“ไม่มีถ้าหาก”
เสียนเกอยิ้มเย็น เอ่ยต่อจากประโยคที่ถูกเขาเอ่ยขัดขึ้น “ท่านคงจะพอรู้ ผลของการโกหกคุณชายเสียนเกออย่างข้า”
หนานกงมั่วทำกับข้าวอยู่ในห้องเล็กด้านหลังพลางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวด้านนอก ยิ้มขืนออกมาอย่างจนปัญญา นางจัดการสถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นจริงๆ คงต้องปล่อยไปตามที่มันควรจะเป็น ได้แต่หวังว่าทั้งสองจะมีเหตุผลสักหน่อย หลายวันมานี้…ศิษย์พี่คิดแกล้งให้เว่ยจวินมั่วต้องลำบากก็คงพอใจอยู่บ้างแล้วใช่หรือไม่ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หนานกงมั่วลังเลชั่วครู่ จึงตัดสินใจทำอาหารที่เว่ยจวินมั่วชอบทั้งสองอย่าง
ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น หนานกงมั่วหันกลับไปเห็นเว่ยจวินมั่วเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ท่านมาทำไมกัน”
เว่ยจวินมั่วมองเห็นตรงหน้านางมีผักนานาชนิดวางอยู่ “ให้ข้าช่วยเจ้านะ” รับหน้าที่ล้างผักไปอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อครั้งไปตานหยาง เว่ยจวินมั่วพักที่บ้านของหนานกงมั่วอยู่หลายวัน กับเรื่องเหล่านี้นับว่าคุ้นเคยไปแล้ว ครั้งแรกที่ถูกใช้ล้างผัก เว่ยซื่อจื่อมีอาการตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นหญิงสาวในอาภรณ์สีฟ้ายืนทำกับข้าวอยู่ด้านข้าง ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
หนานกงมั่วมองท่าทางของเขา เม้มริมฝีปากแน่นทว่ากลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ได้ ห้องครัวเล็กพลันคับแคบไปด้วยคนทั้งสอง เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างเบียดกันเล็กน้อย ทว่ากลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา หนานกงมั่วหันไปมองเขา เอ่ยถาม “บาดเจ็บหนักหรือ”
“ไม่ได้บาดเจ็บ” เว่ยจวินมั่วลังเลชั่วครู่ เอ่ยตอบอีกครั้ง “ไม่หนัก บาดแผลด้านนอก”
หนานกงมั่วเข้าใจทันใด เว่ยจวินมั่วไม่กลับไปมิใช่เพราะได้รับบาดเจ็บ แต่เพราะถูกศิษย์พี่ยื้อเวลาไม่ยอมให้เขากลับ ขณะมือวุ่นวายกับการทำอาหาร หนานกงมั่วก็เอ่ยว่า “ศิษย์พี่มิใช่คนไม่ดี เขาเพียงเป็นห่วงข้า แต่ครั้งนี้…” ครั้งนี้ศิษย์พี่บังคับให้เว่ยจวินมั่วอยู่ที่นี่ แม้แต่ข่าวคราวก็ไม่ส่ง ถือว่าเกินไปมากจริงๆ ถ้าหากคนคนนั้นมิใช่ศิษย์พี่ล่ะก็ นึกถึงความร้อนใจตลอดหลายวันที่ผ่านมาแล้วหนานกงมั่วคงอดไม่ได้ต้องซัดเขาไปหลายหมัด
“ข้ารู้” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ หากมิใช่เพราะเขารู้ว่าเสียนเกอเป็นศิษย์พี่ของอู๋สยา เสียนเกอคิดกักตัวเขาเอาไว้คงมิใช่เรื่องง่าย อีกทั้ง เดิมทีเขาเองก็ไม่คิดจะกลับไปเร็วเพียงนั้น เพียงแต่เสียนเกอไม่ยอมให้เขาส่งข่าวให้อู๋สยาจึงทำให้เขาไม่พอใจอยู่บ้างเท่านั้นเอง
หนานกงมั่วแปลกใจ เอ่ยถาม “มีแผนการใดหรือไม่” ดูท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนของเว่ยจวินมั่วก็รู้แล้วว่าเขาไม่คิดรีบกลับไป เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ เอ่ยตอบ “เรื่องของยุทธภพปล่อยให้เป็นเรื่องของยุทธภพจะดีกว่า หากปล่อยให้สำนักธาราเข้ามายุ่งกับสงคราม จะมีตัวแปรมากเกินไป”
“ท่านต้องการเอาคืนกงอวี้เฉินหรือ” หนานกงมั่วพึมพำ “ศิษย์พี่มิได้ทำให้ท่านเสียเวลาใช่หรือไม่”
เว่ยจวินมั่วส่ายหน้าเงียบๆ หันกลับมามองหญิงสาวงดงามที่กำลังทำกับข้าวอยู่ด้านข้าง ดวงตาของเว่ยจวินมั่วเผยรอยยิ้มออกมา แม้จะถูกเสียนเกอโผล่เข้ามาทำแผนการวุ่นวายไปบ้าง แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกขอบคุณเสียนเกอเสียแล้ว หากมิใช่เพราะเสียนเกอยื่นมือเข้ามายุ่ง หนานกงมั่วจะลืมไต่ถามเรื่องที่เขาตั้งใจตกน้ำไปได้เช่นไร
รอจนทั้งคู่ยกอาหารออกมา บนโต๊ะเหลือเพียงจดหมายที่เสียนเกอทิ้งไว้และห่อยาสำหรับเว่ยจวินมั่ว ตัวคุณชายเสียนเกอได้หนีหายไปนานแล้ว ในจดหมาย คุณชายเสียนเกอบอกว่าศิษย์น้องมีคู่หมั้นแล้ว ไม่สนใจศิษย์พี่ผู้นี้ ศิษย์พี่เสียใจมาก ไม่อยากอยู่ให้ขัดหูขัดตา และยังบอกอีกว่ารอถึงพิธีแต่งงานของนาง เขาจะมาร่วมงานด้วย หากเว่ยซื่อจื่อทำสิ่งใดไม่ดีต่อศิษย์น้อง ยาพิษพันหมื่นชนิดจะเอาไปโปรยทิ้งให้ทั้งครอบครัวของเขา
“…” คุณชายเสียนเกอผู้อ่อนโยนเอ่ยวาจาโหดเหี้ยมเช่นนี้ หากคนอื่นได้เห็นตัวตนจริงๆของหมอเทวดาอย่างเขาคงได้ตกใจ
หนานกงมั่วหัวเราะออกมา เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้ทำไม ข้ารู้สึกว่าอีกไม่นานเราก็จะได้เจอศิษย์พี่แล้ว”
“…” ข้าไม่อยากเจอเขาสักนิด
วิธีการที่เว่ยจวินมั่วเอาคืนกงอวี้เฉินทั้งง่ายดายและป่าเถื่อน เขามิได้ไปสร้างความวุ่นวายให้แก่กงอวี้เฉินตรงๆ ทว่าสั่งให้คนของวังจื่อเซียวโจมตีฐานที่มั่นของสำนักธารา ยามนี้คนรู้ข่าวของเว่ยจวินมั่วมีพวกลิ่นฉังเฟิงเพียงไม่กี่คน ดังนั้นวังจื่อเซียวจึงให้เหตุผลอันแปลกประหลาดในการโจมตีหอธารา
เจ้าสำนักหอธาราลอบทำร้ายคุณชายจื่อเซียว
ดังนั้น เจ้าสำนักกงจึงมุมปากกระตุกอย่างห้ามไม่ได้ หากเขาลอบทำร้ายเว่ยจวินมั่วจริงๆ ก็ดีสิ ปัญหาก็คือแม้แต่เว่ยจวินมั่วอยู่ที่ไหนเขาเองก็ยังไม่รู้ สำนักธารากำลังถูกบีบบังคับให้เปิดศึกกับวังจื่อเซียวแล้ว
อำนาจของหอธารามิใช่ของกงอวี้เฉินทั้งหมด แต่แน่นอนว่าเขามีอำนาจส่วนใหญ่ เป็นเรื่องธรรมชาติที่เรื่องของตนเองสำคัญกว่าคนอื่นเสมอ ดังนั้นกงอวี้เฉินจึงจำต้องทิ้งจังติ้งฟังเพื่อมารับศึกด้านเดียวจากวังจื่อเซียว เพราะเจ้าสำนักวังจื่อเซียวไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตอบโต้ มีเพียงคำเดียวเท่านั้น ก็คือ…บุก
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของหอธาราแน่นอนว่าจังติ้งฟังย่อมไม่มีทางไม่รู้ ตอนที่เขารีบร้อนตรงมายังห้องของกงอวี้เฉินก็พบว่ากงอวี้เฉินกำลังเก็บของเตรียมตัวจากไป เมื่อเห็นดังนั้น จังติ้งฟังจึงร้อนใจขึ้นมา “ท่านกง นี่ท่าน…”
กงอวี้เฉินยักไหล่อย่างจนปัญญา “หอธาราเกิดเรื่อง ข้าอยู่นานไม่ได้”
“เอ่อ…แล้วจะทำเช่นไรดีเล่า ข้ายังต้องพึ่งพาท่านนะ” จังติ้งฟังรีบเอ่ย “ข้ามีวันนี้ได้ก็เพราะท่าน หากท่านไปแบบนี้…” กงอวี้เฉินถอนหายใจ “แม่ทัพจังกล่าวเกินไปแล้ว น่าเสียดายที่เรื่องมาถึงตรงนี้แล้วคงทำสิ่งใดไม่ได้ แต่ยามนี้เว่ยจวินมั่วไม่อยู่ที่กองทัพ ขอเพียงท่านแม่ทัพเอาจอมยุทธ์เหล่านี้อยู่ ไยจะไม่มีโอกาสชนะได้เล่า อาการบาดเจ็บของหนานกงไหวไม่มีทางหายได้ในสองสามเดือน ราชสำนักจำต้องเปลี่ยนตัวแม่ทัพ ท่านแม่ทัพยังต้องกังวลอันใดอีก”
เมื่อฟังคำที่เขาเอ่ย จังติ้งฟังจึงวางใจขึ้นมาได้บ้าง ความจริงเรื่องการออกรบเขาไม่จำเป็นต้องขอความเห็นจากกงอวี้เฉิน แต่หลายปีมานี้หากมิใช่เพราะกงอวี้เฉินคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง เขาไม่มีทางยึดหูก่วงมาได้เร็วถึงเพียงนี้ ยามนี้กงอวี้เฉินกำลังจะจากไปแล้วจึงรู้สึกแอบกังวลอยู่ในใจ ความจริงพวกเขาเคยได้พูดคุยถึงแผนการในอนาคตกันไปแล้ว ต่อให้กงอวี้เฉินหายไปสองสามเดือนก็ไม่เป็นไร
จังติ้งฟังรู้สึกมั่นใจขึ้นมาจึงพยักหน้า กล่าวอวยพร “เช่นนี้ก็ขอให้ท่านสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หวังว่าท่านกงจะได้กลับมาในเร็ววัน”
กงอวี้เฉินยิ้มบาง “ท่านแม่ทัพวางใจก็พอแล้ว ลำบากท่านแม่ทัพดูแลอู๋ซินมาหลายปี ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีวันทอดทิ้งนาง ต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
กล่าวถึงจังอู๋ซิน จังติ้งฟังได้แต่ถอนหายใจ เอ่ยตอบ “หลายวันมานี้อู๋ซินดูไม่มีความสุข เกรงว่าคง…ไม่พอใจ…เจ้าสำนักจินใช่หรือไม่ พวกเรา…” จังติ้งฟังไม่มีลูก ดังนั้นจึงรักจังอู๋ซินที่เป็นลูกบุญธรรมอยู่บ้าง เห็นนางไม่มีความสุขหากต้องแต่งกับจินผิงอี้ก็รู้สึกสั่นไหวอยู่ในใจ
กงอวี้เฉินยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ผู้ที่จะประสบผลสำเร็จไม่ควรคิดลังเล ในเมื่อท่านให้สัญญาไปแล้วในเรื่องนี้ ต่อให้มิใช่เจ้าสำนักจินทว่าเป็นจอมยุทธ์คนอื่นๆ ก็คงกลับคำไม่ได้ มิเช่นนั้นใครจะยอมถวายชีวิตให้ท่านแม่ทัพกัน” มองท่าทางลังเลของจังติ้งฟัง กงอวี้เฉินจึงเอ่ยต่อไป “ยิ่งไปกว่านั้น อู๋ซินใสซื่อ จินผิงอี้อายุไม่น้อย ทั้งยังอยู่ในยุทธภพ เป็นที่พึ่งได้มากกว่าจอมยุทธ์หนุ่มคนอื่นๆ เสียด้วยซ้ำ อำนาจของหอธารามีความสำคัญต่องานใหญ่ของท่านแม่ทัพ จะผิดพลาดไม่ได้ มิเช่นนั้น…สุดท้ายเราจะไม่สามารถปิดล้อมจินหลิง ครอบครองยุทธภพ แต่กลายเป็นว่าหูก่วงจะถูกราชวงศ์บดขยี้แทน”