หนานกงมั่วจึงตอบว่า “เจ้าคิดว่า…กองทัพของจังติ้งฟังไม่จำเป็นต้องใช้เงินหรือ กองทัพใช้เงินนับล้านในการออกรบแต่ละครั้ง เสบียงของจังติ้งฟังอยู่ที่ใด จิ่นโจวมีพื้นที่กว้างขวางถึงเพียงนี้ เมื่อคนสนใจมีมากขึ้น จังติ้งฟังคิดจะทำสิ่งใดก็คงไม่สะดวกนัก พวกเราจึงจะมีโอกาสค้นหาสมบัติไงล่ะ” ฝังจึงเข้าใจขึ้นมาพลางกล่าวขึ้น “แหวกหญ้าให้งูตื่น ลอบตีเฉินชัง[1] มีบรรดาคนค้นหาสมบัติคอยดึงความสนใจจากจังติ้งฟังไป พวกเราก็จะได้ไปตามหาสมบัติที่ถูกซ่อนไว้”
หนานกงมั่วพยักหน้า ถอนหายใจออกมาเบาๆ “แม้จะพูดแบบนี้…คิดว่าถ้าออกตามหาคงไม่ใช่เรื่องง่าย จังติ้งฟังซ่อนเอาไว้สิบกว่าปีได้…คงมิใช่สถานที่ธรรมดาเป็นแน่”
“ไม่จำเป็นต้องกังวล” เว่ยจวินมั่วเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์ “หาเจอนับว่าเป็นเรื่องดี หาไม่เจอก็ไม่เป็นไร”
หนานกงมั่วยังคงยิ้ม “ข้ารู้ เว่ยซื่อจื่อไม่ขาดเงิน”
จวนสกุลจัง ใจกลางเมือง
จินผิงอี้ที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือมองไปยังแผนที่บนโต๊ะท่าทางครุ่นคิด เนิ่นนานจากนั้นจึงหันไปมองแผนที่ที่ถูกใส่กุญแจเอาไว้แน่นด้านข้าง ลูกศิษย์หญิงที่ติดตามเขามองไปยังแผนที่นั้นด้วยท่าทีแปลกใจ เอ่ยถาม “ท่านอาจารย์ นี่คือแผนที่สมบัติที่ถูกซ่อนไว้จริงๆ หรือเจ้าคะ” จินผิงอี้ส่ายหน้า “เจ้าคิดว่าจังติ้งฟังจะปล่อยแผนที่ขุมทรัพย์ของตนเองวิ่งว่อนไปทั่วเมืองเช่นนั้นหรือ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านอาจารย์จะดูมันไปทำไมหรือ”
จินผิงอี้เอ่ย “แม้แผนที่เหล่านี้จะเป็นของปลอม แต่สมบัติที่แท้จริงก็ถูกซ่อนเอาไว้ที่จิ่นโจว ข้าเพียงอยากดู…ว่าสถานที่ตรงไหนกันแน่ที่เหมาะสำหรับการซ่อนสมบัติ”
ลูกศิษย์หญิงคนนั้นไม่กล้าถามจินผิงอี้ว่าทำไมถึงมั่นใจว่าสมบัติถูกซ่อนไว้ที่จิ่นโจว เพียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สำนักกลเจ็ดดาวของเรายิ่งใหญ่คับฟ้า ท่านอาจารย์ยังเสียดายสมบัติพวกนั้นอีกหรือเจ้าคะ”
จินผิงอี้ยิ้มเหลือบมองนาง “คนตายเพราะสมบัติ นกตายเพราะอาหาร ใครรังเกียจความร่ำรวยกันเล่า เพียงแต่…เงินพวกนั้นมิได้อยู่ในสายตาของข้าหรอก ไม่มีอำนาจมากพอ มีเงินมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์” ลูกศิษย์หญิงกะพริบตา เอ่ยถาม “หรือว่าท่านอาจารย์มีแผนการอันใดหรือเจ้าคะ”
ดวงตาจินผิงอี้เยือกเย็นลง เอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องที่ไม่สมควรถามก็ไม่ควรถาม”
ลูกศิษย์ใบหน้าซีดลง รีบเอ่ยขออภัย “ศิษย์ผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขอท่านอาจารย์โปรดอภัยด้วย”
จินผิงอี้ส่งเสียงหยัน “ออกไป”
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าสำนัก ข้าน้อยขอเข้าพบขอรับ” ทางด้านนอก ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา จินผิงอี้เก็บแผนที่บนโต๊ะ โยนไปอีกฝั่งหนึ่ง เอ่ยถาม “มีข่าวอันใด”
ชายคนนั้นเอ่ยทันที “ข่าวแผนที่สมบัติทำให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางในยุทธภพอย่างแท้จริง สองวันมานี้บรรดาจอมยุทธ์มากมายต่างมุ่งหน้ามายังจิ่นโจว อีกทั้ง…ว่ากันว่าราชสำนักเองก็ส่งคนมาสืบเรื่องนี้ด้วยขอรับ”
“คนของราชสำนักงั้นหรือ” จินผิงอี้ขมวดคิ้ว พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ ไม่ชื่นชอบราชสำนักอยู่แล้ว มันง่ายที่จะทำให้เขานึกถึงการสูญเสียจากเรื่องเมิ่งเย่ว์ แม้จะสูญเสียเพียงกระบี่ชิงหมิง แต่คงมีคนไม่น้อยที่กำลังหัวเราะเยาะเขา อยู่ในยุทธภพมาหลายสิบปีกลับต้องมาถูกเด็กหลอกเอาได้
ชายวัยกลางคนพยักหน้า “นอกจากนั้น…มีข่าวว่า แผนที่ที่กระจายไปทั่วยุทธภพนั้นเป็นของปลอม แผ่นที่นี้เป็นแผนที่ที่กษัตริย์ฮั่นทำหลอกเอาไว้ แต่ว่า…แผนที่จริงก็ปรากฏขึ้นมาแล้ว นี่เป็นเหตุผลที่บรรดาจอมยุทธ์ต่างมุ่งหน้ามาที่นี่”
“แผ่นที่จริงอย่างนั้นหรือ” จินผิงอี้ขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินจังติ้งฟังเอ่ยถึงแผนที่สมบัติเหล่านั้น ต่อให้มีจริงก็คงถูกจังติ้งฟังทำลายทิ้งไปนานแล้ว ชายวัยกลางคนพยักหน้า “ว่ากันว่า…ครั้งนั้นกษัตริย์ฮั่นได้แบ่งแผนที่ออกเป็นสองชุด ชุดหนึ่งเก็บไว้กับเพื่อนของตน คือนักพรตชิงหวาแห่งวัดหลิงชวีเขาจิ่วหยาง ยามนี้…นักพรตชิงหวาหายตัวไปไร้ร่องรอย แผนที่สมบัติจึงตกวนเวียนอยู่ในยุทธภพ”
คิ้วคมของจินผิงอี้ขมวดเป็นปมแน่น กษัตริย์ฮั่นเฉินเลี่ยงเป็นเพื่อนที่ดีกับนักพรตชิงหวาก็จริงเรื่องนั้นเขาเองก็รู้ แต่ว่า…กษัตริย์ฮั่นได้มอบแผนที่ให้ไว้กับนักพรตชิงหวาหรือไม่ เรื่องนี้ไม่เคยคิดมาก่อน อย่างไรเสีย แม่ทัพคนสนิทของกษัตริย์ฮั่นนั้นมีมากมาย ต่อให้จะฝากฝังเอาไว้ก็คงไม่ถึงมือคนนอก แต่พูดได้อีกแบบก็คือ…เพราะเป็นคนนอกจึงไม่มีความโลภต่อสมบัติล้ำค่า ยิ่งทำให้เขารู้สึกวางใจขึ้นมาได้บ้าง
จินผิงอี้หลุบตาครุ่นคิดเนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ย “รีบส่งคนไปสอบถามกับแม่ทัพจัง ถามเขาว่าเขารู้เรื่องนี้หรือไม่ นอกจากนี้…ส่งข่าวให้คนผู้นั้น ถามเขาว่าเขามีแผนอย่างไร” แม้เขาจะใจเต้นกับสมบัติเหล่านี้อยู่บ้างแต่ยังไม่ถึงขั้นมุ่งมั่นจะเอามันมาให้ได้ ทว่าหากมีผู้อื่นได้ไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อเขาเช่นกัน
“ขอรับ” ชายวัยกลางคนตอบรับ ช้อนสายตามองจินผิงอี้ ลังเลอยู่ชั่วอึดใจ อดไม่ได้เอ่ยถามขึ้นมา “คนผู้นั้น…คิดจะทำสิ่งใดกันแน่หรือขอรับ กระจายข่าวแผนที่ออกไป มีผลกระทบต่องานใหญ่ของแม่ทัพจังอยู่ไม่น้อยเลยนะขอรับ”
จินผิงอี้ยิ้มเย็น “เจ้ายังดูไม่ออกอีกหรือ เจ้าคิดว่าคนผู้นั้นคิดช่วยเหลือจังติ้งฟังด้วยใจจริงงั้นหรือ หากเขาจริงใจ ไยต้องทำเช่นนี้เล่า ไยต้องทิ้งจังติ้งฟังในเวลาสำคัญเช่นนี้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ความร่วมมือของเจ้าสำนักและแม่ทัพจัง…” หากแม่ทัพจังพ่ายแพ้ นั่นย่อมแปลได้ว่าพวกเขาก็พ่ายแพ้ไปด้วยมิใช่หรือ เนื่องจากในศึกครั้งนี้สำนักกลเจ็ดดาวอยู่ฝ่ายเดียวกับจังติ้งฟัง
จินผิงอี้เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าร่วมมือกับจังติ้งฟังตั้งแต่เมื่อไรกัน ชายชราไร้บุตรธิดาคิดจะก่อกบฏงั้นหรือ หรือต่อให้ข้าร่วมมือก็คงเลือกฝ่ายที่เหมาะสมอยู่แล้ว”
ชายผู้นั้นตกตะลึง รู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน เพียงเอ่ยออกมาด้วยความกังวล “คุณชายท่านนั้น…คล้ายกับว่า…” คนผู้นั้นดูร้ายกาจกว่าจังติ้งฟังอยู่มาก ขณะเดียวกันก็ลึกลับและแปลกประหลาด ทำให้คนวางใจไม่ได้ จินผิงอี้เอ่ยเสียงเรียบ “วางใจ ข้ารู้ดีอยู่แก่ใจ เจ้าไปบอกกับเขาด้วยตัวเอง อย่าพึ่งต่อสู้กับวังจื่อเซียวผู้นั้น หากยังไม่มา สมบัติถูกคนเอาไปแล้วข้าไม่รับผิดชอบหรอกนะ” หอธาราแม้เรียกได้ว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานและลึกลับ แต่วังจื่อเซียวนี้… จินผิงอี้เคาะโต๊ะเบาๆ พลางครุ่นคิด สองปีมานี้ได้ยินมาว่าวังจื่อเซียวนั้นเป็นสำนักมือสังหาร เพียงแต่สำนักกลเจ็ดดาวนั้นทำการค้าทางน้ำ มิได้มีผลได้ผลเสียหรือมีประโยชน์ร่วมกันกับนักฆ่า แต่ว่าสามารถทำให้เจ้าสำนักธาราสนใจได้ถึงเพียงนี้ เป็นเพียงสำนักมือสังหารจริงๆ น่ะหรือ
“ขอรับ เจ้าสำนัก ข้าขอตัวลาแล้วขอรับ” ชายวัยกลางคนถอยออกไปด้วยท่าทีนอบน้อม
ในห้องเหลือเพียงจินผิงอี้อยู่ตามลำพัง นึ่งไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ จินผิงอี้สะบัดแขนเสื้อแล้วดันหน้าต่างที่อยู่ข้างโต๊ะหนังสือให้เปิดออก ห้องที่มืดสลัวยามนี้พลันมีแสงสว่างสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง มองออกไปเห็นจังอู๋ซินกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้กับสาวใช้ ใบหน้างดงามเปี่ยมไปด้วยความเศร้าโศกและโดดเดี่ยว ดวงตาของจินผิงอี้มีรอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้น น้ำเสียงเหยียดหยามดังขึ้นในห้อง
แรงดึงดูดของสมบัติล้ำค่านับว่าไม่ธรรมดา แม้ในช่วงเวลาที่อ่อนไหว แต่ละวันในจิ่นโจวกลับดูครึกครื้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
—————————————-
[1] ลอบตีเฉินชัง เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก หมายถึง ใช้โอกาสที่ฝ่ายศัตรูตัดสินใจที่จะรักษาพื้นที่เขตแดนของตนไว้ แสร้งทำเป็นนำกำลังทหารบุกเข้าโจมตีทางด้านหน้า แต่กลับลอบนำกำลังทหารบุกโจมตีในพื้นที่ไม่ทันคาดคิด