Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1831 กายมรรคไม้เขียว!

ตอนที่ 1831 กายมรรคไม้เขียว!
ภิกษุที่บอกว่าตัวเองมาจากอารามหยกเหล่านี้ถูกจัดให้พักในเรือนใต้เขารับแขกแห่งหนึ่ง ปกติน้อยมากที่จะเห็นพวกเขาออกมา ดูสงบเสงี่ยมและลึกลับมาก
กลับเป็นลูกหลานที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนที่ดูกระตือรือร้นมาก มักรวมตัวออกไปเที่ยวเล่นในถนนการค้าที่คึกคัก
แต่กลับไม่มีคนเห็นจินเทียนเสวียนเยวี่ยที่บุคลิกโดดเด่น ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วคนนั้น
ว่ากันว่าทันทีที่ผู้หญิงคนนี้ขึ้นยานก็ปิดด่านอยู่ในเรือนเพียงลำพัง ฝึกปราณอย่างหนัก มีข้ารับใช้เฒ่าดูแลอยู่หน้าเรือน ห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้
ฮูม…
แต่เรือนที่หลินสวินและหลิ่วชิงเยียนพักอยู่ ทันทีที่พลังผนึกระลอกหนึ่งไหลวน กระบวนผนึกหมู่ดาราก็โคจร ตัดขาดจากโลกภายนอก
ในเรือนหลินสวินที่นั่งขัดสมาธิสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ปรากฏแสงมรรคสีเขียวพร่างพรายเป็นประกายไปทั้งตัว
ตึง! ตึง! ตึง!
ในตำแหน่งตับ ครรภ์เทพไม้เขียวเกิดการสั่นสะเทือนราวกับตีกลอง พลังชีวิตที่เข้มข้นราวกับจับต้องได้พรั่งพรูดุจดั่งภูเขาไฟ มีเสียงมรรคเป็นสายๆ ไหวกระเพื่อม ราวกับอริยบุคคลบรรพกาลกำลังท่องคัมภีร์
สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินอยู่สองชั่วยาม
จนกระทั่งตอนหลังเมื่อเสียงที่ราวกับจักรวาลแรกกำเนิดดังขึ้น บนแท่นบูชาเหนือศีรษะหลินสวินพลันมีละอองแสงสีเขียวอร่ามกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา
ละอองแสงเวียนไหล พลังชีวิตดั่งเดือดพล่านรวมเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นเงาร่างสีเขียว ทั้งตัวราวกับหลอมจากหินหยกแก้วสีเขียวที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก โปร่งแสงพร่างพราว แสงมรรคสาดเซ็น
เมื่อแสงสว่างสลายไป
ธรรมกายร่างหนึ่งลอยลงพื้น สวมชุดสีเขียว ผมดำพลิ้วไหว เครื่องหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน เงาร่างสูงใหญ่สง่างาม แผ่กลิ่นอายที่โดดเด่นทั่วทั้งตัว
เมื่อมองอย่างละเอียด ธรรมกายคนนี้ท่าทางเหมือนหลินสวินไม่มีผิด ทว่ากลิ่นอายกลับปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์แห่งไม้เขียวที่บริสุทธิ์เข้มข้นและทรงพลัง
กายมรรคไม้เขียว!
ร่างแยกมหามรรคที่ถือกำเนิดจากครรภ์เทพไม้เขียว!
หลินสวินเงยหน้ามองไปยังกายมรรคไม้เขียว ตอนที่สายตาของทั้งสองสอดรับกัน ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นหลินสวินก็เกิดความรู้สึกผสมกลมกลืน
ราวกับอีกฝ่ายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตน เพียงแค่ตนขยับความคิด ก็สามารถสั่งการอีกฝ่ายได้เหมือนขยับแขนขา
นี่ก็คือ ‘ระดับห้ากลิ่น’ แห่งคัมภีร์มหามรรคหวงถิง ครรภ์เทพที่หล่อเลี้ยงอยู่ในอวัยวะตันห้าจะทะลวงเปลือกออกมา มี ‘กลิ่นอาย’ เป็นของตัวเอง!
ระดับห้าเร้นคือการสั่งสมพลังชีวิต
ระดับห้าสีนั้นมี ‘สีสัน’ เช่นครรภ์เทพไม้เขียว ปรากฏสีสันแห่ง ‘ความเขียวชอุ่มชั่วกาล พลังชีวิตคงอยู่นิรันดร์’
ระดับห้ากลิ่น จะทำให้กายมรรคไม้เขียวมีท่วงทำนองแห่งมหามรรค!
หากฝึกถึงระดับห้าธรรม ร่างแยกทั้งห้าก็จะมีจิตรับรู้และมรรควิถีของตน!
และตอนนี้หลินสวินเพิ่งจะทะลวงระดับห้ากลิ่น ควบรวมกายมรรคไม้เขียวได้หนึ่งร่างแยก และเป็นเพียงแค่กายมรรคหนึ่ง ยังไม่มีจิตรับรู้และมรรควิถีของตน
แม้จะเป็นเช่นนี้ สำหรับหลินสวินก็เพียงพอแล้ว!
เมื่อความคิดเขาไหวขยับ
ตูม โครม!
สารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ และมรรควิถีของเขาพรั่งพรูออกมา หลอมเข้าสู่กายมรรคไม้เขียว ส่วนร่างต้นของเขากลับปรากฏสภาวะ ‘ง่วงซึม’
‘พลังไม้เขียวแข็งแกร่งนัก!’
ชั่วพริบตา หลินสวินก็รับรู้ได้ถึงนัยเร้นลับของกายมรรคไม้เขียว ในใจปรากฏการหยั่งรู้มากมาย
ธาตุไม้ หนึ่งในห้าธาตุ พลังชีวิตแห่งฟ้าดิน ลึกลับอย่างที่สุด
และในคัมภีร์มหามรรคหวงถิง ศิษย์พี่เก่ออวี้ผูเคยอธิบายจำเพาะไว้ว่า เมื่อกายมรรคไม้เขียวสำเร็จ ร่างราวกับฟ้าครามนิรันดร์ ควบคุมพลังแห่งความเป็นตาย ร่วงโรยรุ่งโรจน์!
หลินสวินเงียบหยั่งรู้อยู่นาน จู่ๆ ก็ดีดนิ้ว
ทันใดนั้นรอบๆ ใต้ฝ่าเท้าก็มีบัวพิสุทธิ์มากมายผุดขึ้น พลังชีวิตอุดมสมบูรณ์ พลิ้วไหวไปมา ลำต้นและเส้นสายในใบเต็มไปด้วยลายมรรคมหัศจรรย์
กลิ่นอายไม้เขียวที่เข้มข้นอุดมสมบูรณ์พลันแผ่กระจายออก
และเมื่อความคิดของหลินสวินขยับไหว
บัวพิสุทธิ์พันหมื่นดอกพลันเปลี่ยนเป็นใบไม้แห้งเหี่ยว สูญเสียพลังชีวิต ราวกับถูกช่วงชิงอย่างแข็งกร้าว ไม่นานก็กลายเป็นขี้เถ้าปลิวว่อนกลางอากาศ
นี่คือพลังแห่ง ‘เป็นตายร่วงโรยรุ่งโรจน์’ ที่กายมรรคไม้เขียวควบคุม!
หากใช้ในการต่อสู้ นิ้วหนึ่งกดลง พลังชีวิตรอบตัวศัตรูก็จะถูกช่วงชิง ชีวิตประหนึ่งต้นไม้ใบหญ้าที่แห้งเหี่ยวอย่างง่ายดาย!
แลเช่นเดียวกัน หากใช้ช่วยคน ก็สามารถบรรลุผลอันมหัศจรรย์ที่ ‘ฟื้นคืนชีพ’ ได้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่หายากที่สุดคือ นี่เป็นพรสวรรค์อภินิหารแต่กำเนิดของกายมรรคไม้เขียว สามารถเข้ากับมรรควิถีแห่งตนของหลินสวินได้อย่างสมบูรณ์!
‘มีกายมรรคไม้เขียว เท่ากับข้ามีร่างภาชนะเพิ่มมาอีกร่าง เพียงแต่ร่างภาชนะนี้มีพรสวรรค์มหามรรคที่มหัศจรรย์…’
ดวงตาดำของหลินสวินเป็นประกาย ในใจอดทอดถอนใจด้วยความตะลึงไม่ได้ คัมภีร์มหามรรคหวงถิงที่ศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผูสร้าง เรียกได้ว่าน่าทึ่งหาที่เปรียบไม่ได้ เป็นศุภโชคชั้นเลิศ!
นี่เป็นเพียงแค่กายมรรคไม้เขียวร่างเดียวก็มีอภินิหารมหัศจรรย์ขนาดนี้แล้ว หากควบรวมร่างแยกอื่นๆ อีกสี่ร่างออกมา ไม่ใช่ว่าจะสามารถครอบครองอภินิหารที่แตกต่างกันอีกสี่แบบหรอกหรือ
หากฝึกถึงระดับห้าธรรม ทำให้ร่างแยกห้าร่างนี้มีจิตรับรู้และมรรควิถี จะแข็งแกร่งเพียงใด
ครู่ใหญ่หลินสวินจึงสลายกระบวนผนึกหมู่ดารา
และตอนนี้เองหลิ่วชิงเยียนเดินออกมาจากห้อง เอ่ยอย่างเจือความประหลาดใจ “ผู้อาวุโส เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าท่านเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
ความเคลื่อนไหวในการฝึกปราณก่อนหน้านี้ของหลินสวินล้วนถูกเขาปิดบังเอาไว้ เพราะฉะนั้นแม้อยู่ในเรือนหลังเดียวกัน หลิ่วชิงเยียนก็ไม่รับรู้เลยสักนิด
“พลังปราณทะลวงเล็กน้อย”
หลินสวินยิ้มบอกเหตุผล ร่างต้นของเขาถูกเก็บไปนานแล้ว สิ่งที่ปรากฏอยู่ความจริงคือกายมรรคไม้เขียว
เพียงแต่ความเปลี่ยนแปลงของท่วงทำนอง สีสัน กลิ่นอายเช่นนี้ คนทั่วไปยากจะสังเกตเห็น
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
หลิ่วชิงเยียนอึ้งไป เพียงแต่สายตาที่มองหลินสวินยังคงแฝงความประหลาดใจเสี้ยวหนึ่ง แค่พลังปราณทะลวงขั้นเท่านั้น จะเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายของคนผู้หนึ่งได้อย่างไร
……
ในเวลาเดียวกันที่ตีนเขาภูเขารับแขก
ในเรือนแห่งหนึ่ง ภิกษุหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิ มือถือลูกประคำฝึกปราณอยู่เงียบๆ คนหนึ่งพลันขมวดคิ้ว
“หืม?”
เขาลืมตา ในใจสั่นไหว “เหตุใดจู่ๆ กลิ่นอายของเจ้านอกรีตนั่นจึงหายไป”
เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้อง
ในเรือน เหล่าภิกษุชุดป่านที่เท้าเปล่าสวมงอบ แต่ละคนนั่งขัดสมาธิบนเบาะรองนั่ง กลิ่นอายแต่ละคนล้วนลึกล้ำราวกับมหาสมุทร คลุมเครือและเงียบสงบ
เพียงแต่ตอนที่เห็นภิกษุหนุ่มคนนั้นเดินออกมา คนเหล่านี้ล้วนลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียง คำนับอย่างเคารพนบนอบ
“คารวะผู้ทรงฌานอู้หมิง”
สีหน้าของทุกคนล้วนแฝงความเลื่อมใสจากใจจริง
ในแดนกษิติครรภ์ ผู้หลุดพ้นมีมากมาย อรหันต์หลุดพ้นเองก็ไม่น้อย ทว่าผู้ทรงฌานหลุดพ้นกลับมีเพียงแค่เก้าคน!
อู้หมิงก็คือหนึ่งในนั้น
ผู้ทรงฌานหลุดพ้นถูกมองว่าเป็นผู้สืบทอดแกนหลักชั้นสูงของแดนกษิติครรภ์ แต่ละคนล้วนฐานะโดดเด่น มีพลังปราณระดับมกุฎราชันอริยะ รากฐานพลังลึกล้ำไม่อาจคาดเดา
ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วน ต่อหน้าผู้ทรงฌานหลุดพ้นยังแสดงถึงความเคารพยิ่งยวด!
อู้หมิงเพียงพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินออกจากเรือน
นอกเรือน ภิกษุเฒ่ารูปร่างซูบผอมที่สวมงอบคนหนึ่งนั่งอยู่บนพื้น ไร้ซึ่งกลิ่นอาย ราวกับป้ายสุสานหลักหนึ่ง ไม่สะดุดตาสักนิด
แต่อู้หมิงกลับโค้งกายคารวะ เอ่ยว่า “อาจารย์ลุงตู้คง เกิดสถานการณ์เล็กน้อย ‘ลูกประคำวัฏจักร’ ในมือข้าสัมผัสกลิ่นอายของคนนอกรีตนั่นไม่ได้แล้ว”
ลูกประคำวัฏจักร สมบัติที่วิเศษอัศจรรย์ที่สุดอย่างหนึ่ง
ด้วยลูกประคำนี้ ‘คนนอกรีต’ คนใดที่ถูกแดนกษิติครรภ์จับจ้อง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ล้วนสามารถถูกผู้แข็งแกร่งแดนกษิติครรภ์ใช้วิชาลับร่วมกับสมบัตินี้จับกลิ่นอายของคนผู้นั้นได้
ภิกษุเฒ่ารูปร่างผอมซูบที่ถูกเรียกว่าตู้คงลืมตา แววตาขุ่นมัวเผยประกายพิสุทธิ์ เอ่ยว่า “ตอนที่พวกเรามาก็จับตำแหน่งได้แล้วว่าคนนอกกรีตนั่นอยู่ในยานนี้ ในช่วงเวลานี้ข้าจับตาดูสถานการณ์อยู่ที่นี่มาโดยตลอด ไม่เห็นใครออกจากยานนี้เลย”
อู้หมิงคล้ายใคร่ครวญ “ถ้าอย่างนั้นคนนอกรีตนั่นก็คงจะสังเกตเห็นแล้วว่าพวกเรามา จึงใช้วิชาบางอย่างที่สามารถปิดบังกลิ่นอายได้ ตัดขาดการสัมผัสของลูกประคำวัฏจักร”
ตู้คงพยักหน้า “อู้หมิง อย่าประมาทเชียว อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ที่นอกโลกต้าอวี่ ‘จอมมุนีเหลียนซาน’ รวมถึงอรหันต์หลุดพ้นหลายสิบคนจับกลิ่นอายของคนนอกรีตนั่นได้แล้ว แต่สุดท้ายกลับถูกฆ่าทั้งหมด”
จอมมุนีเหลียนซาน!
ระดับจักรพรรดิแห่งแดนกษิติครรภ์คนหนึ่ง!
แน่นอนว่าอู้หมิงก็รู้เรื่องนี้ ได้ยินว่าจอมมุนีเหลียนซานตายเพราะถูกกระบี่บินสีชมพูเล่มหนึ่งแทงทะลุหัวใจ
เรื่องนี้สร้างความฮือฮาอย่างมากในแดนกษิติครรภ์
“จากเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ว่า ข้างกายเจ้าหมอนั่นจะต้องมีผู้ยิ่งใหญ่คุ้มกัน สำนักส่งข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อเป็นผู้พิทักษ์ของเจ้า และสืบสาเหตุการตายของจอมมุนีเหลียนซานให้ชัดเจน”
ตู้คงเสียงแหบพร่า “แต่จนถึงตอนนี้ข้ายังจับกลิ่นอายผิดปกติอะไรไม่ได้เลย เพียงสามารถตัดสินได้รางๆ ว่าบนยานลมกรดนี้ อย่างน้อยต้องมีระดับจักรพรรดิสองคน!”
“คนหนึ่งน่าจะเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ในเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน คุ้มครองอยู่หน้าเรือนของหญิงที่นามว่าจินเทียนเสวียนเยวี่ย”
“อีกคนก็อยู่บนเขารับแขกแห่งนี้เช่นเดียวกัน เป็นหญิงชราที่แปลงรูปลักษณ์ ข้ากายนางมีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง”
“หากรวมกับข้า ก็เป็นระดับจักรพรรดิทั้งหมดสามคน แต่ข้าไม่กล้าตัดสินว่าในมุมมืดจะมีเช่นนี้อีกหรือไม่”
ฟังถึงตรงนี้อู้หมิงก็ตกใจ เอ่ยว่า “อาจารย์ลุง พวกเขาก็มาเพื่อเจ้านอกรีตนั่นเช่นกันหรือ”
ตู้คงเพิ่งหมายจะพูดอะไร
เงาร่างของหญิงชราคนหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศอย่างไร้สุ้มเสียง นางมองข้ามอู้หมิงโดยตรง สายตามองไปยังตู้คง เอ่ยเสียงเย็นชา
“ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าแดนกษิติครรภ์มาทำอะไรที่นี่ และไม่อยากรู้ด้วย ข้ามาคราวนี้เพียงแค่อยากบอกเจ้าว่า เรื่องของพวกเจ้าข้าคร้านจะใส่ใจ แต่นายน้อยของข้าออกเดินทางไกลครั้งนี้ ถ้าใครไม่รู้ความกล้าคิดไม่ซื่อกับเขา อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
หญิงชราอานุภาพน่ากลัว!
ตู้คงเงียบไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ยว่า “ได้”
หญิงชราแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ หมุนตัวหายไปกลางอากาศ
มาไวและไปไว
ในแววตาอู้หมิงเผยความเย็นเยียบ “อาจารย์ลุง หญิงชรานี่คือ… ระดับจักรพรรดิหนึ่งในนั้นหรือ”
ตู้คงพยักหน้า ในดวงตาขุ่นมัววาบประกายมืดดำคลุมเครือ “เช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยก็พิสูจน์ว่าเจ้านอกรีตนั่นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา”
อู้หมิงขมวดคิ้ว ในใจกลับเกิดระลอกคลื่น ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งตามคุ้มกัน ‘นายน้อย’ คนหนึ่งหรือ
เช่นนั้นนายน้อยคนนี้มีฐานะอย่างไร
คิดๆ แล้วก็น่ากลัว!
จู่ๆ ตู้คงก็ถอนหายใจ เอ่ยเสียงต่ำลึก “บนยานลมกรดนี้มีเสือซุ่มมังกรหมอบอยู่จริงๆ อู้หมิง ก่อนจะสืบร่องรอยของเจ้านอกรีตนั่นได้ ข้าเองก็ไม่อาจเคลื่อนไหวตามใจ คงได้แต่ต้องให้พวกเจ้าไปตามหาเอง”
สีหน้าของอู้หมิงปรากฏความอึมครึม เขาคิดไม่ถึงเลยว่า มีอาจารย์ลุงตู้คงก็ยังเกิดอุปสรรคเช่นนี้
…………………..
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท