หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 165 ชาติที่แล้วติดหนี้ยังไม่คืน (2)

ตอนที่ 165 ชาติที่แล้วติดหนี้ยังไม่คืน (2)

เว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วกำลังนั่งอยู่ในชั้นบนสุดของร้านน้ำชา และนับว่าเป็นมุมที่ทิวทัศน์ดีที่สุด พลางกำลังมองผู้คนที่เดินไปมาอยู่ด้านล่าง หนานกงมั่วอาศัยจังหวะนี้ทำความรู้จักกับจอมยุทธ์ในยุทธภพ เพิ่มความรู้ที่ขาดหายให้แก่ตนเอง ก่อนหน้านี้บรรดาจอมยุทธ์ที่มาล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ว่างหรือไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับราชสำนัก ทว่ายามนี้เรียกได้ว่าจอมยุทธ์สำนักต่างๆ ทั่วทั้งยุทธภพต่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว ต่อให้จัดการประลองก็คงไม่อาจรวมจอมยุทธ์ผู้กล้าได้มากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพวกสายลับของราชสำนักที่เชื่อเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว รวมไปถึงอ๋องและโหวต่างๆ อย่างไรเสียคนที่ควรมาก็มากันหมดครบถ้วน

เว่ยจวินมั่วนั่งอยู่ด้านข้างหนานกงมั่ว ชี้ไปยังชายชุดสีเทาท่ามกลางผู้คน “นั่น…เป็นคนของฝ่าบาท เวลาทำสิ่งใดหลีกเลี่ยงเขาหน่อยจะเป็นการดี”

หนานกงมั่วมองตรงไปยังคนผู้นั้น รูปร่างหน้าตาธรรมดา เสื้อผ้าหน้าผมก็ดูไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษ “ท่านรู้จักหรือ”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “เป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการราชองครักษ์ข้างกายของฝ่าบาท เพียงแต่มีหน้าที่จัดการเรื่องต่างๆ แบบลับๆ ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนเท่าใดนัก เคยเจอเขาครั้งหนึ่งตอนมีงานลอบสังหาร ฝีมือไม่เลว” ราชองครักษ์ข้างกายฝ่าบาทแน่นอนว่าต้องเป็นคนสนิทของฝ่าบาท แต่อย่างไรก็ตามหัวหน้าราชองครักษ์ที่เปิดเผยใบหน้าปรากฏกายต่อหน้าผู้คนอาจมิใช่คนที่เก่งที่สุด แต่เป็นบรรดารองหัวหน้าราชองครักษ์ไม่กี่คนนั่นต่างหากที่ฝีมือร้ายกาจ คนอื่นไม่รู้ทว่าเว่ยจวินมั่วกลับรู้แจ้งเป็นอย่างดี วรยุทธ์ของรองหัวหน้าราชองครักษ์เคียงกายฝ่าบาทล้วนฝีมือดีกว่า ที่น่าหงุดหงิดก็คือ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าฝ่าบาทแต่งตั้งหัวหน้าราชองครักษ์ไว้กี่คน ราชองครักษ์มีจำนวนมากน้อยเท่าใดกันแน่

มิใช่ว่าจะสืบหาไม่ได้ แต่ไม่มีใครมีความกล้ามากพอที่จะไปสืบเรื่องนี้ เพราะนั่นหมายถึงรนหาที่ตายชัดๆ

หนานกงมั่วพยักหน้าพลางกล่าว “คนที่ท่านบอกว่าไม่ธรรมดา แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดาจริงๆ พวกเราอย่าไปปรากฏตัวต่อหน้าเขาบ่อยๆ เลย” คนเช่นนี้ล้วนแล้วแต่มีความสามารถพิเศษ แม้จะเป็นหนานกงมั่วที่เก่งกาจในเรื่องการปลอมตัวหรือเว่ยจวินมั่ว เพียงชายตามองก็คงจำได้ทันใด เมื่ออยู่ใกล้เกินไปย่อมเสี่ยงที่จะเผลอเปิดเผยตัวตนต่อหน้าเขา

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าเขาก็เห็นด้วย

“เอ๋ กงอวี้เฉินก็มาหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ส่งสัญญาณให้เขามองลงไปด้านล่าง เว่ยจวินมั่วก้มลงไปมอง มองเห็นกงอวี้เฉินที่อยู่ในชุดสีดำทั้งตัว ใบหน้าสวมหน้ากากเอาไว้กำลังเดินนำคนของเขาอยู่ในกลุ่มคนเดินถนนด้านล่าง การแต่งตัวที่ปกติก็แปลกประหลาดอยู่แล้ว ทว่ากลับมิได้ทำให้กงอวี้เฉินดูโดดเด่นมากนัก

เว่ยจวินมั่วกลับไม่แปลกใจ เอ่ยเสียงเรียบ “ถึงลิ่นฉังเฟิงอยากถ่วงเวลาเขาไว้ก็คงมิใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ” เห็นได้ชัดว่าสมบัติล้ำค่าพวกนี้ก็เป็นเป้าหมายของกงอวี้เฉินเช่นกัน ไม่แน่ว่าเหตุผลที่กงอวี้เฉินเข้าหาจังติ้งฟังก็คือสมบัติเหล่านี้ตั้งแต่ต้น ขอเพียงได้มันมา ต่อให้ฐานที่มั่นของหอธาราต้องโดนวังจื่อเซียวเผาทำลาย ตราบใดที่ไม่ทำลายถึงราก เพียงยกมือต้องการฐานที่มั่นอีกมากเพียงใดก็ย่อมได้

“ข้าจะไปดู เจ้ากลับไปก่อน” เว่ยจวินมั่วลุกขึ้นพลางเอ่ยบอก

หนานกงมั่วพยักหน้า “ระวังตัวด้วย”

มองเว่ยจวินมั่วเดินลงบันไดไป ไม่นานก็หายไปกับผู้คนไม่เห็นแม้แต่เงา หนานกงมั่วยิ้ม ก่อนจะหันกลับมามองฝังที่ยืนอยู่ด้านหลัง ฝังรู้สึกสันหลังเย็นวาบขึ้นมา ยิ้มอย่างขมขื่นส่งให้ “คุณหนู ท่านอยากทำอันใดก็สั่งมาเถิดขอรับ” หนานกงมั่วยิ้ม “เว่ยจวินมั่วไปเล่นกับกงอวี้เฉินแล้ว เราก็ไปหาเพื่อนเล่นกันเถอะ”

“คุณหนูหมายถึง…”

“จินผิงอี้” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ใบหน้าของฝังทะมึนขึ้น คุณหนู ชาติที่แล้วจินผิงอี้ติดหนี้ท่านกี่พันกี่หมื่นไม่คืนหรืออย่างไร ครั้งแรกสังหารลูกของเขา ครั้งที่สองไปหลอกเอากระบี่ล้ำค่าของเขา ครั้งนี้ยังคิดจะทำสิ่งใดอีกเล่า

มองใบหน้าขมขื่นน่าสงสารของเขาแล้วหนานกงมั่วก็ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ “กลัวสิ่งใดเล่า ครั้งนี้ข้าจะพาเจ้าไปเล่นด้วยกัน”

ข้าน้อยมิได้อยากเที่ยวเล่นเลยสักนิด ท่านพาคุณชายไปเล่นจะดีกว่านะขอรับ

หนานกงมั่วกลับไม่คิดหารือกับเขา ลุกขึ้นยืนและเดินออกไป ฝังทำได้เพียงรีบตามไปอย่างจนปัญญา

ความจริงการไปเล่นกับจินผิงอี้ก็มิใช่เรื่องง่าย ตั้งแต่ถูกหลอกจินผิงอี้ก็ระมัดระวังตัวต่อคนนอกมากขึ้น กับสตรีแปลกหน้ายิ่งระมัดระวังเป็นเท่าตัว อย่างไรก็ตามจินผิงอี้ที่อยู่ในยุทธภพมานานก็ใช่ว่าจะหลอกได้ง่ายๆ แต่ว่า ลูกน้องของเขาใช่ว่าจะระมัดระวังเหมือนเขาไปซะทุกคน ยามนี้สำนักกลเจ็ดดาวร่วมมือกับจังติ้งฟัง เดิมก็เป็นสำนักที่หยิ่งทะนงตนอยู่แล้วยามนี้ยิ่งไม่มองจอมยุทธ์ทั่วไปอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ มักรู้สึกว่าคนสำนักกลเจ็ดดาวนั้นต่างไปจากจอมยุทธ์ทั่วไปในยุทธภพ คิดว่าตนเองนั้นสูงส่งไปกว่าผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อยามนี้จิ่นโจวเป็นพื้นที่อิทธิพลของจังติ้งฟัง สำนักกลเจ็ดดาวยิ่งไม่เหลียวแลใครอยู่ในสายตาเข้าไปใหญ่ คิดว่าตนเองจะเดินอย่างไรก็ได้ แม้จินผิงอี้จะมาถึงจิ่นโจวเพียงไม่กี่วัน ศิษย์สำนักกลเจ็ดดาวกลับก่อเรื่องเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ดังนั้นหนานกงมั่วจึงตามหาพวกเขาเจอได้ไม่ยาก เมื่อได้รับข่าวมาแล้วก็พาฝังเดินเข้าไปในโรงน้ำชาด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง มองเห็นที่นั่งที่ดีที่สุดบนชั้นสองมีลูกศิษย์สำนักกลเจ็ดดาวนั่งดื่มอยู่ไม่กี่คนแต่เสียงพูดคุยกลับดังไม่เบา จนผู้คนรอบข้างเริ่มไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้ามากความด้วย

เมื่อเห็นหนานกงมั่วเดินขึ้นมา โรงน้ำชาที่เสียงดังจอแจพลันเงียบลง ลูกศิษย์สำนักกลเจ็ดดาวมองมายังสตรีอาภรณ์ขาวที่พึ่งเดินขึ้นมานิ่ง เห็นเพียงรูปร่างเพรียวระหงของนาง ผ้าคลุมหน้าสีขาวบางปักลายดอกไม้สีทองวิจิตร อีกทั้งยังมีผ้าคาดเอวสีทองเส้นนั้นที่ช่วยขับเน้นให้เห็นทรวดทรงเอวบางได้ชัดเจน งดงามน่าหลงใหลจนไม่สามารถอธิบายออกมาได้ ในยุทธภพ…มีหญิงงามเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน มิได้ด้อยไปกว่าหญิงงามอันดับหนึ่งข้างกายเจ้าสำนักเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น จังอู๋ซินแม้จะงดงาม ทว่ากลับมีใบหน้าอมทุกข์ทำให้คนมองรู้สึกไม่ดี ไหนเลยจะสู้สตรีอาภรณ์ขาวตรงหน้าได้ มีเสน่ห์เป็นที่สุด

“แม่นางท่านนี้…ไม่รู้ว่าแม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร” ลูกศิษย์ที่ดูเป็นผู้นำก้าวเดินเข้ามาใกล้ เอ่ยถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม

หนานกงมั่วเงยหน้าชายตามองเขาทว่าไม่เอ่ยอันใด คนผู้นั้นกลับรู้สึกว่าดวงตาคู่นี้มีความรักใคร่ซ่อนอยู่ ทนไม่ไหวขยับเข้าใกล้ขึ้นอีกนิด

เปลือกตาฝังกระตุก ยื่นมือออกไป ดาบขวางอยู่ตรงหน้าชายคนนั้น สีหน้าชายคนนั้นพลันเปลี่ยนไป จ้องฝังเขม็ง “เจ้าทำเช่นนี้หมายความเช่นไรกันหรือ”

ฝังเอ่ยตอบอย่างไม่เกรงใจ “คุณหนูฐานะสูงส่ง เจ้าช่วยถอยออกไปด้วย”

คนคนนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยน น้ำเสียงน่าเกลียดเอ่ยขึ้น “ฐานะสูงส่งงั้นหรือ ยามนี้ในจิ่นโจวมีใครสูงส่งไปกว่าสำนักกลเจ็ดดาวของเราด้วยหรือ สาวงามผู้นี้ กลับไปกับข้าดีๆ เสียจะดีกว่า ต่อไปรับรองเจ้าจะกินดีอยู่ดี”

หนานกงมั่วยิ้ม “อ้อ จริงหรือ”

“เอ่อ…แน่นอนว่าจริงสิ” คนคนนั้นเอ่ยตอบ

หนานกงมั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อยอิ่ง “สำนักกลเจ็ดดาวชื่อเสียงคับฟ้า เพียงแต่…ว่ากันว่าลูกศิษย์ในสำนักมีไม่น้อยกว่าสามพัน เจ้า…จะรับรองได้เช่นไรว่าข้าจะได้กินดีอยู่ดี”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท