้ข้าจะเชิญผู้คนมามากมาย แน่นอนว่าย่อมไม่ยอมให้ทุกท่านต้องกลับไปมือเปล่า ผู้ที่ได้ศีรษะของหนานกงไหวมาแน่นอนว่าจะได้ดาบหงหมิงไป แต่คนอื่นๆ ก็ย่อมได้รับมอบของรางวัลตามความร่วมมือ ขอเพียงกองทัพของข้าเข้าพิชิตจินหลิงได้ ทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้จะได้รางวัลเป็นเงินหมื่นตำลึงทอง หรืออยากรับตำแหน่งขึ้นเป็นใหญ่ก็เป็นไปได้”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ที่แท้จังติ้งฟังไม่ได้เชิญทุกคนมาเพียงเพราะศีรษะของหนานกงไหว เป้าหมายที่แท้จริงก็คือการหายอดฝีมือมาเป็นแนวร่วม เมื่อครั้งกษัตริย์ฮั่นพ่ายแพ้ไป คนใต้ปกครองล้วนล้มตายและมีอำนาจลดลงไป แม้จะมีบางครั้งที่มีบางคนคอยหาโอกาสดังเช่นจังติ้งฟังอยู่ก็ตามที ทว่าก็มีอายุมากแล้ว ความทะเยอทะยานที่เคยมีจึงกลับลดลง หากต้องการชาวบ้านทั่วไปมานำทัพคงยากทีเดียว แต่การเรียกจอมยุทธ์ในยุทธภพนั้นนับเป็นเรื่องง่ายกว่ามาก

เมื่อได้ยินที่จังติ้งฟังบอก ทุกคนจึงอยู่ไม่นิ่ง พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ ตามหลักแล้วไม่ควรยุ่งเรื่องราชสำนัก แต่บรรดาชนชั้นสูงในราชสำนักยามนี้มีใครบ้างที่เมื่อสิบปีก่อนไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วยังห่างไกลอยู่มาก จะมีสักกี่คนที่เป็นจอมยุทธ์ในครั้งนั้น วันนี้เห็นบรรดากลุ่มคนไม่เข้าตาพวกนั้นได้มีอำนาจสูงส่ง ไยพวกเขาจะไม่รู้สึกผิดหวังและตกต่ำ ต่อให้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพเพียงใด ไหนเลยจะสู้เปล่งประกายในราชสำนักได้

จินผิงอี้เองก็รู้สึกใจเต้นแรง แต่เขาไม่รีบร้อนเช่นจอมยุทธ์พวกนั้น ทว่ากลับเอ่ยถามกลับไป “ท่านแม่ทัพกล่าวเช่นนี้…ข้าจะมั่นใจในการศึกครั้งนี้ว่าท่านจะชนะได้เช่นไร อย่างไรเสีย เมื่อครั้งนั้นหนานกงไหวเองก็เป็นแม่ทัพอันดับหนึ่ง” หากจังติ้งฟังสามารถจัดการกับหนานกงไหวได้ง่ายๆ คงไม่โปรยเงินจำนวนมากเพื่อหลอกล่อบรรดาจอมยุทธ์มากมายถึงเพียงนี้ ในจุดนี้จินผิงอี้มองเห็นได้อย่างชัดเจน

จังติ้งฟังหัวเราะ “เรื่องนี้เจ้าสำนักจินวางใจได้ เจ้าสำนักจินคิดว่า…ยามนี้ที่กองทัพยังนิ่งสงบอยู่ได้เพราะข้าเกรงกลัวต่อหนานกงไหวอย่างนั้นหรือ”

จินผิงอี้เลิกคิ้ว จังติ้งฟังกลับไม่เอ่ยอันใดมากไปกว่านั้น ในห้องโถงนี้ไม่ใช่สถานที่ที่จะเอ่ยเรื่องการสู้รบ ยิ่งไปกว่านั้นจินผิงอี้ก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องพวกนี้ จินผิงอี้เองก็เข้าใจหลักการดังกล่าวจึงไม่เอ่ยถามสิ่งใดอีก เพียงยิ้มและก้มหน้าดื่มเหล้าในจอก

บรรดาจอมยุทธ์ในห้องโถงต่างพากันสุมหัวถกเถียง ไม่นานก็มีคนตอบตกลงกับจังติ้งฟัง หนานกงมั่วเงยหน้าหันไปมอง ล้วนเป็นเหล่าจอมยุทธ์ผู้สันโดษ ไม่มีอำนาจใดๆ คนเช่นนี้แน่นอนว่ามีประโยชน์ ทว่ากลับไม่มีความสำคัญเท่าจินผิงอี้ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ ดังนั้นแม้จังติ้งฟังจะดีใจ ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้ากลับยังดูสงวนท่าทีอยู่

“รายงานท่านแม่ทัพ ท่านกงมาแล้วขอรับ” ทางด้านนอก นายทหารรายหนึ่งกำลังรายงานด้วยท่าทีนอบน้อม

จังติ้งฟังได้ยินดังนั้น ใบหน้าจึงเผยความยินดีออกมา เอ่ยขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ท่านกงมาแล้วหรือ เร็ว รีบเชิญท่านกงเข้ามา”

เห็นท่าทางยินดีของเขา ทุกคนจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่าท่านกงผู้นี้เป็นผู้วิเศษมาจากแห่งหนใดกัน จังติ้งฟังเองก็ไม่คิดปิดบัง เอ่ยอธิบาย “ข้าเชิญคนผู้หนึ่งมาให้ทุกท่านได้เจอ ท่านนี่คือกุนซือ[1]ของข้า อีกทั้ง…ยังเป็นนักปราชญ์ผู้มีความเชี่ยวชาญการรบเป็นอย่างยิ่ง มีเขาแล้วข้ายังต้องกลัวหนานกงไหวอีกหรือ”

———————————————————-

[1] กุนซือ เสนาธิการทางทหาร / ที่ปรึกษาของแม่ทัพ

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท