เสียนเกอกลับไม่รีบร้อน ยังคงยิ้มบางๆ “หนานกงไหวบาดเจ็บเกือบตาย ยังจะทำสงครามได้อีกหรือ เว่ยซื่อจื่อกลัวมั่วเอ๋อร์จะเป็นห่วงหรือ อย่าร้อนใจไป ต่อให้ท่านกลับไปไม่ได้จริงๆ อย่างมากมั่วเอ๋อร์ก็เสียใจเพียงสองวันเท่านั้น”
เว่ยจวินมั่วคิ้วขมวด ตั้งใจไม่คุยกับคนผู้นี้อีก เสียนเกอเอ่ยเตือน “ท่านอย่าได้ใช้กำลังขับพิษเชียว หากเกิดอันใดขึ้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
เว่ยจวินมั่วหลับตาลง ทำราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา
“ศิษย์พี่”
เสียงหนานกงมั่วดังขึ้นไกลออกไป คุณชายเสียนเกอลุกขึ้น คิ้วคมเลิกขึ้นเล็กน้อย “มาถึงเร็วเพียงนี้เลยหรือ จริงๆ เลย…ดูแลเลี้ยงดูอย่างยากลำบากมาหลายปี กลับร้อนใจกับชายอื่นถึงเพียงนี้ มันน่าวางยาเจ้าให้ตายตั้งแต่แรกเสียจริง”
ขณะที่พูด เสียงของหนานกงมั่วพลันดังอยู่ไม่ไกล ด้านหลังมีฝังและเวยรวมไปถึงคุณชายฉังเฟิง
เสียนเกอเลิกคิ้วด้วยรอยยิ้ม สายตาอบอุ่นมองไปยังหนานกงมั่ว “อู๋สยา ที่แท้เจ้ายังจำศิษย์พี่ของเจ้าได้”
หนานกงมั่วตื่นเต้นดีใจ “ศิษย์พี่ ไยท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้”
เสียนเกอเลิกคิ้วมองหนานกงมั่ว ชี้นิ้วไปยังเว่ยจวินมั่ว เอ่ยตอบ “เดินทางผ่านมา บังเอิญเก็บได้ ของเจ้าหรือไม่”
หนานกงมั่วเขินอาย ลิ่นฉังเฟิงที่อยู่ด้านหลังหัวเราะออกมา “ที่แท้เป็นคุณชายเสียนเกอ ได้ยินชื่อเสียงมานาน ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือจวินมั่ว” มองเห็นเว่ยจวินมั่วที่นั่งไม่ขยับเขยื้อน อดแปลกใจไม่ได้ “จวินมั่ว” คนวังจื่อเซียวมองไปยังคุณชายเสียนเกอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ท่าทางเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าชายตรงหน้ากักขังคุณชายของพวกเขาเอาไว้
ลิ่นฉังเฟิงยื่นมือเข้าไปช่วยคลายจุดให้เว่ยจวินมั่ว กลับพบว่าไม่เป็นผล หันกลับมามองหนานกงมั่ว เสียนเกอเอ่ยราบเรียบ “ร้อนใจอันใดไป ร่างกายเขาบาดเจ็บเคลื่อนไหวไปก็ไม่เป็นผลดี”
ดูไปแล้วไม่เหมือนบาดเจ็บหนักแต่อย่างใด โดยเฉพาะใบหน้าเย็นชาของเว่ยจวินมั่ว และรอยยิ้มที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นเทาของคุณชายเสียนเกอ ยิ่งสัมผัสได้ชัดเจนมากขึ้น
“ศิษย์พี่…” หนานกงมั่วเรียกเบาๆ
เสียนเกอมองมาที่นาง ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา เอ่ยโต้ตอบ “ศิษย์พี่มิได้โกหกเจ้า เด็กนี่ใช้วรยุทธ์ตนเองดำน้ำมา แผลเก่ายังไม่หายก็มีแผลใหม่เข้ามาอีก หากไม่รักษาก็คงอยู่ได้ไม่ถึงห้าสิบ” เรื่องนี้หนานกงมั่วเองย่อมรู้ดี เพียงแต่หนึ่งเพราะไม่มีเวลา สองการรักษาด้วยความร้อนมิใช่สิ่งที่นางถนัด กำลังคิดว่าจะเชิญท่านอาจารย์หรือศิษย์พี่มาช่วยดู ใครจะรู้ว่าเว่ยจวินมั่วดันมาเจอศิษย์พี่เสียก่อน
ได้ยินที่เสียนเกอบอก สีหน้าของลิ่นฉังเฟิงพลันเปลี่ยนไป สามปีก่อนเว่ยจวินมั่วต่อสู้กับกงอวี้เฉินได้รับบาดเจ็บหนักเพียงใดพวกเขาต่างรู้ดี แต่หลังจากนั้นนอกจากวรยุทธ์ของเว่ยจวินมั่วไม่กลับมาดังเดิมก็ไม่มีอาการอย่างอื่น ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าคงไม่เป็นอันใดมาก แต่วิชาการแพทย์ของคุณชายเสียนเกอนั้นชื่อเสียงคับฟ้า สิ่งที่เขาบอกแน่นอนว่าไม่เชื่อเห็นจะไม่ได้
เสียนเกอชี้ไปที่หม้อยาด้านข้าง เอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจ “ยานี้ต้องใช้ต่อเนื่องกันเจ็ดวันจึงจะเห็นผล เด็กนี่เอาแต่จะหนี หากล้มเลิกแล้ว ครั้งต่อไปคงไม่ง่ายที่จะหาสมุนไพรพวกนี้เจอจนครบ” หนานกงมั่วได้กลิ่นตั้งแต่แรกแล้ว ยามากมายที่อยู่ในนั้นแม้จะดูไม่สะดุดตาทว่าล้วนแต่เป็นยาหายากทั้งนั้น มีหลายตัวที่ปกติแล้วศิษย์พี่ไม่มีทางนำออกมาใช้อย่างแน่นอน ครั้งนี้กลับนำออกมาใช้กับเว่ยจวินมั่วทั้งหมด
“ศิษย์พี่ ขอบคุณท่านมาก” หนานกงมั่วเอ่ย แน่นอนว่านางย่อมรู้ดี การที่ศิษย์พี่ยอมจ่ายเงินมากมายในครั้งนี้ เกินครึ่งก็เพื่อความสัมพันธ์ของนาง
เสียนเกอยกมือลูบผมของนางเบาๆ เอ่ยว่า “ขอบคุณอันใดกัน ก็แค่ยาเล็กน้อยเท่านั้น”
“เอ่อ…” ลิ่นฉังเฟิงลูบจมูกเบาๆ เอ่ยถาม “ไม่เคลื่อนไหวเลยเช่นนี้ จำเป็นต้องทำด้วยหรือ” ไม่เห็นหรือว่าเว่ยจวินมั่วเกือบจะถูกแช่แข็งเป็นก้อนน้ำแข็งเสียแล้ว
เสียนเกออารมณ์ดีไม่น้อย โยนขวดยาให้ลิ่นฉังเฟิง ลิ่นฉังเฟิงรับมา กำลังจะป้อนให้เว่ยจวินมั่ว ทว่าได้ยินเสียงหยันจากเว่ยจวินมั่วจากนั้นเขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เสียนเกอเลิกคิ้วตกใจ เพราะให้ยากับเขาวันละครั้งเท่านั้น ทว่าเขากลับสามารถขับพิษออกมาได้รวดเร็วเพียงนี้ พลังของเขาไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หนานกงมั่วยกมือกุมขมับ เกรงว่าเพราะเว่ยจวินมั่วรู้ตัวตนของศิษย์พี่ เขาจึงไม่ได้ลงมือ หากไม่รู้จัก สองคนนี้…ไม่รู้จริงๆ ว่าใครจะอยู่ใครจะตาย
ลิ่นฉังเฟิงมองไปยังเสียนเกอ จากนั้นหันกลับมามองเว่ยจวินมั่ว ทำได้เพียงลอบถอนหายใจอยู่ในใจ ที่แท้พี่ภรรยาผู้นี้มิได้รับมือง่ายๆ เมื่อเทียบกับสองพี่น้องตระกูลหนานกงนั่น ผู้นี้ต่างหากถึงจะเป็นของจริง ไม่รู้ว่าหลายวันมานี้เว่ยจวินมั่วถูกทรมานอย่างไรบ้าง ใบหน้าถึงได้ไม่น่ามองถึงเพียงนี้ แต่ว่า…คิดจะแต่งภรรยาสวยย่อมต้องลำบากสักหน่อย เป็นเรื่องสมควรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพี่ภรรยาที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ นับว่าเป็นกำไรของเว่ยจวินมั่วแล้ว ขอเพียงเขาสามารถเอาชนะใจคุณชายเสียนเกอผู้นี้ได้ก็พอ
ลิ่นฉังเฟิงโบกมือพลางเอ่ย “ในเมื่อไม่มีอันใดแล้ว พวกเราคงต้องขอตัวลาก่อน ฝัง เจ้ากลับไปรายงานแม่ทัพหนานกง บอกว่า…เว่ยจวินมั่วบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ต้องรักษาก่อน ยังกลับไปมิได้” ในเมื่อป่วยก็ย่อมต้องรักษา อย่างไรเสียยามนี้หนานกงไหวก็ทำศึกมิได้อยู่แล้ว เว่ยจวินมั่วกลับไปก็ต้องรออยู่เฉยๆ
“ขอแม่ทัพหนานกงปิดข่าวของข้าเอาไว้ก่อน” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ
“ขอรับ เจ้าสำนัก คุณชาย”
ลิ่นฉังเฟิงหันกลับไปยักคิ้วให้หนานกงมั่ว ไม่สนว่าหนานกงมั่วเข้าใจความหมายที่เขาสื่อหรือไม่ จากนั้นก็พาทุกคนกลับไป
หุบเขากลับมาเงียบสงบ ยามนี้เหลือเพียงสามคน บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
หนานกงมั่วถอนหายใจ เอ่ยถาม “ศิษย์พี่ จวินมั่ว พวกท่านกินข้าวหรือยัง”
ชายหนุ่มทั้งสองมองสบตา เว่ยจวินมั่วส่ายหน้าเงียบๆ เสียนเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นานแล้วที่ศิษย์พี่มิได้กินกับข้าวฝีมือมั่วเอ๋อร์” หนานกงมั่วเอ่ย “ข้าจะไปทำกับข้าว พวกท่านคุยกันไปก่อน” เดินหนีเข้าไปในห้องเล็กๆ ซับเหงื่ออยู่ในใจ เมื่อก่อนทำไมนางไม่พาบุรุษไปหาพี่ใหญ่ดูบ้างนะ จะได้มีประสบการณ์บ้าง
ด้านนอก ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากัน รอยยิ้มของคุณชายเสียนเกอดูใจดีและอบอุ่น “มั่วเอ๋อร์เป็นคนใสซื่อไร้เดียงสา ข้ากังวลว่านางจะถูกใครหลอกเอาได้”
“ต่อไปคุณชายเสียนเกอก็ไม่ต้องกังวลแล้ว” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ
เสียนเกอพยักหน้า เอ่ย “ความจริง เมื่อก่อนข้าเกรงว่านางจะถูกผู้คนมากมายหลอกเอา หลังจากนี้…เพียงดูว่านางจะไม่ถูกใครบางคนหลอกก็เท่านั้น”
เว่ยจวินมั่วเงียบอยู่ชั่วครู่ กล่าว “ข้าไม่มีทางหลอกลวงอู๋สยา”
เสียนเกอเลิกคิ้ว “อ้อ ตามที่ข้ารู้…จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องดูไม่สงบเท่าใดนัก”
เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้น เอ่ยตอบ “อู๋สยามิใช่สตรีบอบบางที่ต้องซ่อนเอาไว้ใต้ปีก” เสียนเกอยิ้มเย็น “อ้อ ดังนั้นเลยปล่อยให้มั่วเอ๋อร์วิ่งมาหาเจ้าที่สนามรบได้ ให้เข้าไปอยู่ในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องที่มีแต่เรื่องยุ่งๆ เยี่ยงนั้นได้หรือ ยังมีวังจื่อเซียวของท่านอีก…เกิดเป็นโอรสองค์หญิง เป็นเชื้อพระวงศ์ มือสังหารในยุทธภพ เว่ยจวินมั่ว เจ้าคิดจะทำอันใด”
เว่ยจวินมั่วเงียบอยู่นาน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม “ข้าไม่คิดอยากทำสิ่งใด เพียงต้องการปกป้องคนที่ข้าควรปกป้อง ไม่ว่าทำสิ่งใด ข้าจะทำด้วยกันกับอู๋สยา”
ด้านนอกกระท่อม ความเงียบเข้าปกคลุมเป็นเวลานานทีเดียว แม้แม่น้ำลำธารและทิวทัศน์งดงามเพียงใด ทว่าบรรยากาศกลับตึงเครียดแม้แต่หายใจยังยากลำบาก เนิ่นนานจากนั้นจึงได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเสียนเกอเอ่ยขึ้น “ทางที่ดีเจ้าควรรักษาคำพูด ถ้าหาก…”